"ยุ่น" เป็นฟรีแลนซ์กราฟฟิคดีไซน์ที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ การทำงานต่อเนื่อง 4 วันโดยไม่นอนเลยถือเป็นเรื่องปกติ แต่แล้ววันหนึ่งร่างกายก็ทนไม่ไหว ออกผื่นน่าเกลียดเต็มตัวจนยุ่นต้องไปหาหมอรักษาผิวหนังเป็นการด่วน!
.
หลังเกือบหมดตัวกับ รพ.เอกชน ยุ่นก็ฝากความหวังไว้กับ รพ.รัฐ ... และในห้องตรวจผู้ป่วยนอกหมายเลข 5 นั่นเองที่เขาได้พบกับ "หมออิม" และความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดของทั้งคู่ก็เริ่มขึ้น
.
ทางเดียวที่จะทุเลาอาการผื่นของยุ่นได้ ก็คือต้องพักผ่อนบ้าง ออกกำลังกายเยอะ ๆ และนอนก่อน 3 ทุ่ม!! ซึ่งสำหรับฟรีแลนซ์บ้างานอย่างยุ่นแล้ว นี่คือข้อปฏิบัติที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่เหมือนลึก ๆ ในใจเขาอยากจะทำตามคำแนะนำของหมออิมยังไงไม่รู้ ........ ยุ่นจะหายจากผื่นหรือไม่? จะทำงานเสร็จมั้ย? ลูกค้าจะเร่งขนาดไหน? แล้วการทำตามคำแนะนำของหมอมีผลยังไงกับชีวิตยุ่นบ้าง ไปดู!
.
บอกก่อนว่านี่คือผลงานกำกับของ เต๋อ นวพล ซึ่งเป็นผู้กำกับที่มีสไตล์อินดี้อย่างแรง ฉะนั้น เรื่องนี้จะไม่เหมือนหนังอื่น ๆ ของ GTH ... จะไม่มีเลิฟซีนหวือหวา น้ำตาแตก ไม่มีฉาก fan service ฯลฯ ... ทุกอย่างจะเล่าด้วยความเรียบ ๆ ธรรมดา แต่มันอินดี้ ถ้าไม่เข้าใจว่าอินดี้ยังไง เอาเป็นว่าประโยคที่เอามาใช้เปิดเรื่องนี้เอามาจากคำแนะนำในเอกสารของกระทรวงสาธารณสุข อินดี้ป่ะล่ะ?!
.
แต่ในความอินดี้ที่เล่าผ่านมุมมองอึน ๆ ของฟรีแลนซ์ที่อดหลับอดนอน เราจะได้เข้าไปในความรู้สึกนึกคิดของยุ่นมากขึ้น ๆ ๆ ... กว่า 80% ของบทพูดในหนัง คือสิ่งที่ยุ่นพูดกับตัวเอง ซึ่งมันเต็มไปด้วยความตลกและการประชดประชันอย่างร้ายกาจ และแน่นอนว่ามันมีความโรแมนติกด้วย ทุกบทสนทนาระหว่างหมอกับคนไข้ที่ดูเรียบ ๆ ธรรมดา มีความโรแมนติกซ่อนอยู่ ซึ่งทำให้ผู้ชมอมยิ้มได้ตั้งแต่ต้นจนจบเลย
.
สิ่งที่ชอบคือ หนังพาเราไปถึงจุดที่รู้สึกว่า อาชีพฟรีแลนซ์กราฟฟิคดีไซน์ กับหมอรักษาโรคผิวหนัง มันมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันนะ แล้วมันทำให้ยุ่นกับหมออิมจูนกันติด .... เรื่องราวในหนังเจาะลึกไปที่แนวคิดของทั้งฟรีแลนซ์และหมอ โดยให้น้ำหนักกับงานฟรีแลนซ์มากกว่า ซึ่งต้องชมว่าบทภาพยนตร์ผ่านการค้นคว้ามาอย่างดีและเขียนได้สมจริงมาก ชนิดว่าคนไม่ได้ทำฟรีแลนซ์เข้าใจเลยว่าการโดนลูกค้าเร่งงาน โดนลูกค้าด่า มีวินมอเตอร์ไซค์มานั่งรอเอางานไปส่ง การตกงาน รวมถึงการเอารัดเอาเปรียบในวงการฟรีแลนซ์มันเป็นยังไง
.
