ทำไมทางพุทธถึงบอกว่า(หรือเชื่อว่า)เราเป็นหนี้บุญคุณบุพการีใหญ่หลวง

กระทู้คำถาม
ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจาก คห 32-4 แล้วค่ะว่าทำไม
ขอบพระคุณทุกท่าน
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 42
ไม่ได้เลือกคำตอบนี้นะคะ แต่อยากปักไว้ข้างบนเพื่ออัพเดทค่ะ ขอโทษด้วยค่ะจะเอาออกแต่เอาออกไม่ได้ คำตอบที่เลือกคือ คห 32-4 ค่ะ

---------------------------------------------------------------------------------------------------

น้อมรับทุกความคิดเห็นค่ะ และขอบคุณหลายๆความเห็นที่ตอบได้ตรงประเด็น
ส่วนท่านใดที่รู้สึกสะเทือนใจมากดสยอง หรือคิดว่าหนูเรียกร้องความสนใจ หรือคิดว่ารับไม่ได้ที่มีคนคิดแบบนี้ก็น้อมรับเช่นกันค่ะ แต่ก็ขอให้เข้าใจด้วยว่าคนเรามันก็คิดต่างกันได้ อาจจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดสงสัยแบบนี้ แต่เขาจะ bold พอที่จะถามออกมาหรือเปล่า เพราะมันต่างจากบรรทัดฐานสังคมมาก แต่หนูสงสัยจริงๆ ใครจะหาว่าโง่ก็ตาม เก็บไว้มานาน ไม่กล้าไปถกถามกับใคร คิดว่า Pantip นี่แหละปลอดภัยสุดแล้วที่จะถาม

ที่ถามนี่คือ ไม่ใช่ว่าไม่มีจิตสำนึก ไม่ใช่ว่าอยากจะทิ้งไม่เหลียวแล อย่างที่บอกไปค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน รักกันดี หนูให้ความเคารพท่านอย่างที่ผู้เป็นลูกพึงกระทำ มีความห่วงหาอาทร ดูแลท่านอย่างดี เพราะเราผูกพันธ์กันเป็นสายเลือด ผลัดกันให้ผลัดกันรับมาตลอด รู้สึกเป็นที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด เพราะรู้ว่าไม่มีใครจะมาหวังดีกับเราเท่ากับท่านอีกแล้ว ใครจะว่าหนูไม่บริสุทธิ์ใจก็ช่าง แต่หนูรู้ตัวเองดี ถึงจะสงสัยแบบนี้ แม่หนูมาก็เป็นที่หนึ่งมาก่อนเสมอ

เพียงแต่ติดใจกับสิ่งที่ถูกปลูกฝังกันมา คำว่า "บุญคุณใหญ่หลวงที่เป็นหนี้ทดแทนไม่มีวันหมดสิ้น" ทำไมถึงเป็นแบบนั้น เพราะ

1. เราไม่ได้ขอมาเกิดเองใช่หรือไม่
    แต่ได้คำตอบแล้วว่า ไม่ได้ขอมาเกิดก็ตาม ยังไงก็ต้องได้เกิดอยู่ดี เพราะมนุษย์มีความต้องการดำรงเผ่าพันธุ์ (เช่นสัตว์อื่น) ถึงไม่ได้เกิดกับแม่คนนี้ ก็ได้ไปเกิดกับแม่คนอื่นอยู่ดี เพราะห้ามสันชาตญาณที่ฝัง DNA มาไม่ได้

2. การเลี้ยงดูลูกเป็นสิ่งที่พึงกระทำอยู่แล้วใช่หรือไม่
    เมื่อเราให้เขาเกิดมาแล้วเราต้องมีความพร้อมที่จะรับผิดชอบเขา ให้การเลี้ยงดู การศึกษา อบรมสั่งสอนให้อยู่ในสังคมได้ เอาตัวรอดได้ ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบ สิ่งที่มนุษย์ต่างจากสัตว์คือสำนึกในการรับผิดชอบ ไม่ออกลูกทิ้งขว้าง แต่มันก็เป็นสิ่งที่สังคมมนุษย์ต้องทำอยู่แล้วใช่หรือเปล่า เพราะเราต้องมีการศึกษา ต้องมี manners ถึงจะอยู่รอดกับคนอื่นได้ แต่สัตว์แข็งแรงกว่ามนุษย์เยอะ มีเขี้ยวมีคม เลี้ยงดูจนถึงจุดหนึ่งก็สามารถปล่อยไปต่อสู้เองได้ ซึ่งถือเป็นคนละสังคมกัน

ที่เอ่ยถึงฝรั่งคือ หนูไม่ได้เห็นเค้ามีแนวคิดที่ว่า "พ่อแม่มีบุญคุณใหญ่หลวง เราเป็นหนี้ทดแทนไม่มีวันหมดสิ้น" จากที่ได้สัมผัสมาตื้นๆ เขาก็ดูแลกันธรรมดา พ่อแม่มีลูกก็รับผิดชอบดูแลให้การศึกษา อบรมสั่งสอน เพื่อเป็นกำลังแรงพัฒนาประเทศต่อไป ห่วงใยอาทรกันตามประสาครอบครัว ช่วยเหลือจุนเจือพ่อแม่กันเป็นธรรมดาเมื่อเดือดร้อน แต่ถ้าเขาไม่มีกำลังที่จะช่วยเหลือพ่อแม่ ก็ไม่ได้มีใครมาตราหน้าว่าเขาบาป หรือไม่รู้บุญคุณ ไม่ได้เว่อร์วังแบบบ้านเราที่ต้องทำตามความต้องการของบุพการีทุกอย่าง ทำให้เสียใจไม่ได้สักปลายก้อย ไม่อย่างนั้นจะเป็นลูกอกตัญญูและบาปหนา
แต่ก็เข้าใจแล้วว่า อาจจะเป็นกุศโลบายหรืออะไรสักอย่างเพื่อให้เหมาะกับสังคมไทย เพราะบ้านเราไม่ได้มีสวัสดิการดีแบบฝรั่ง ต้องพึ่งลูกหลานยามแก่เฒ่า

ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าบริสุทธิ์ใจ เพียงแค่อีดอัดกับคำว่าบาปบุญและแนวคิดหนี้บุญคุณที่บางครั้งมันก็ shape ชีวิตเราไปในทางที่เราไม่ได้ต้องการ จะแสดงความเห็นอะไรแบบนี้ก็ถูกตราหน้าว่าบาป
และหนูรู้บุญคุณคนดีค่ะ ไม่ต้องห่วง เพียงแต่สงสัยว่าบุญคุณพ่อแม่เนี่ยมันใหญ่หลวงขนาดนั้นจริงๆ ถึงขนาดต้องให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านต้องการเพื่อทดแทนหรือเปล่า

ซึ่งก็ขอขอบคุณทุกท่านที่มาแสดงความเห็นอีกครั้งหนึ่งนะคะ
ถ้าเข้าใจผิดประการใดก็อภัยไว้ด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่