ถ้าเป็นแฟนคลับ เต๋อ นวพล อยู่แล้ว รับรองไม่ผิดหวัง ลายเซ็นผู้กำกับมาเต็ม มีฉากลองเทค มี Hand Held ที่ทำให้ภาพมันสั่น ๆ เหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์ และที่เก๋ไก๋ที่สุดคือการใช้เสียงกลองเวลายุ่นต้องรีบปั่นงานให้ทันส่งลูกค้า ได้อารมณ์เหมือน Birdman เลยล่ะ
.
นักแสดงเล่นดีมาก ซันนี่แบกหนังไว้ได้ทั้งเรื่องและแสดงได้สมจริงสุด ๆ จนดูเหมือนคนไม่ได้นอนจริง ๆ เลย ให้คะแนนการแสดงเต็มสิบ!
.
แต่ขอย้ำอีกครั้ง!! ว่านี่คือหนังอินดี้ และมันไม่เหมือนหนัง GTH เรื่องอื่น .... สุดท้ายแล้ว จะมีหลายคนชอบ และจะมีหลายคนที่รู้สึกไม่ชอบเรื่องนี้เลย เพราะมันไม่ได้สนุกหวือหวาหรือตอบโจทย์ความบันเทิงตามสไตล์คนไทยเท่าไรนัก ... หนังพาเราเข้าไปสู่ความรู้สึกนึกคิด หรือพูดง่าย ๆ คือ "จิตมโน" ของยุ่น ซึ่งไม่ได้นอนมาหลายวัน ฉะนั้นจึงต้องจดจ่อกับเรื่องราวพอสมควร ..... ถ้าไม่จดจ่อก็จะหลุดและรู้สึกว่าหนังช่วงท้าย ๆ มันน่าเบื่อไปเลย ((รอบที่ไปดู มีคนเดินเข้าเดินออกและหยิบมือถือขึ้นมาเล่นหลายคนมาก))
.
สรุปคือ นี่คือหนังคุณภาพอีกเรื่องจาก GTH ซึ่งถ้าถามว่าชอบไหม ก็ตอบไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่ตอบได้ว่า "เป็นหนังดี" ถ้าใครอยากลองอะไรใหม่ ๆ ที่อินดี้แบบนี้ ก็ลองไปดูนะครับ ... หนังยาว 2 ชม.กว่า ๆ นะ อีโมติคอน smile
#FreelanceTheMovie
โดยนักวิจารย์รายเดิม Champ Christof
https://www.facebook.com/champ.christof?fref=ts
Review: FREELANCE ห้ามป่วย.. ห้ามพัก.. ห้ามรักหมอ
"ยุ่น" เป็นฟรีแลนซ์กราฟฟิคดีไซน์ที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ การทำงานต่อเนื่อง 4 วันโดยไม่นอนเลยถือเป็นเรื่องปกติ แต่แล้ววันหนึ่งร่างกายก็ทนไม่ไหว ออกผื่นน่าเกลียดเต็มตัวจนยุ่นต้องไปหาหมอรักษาผิวหนังเป็นการด่วน!
.
หลังเกือบหมดตัวกับ รพ.เอกชน ยุ่นก็ฝากความหวังไว้กับ รพ.รัฐ ... และในห้องตรวจผู้ป่วยนอกหมายเลข 5 นั่นเองที่เขาได้พบกับ "หมออิม" และความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดของทั้งคู่ก็เริ่มขึ้น
.
ทางเดียวที่จะทุเลาอาการผื่นของยุ่นได้ ก็คือต้องพักผ่อนบ้าง ออกกำลังกายเยอะ ๆ และนอนก่อน 3 ทุ่ม!! ซึ่งสำหรับฟรีแลนซ์บ้างานอย่างยุ่นแล้ว นี่คือข้อปฏิบัติที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่เหมือนลึก ๆ ในใจเขาอยากจะทำตามคำแนะนำของหมออิมยังไงไม่รู้ ........ ยุ่นจะหายจากผื่นหรือไม่? จะทำงานเสร็จมั้ย? ลูกค้าจะเร่งขนาดไหน? แล้วการทำตามคำแนะนำของหมอมีผลยังไงกับชีวิตยุ่นบ้าง ไปดู!
.
บอกก่อนว่านี่คือผลงานกำกับของ เต๋อ นวพล ซึ่งเป็นผู้กำกับที่มีสไตล์อินดี้อย่างแรง ฉะนั้น เรื่องนี้จะไม่เหมือนหนังอื่น ๆ ของ GTH ... จะไม่มีเลิฟซีนหวือหวา น้ำตาแตก ไม่มีฉาก fan service ฯลฯ ... ทุกอย่างจะเล่าด้วยความเรียบ ๆ ธรรมดา แต่มันอินดี้ ถ้าไม่เข้าใจว่าอินดี้ยังไง เอาเป็นว่าประโยคที่เอามาใช้เปิดเรื่องนี้เอามาจากคำแนะนำในเอกสารของกระทรวงสาธารณสุข อินดี้ป่ะล่ะ?!
.
แต่ในความอินดี้ที่เล่าผ่านมุมมองอึน ๆ ของฟรีแลนซ์ที่อดหลับอดนอน เราจะได้เข้าไปในความรู้สึกนึกคิดของยุ่นมากขึ้น ๆ ๆ ... กว่า 80% ของบทพูดในหนัง คือสิ่งที่ยุ่นพูดกับตัวเอง ซึ่งมันเต็มไปด้วยความตลกและการประชดประชันอย่างร้ายกาจ และแน่นอนว่ามันมีความโรแมนติกด้วย ทุกบทสนทนาระหว่างหมอกับคนไข้ที่ดูเรียบ ๆ ธรรมดา มีความโรแมนติกซ่อนอยู่ ซึ่งทำให้ผู้ชมอมยิ้มได้ตั้งแต่ต้นจนจบเลย
.
สิ่งที่ชอบคือ หนังพาเราไปถึงจุดที่รู้สึกว่า อาชีพฟรีแลนซ์กราฟฟิคดีไซน์ กับหมอรักษาโรคผิวหนัง มันมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันนะ แล้วมันทำให้ยุ่นกับหมออิมจูนกันติด .... เรื่องราวในหนังเจาะลึกไปที่แนวคิดของทั้งฟรีแลนซ์และหมอ โดยให้น้ำหนักกับงานฟรีแลนซ์มากกว่า ซึ่งต้องชมว่าบทภาพยนตร์ผ่านการค้นคว้ามาอย่างดีและเขียนได้สมจริงมาก ชนิดว่าคนไม่ได้ทำฟรีแลนซ์เข้าใจเลยว่าการโดนลูกค้าเร่งงาน โดนลูกค้าด่า มีวินมอเตอร์ไซค์มานั่งรอเอางานไปส่ง การตกงาน รวมถึงการเอารัดเอาเปรียบในวงการฟรีแลนซ์มันเป็นยังไง
.
ถ้าเป็นแฟนคลับ เต๋อ นวพล อยู่แล้ว รับรองไม่ผิดหวัง ลายเซ็นผู้กำกับมาเต็ม มีฉากลองเทค มี Hand Held ที่ทำให้ภาพมันสั่น ๆ เหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์ และที่เก๋ไก๋ที่สุดคือการใช้เสียงกลองเวลายุ่นต้องรีบปั่นงานให้ทันส่งลูกค้า ได้อารมณ์เหมือน Birdman เลยล่ะ
.
นักแสดงเล่นดีมาก ซันนี่แบกหนังไว้ได้ทั้งเรื่องและแสดงได้สมจริงสุด ๆ จนดูเหมือนคนไม่ได้นอนจริง ๆ เลย ให้คะแนนการแสดงเต็มสิบ!
.
แต่ขอย้ำอีกครั้ง!! ว่านี่คือหนังอินดี้ และมันไม่เหมือนหนัง GTH เรื่องอื่น .... สุดท้ายแล้ว จะมีหลายคนชอบ และจะมีหลายคนที่รู้สึกไม่ชอบเรื่องนี้เลย เพราะมันไม่ได้สนุกหวือหวาหรือตอบโจทย์ความบันเทิงตามสไตล์คนไทยเท่าไรนัก ... หนังพาเราเข้าไปสู่ความรู้สึกนึกคิด หรือพูดง่าย ๆ คือ "จิตมโน" ของยุ่น ซึ่งไม่ได้นอนมาหลายวัน ฉะนั้นจึงต้องจดจ่อกับเรื่องราวพอสมควร ..... ถ้าไม่จดจ่อก็จะหลุดและรู้สึกว่าหนังช่วงท้าย ๆ มันน่าเบื่อไปเลย ((รอบที่ไปดู มีคนเดินเข้าเดินออกและหยิบมือถือขึ้นมาเล่นหลายคนมาก))
.
สรุปคือ นี่คือหนังคุณภาพอีกเรื่องจาก GTH ซึ่งถ้าถามว่าชอบไหม ก็ตอบไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่ตอบได้ว่า "เป็นหนังดี" ถ้าใครอยากลองอะไรใหม่ ๆ ที่อินดี้แบบนี้ ก็ลองไปดูนะครับ ... หนังยาว 2 ชม.กว่า ๆ นะ อีโมติคอน smile
#FreelanceTheMovie
โดยนักวิจารย์รายเดิม Champ Christof https://www.facebook.com/champ.christof?fref=ts