คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 71
สรุปผู้บริโภคทั่วไปไม่ได้เดือนร้อนออะไร 200 ถ้าใช้อย่างไงก็ถึง เเต่คนที่ดิ้นคือคนขาย
หืม. น่าคิด ผมว่าเขาก็ใจดีกับผู้บริโภคทั่วไปนะ เเต่คนที่คิดจะเอากำไรจากการขายของ ก็คงต้องคิดเอาเองว่ามันสมเหตุสมผลไหม
เเล้วหัวข้อกระทู้ผมไม่เห็นว่าจะคือผู้บริโภคเลยนะครับที่ถูกเอาเปรียบ
มีเเต่คนที่ได้ประโยชน์ เเล้วเสียอะไรสักอย่างไป ผู้บริโภคอะไรมีซิมเป็นร้อยเป็นพัน
อย่างนี้เขาเรียกธุรกิจหรือผู้ประกอบการเเล้วครับ
หืม. น่าคิด ผมว่าเขาก็ใจดีกับผู้บริโภคทั่วไปนะ เเต่คนที่คิดจะเอากำไรจากการขายของ ก็คงต้องคิดเอาเองว่ามันสมเหตุสมผลไหม
เเล้วหัวข้อกระทู้ผมไม่เห็นว่าจะคือผู้บริโภคเลยนะครับที่ถูกเอาเปรียบ
มีเเต่คนที่ได้ประโยชน์ เเล้วเสียอะไรสักอย่างไป ผู้บริโภคอะไรมีซิมเป็นร้อยเป็นพัน
อย่างนี้เขาเรียกธุรกิจหรือผู้ประกอบการเเล้วครับ
ความคิดเห็นที่ 94
ส่วนตัวผมมองว่า DTAC คิดมาในระดับนึงแล้ว
มองในแน่ของธุรกิจอย่างเดียวนะครับ
1. ลูกค้าที่ใช้งานจริงๆ น่าจะมีน้อยมาก ที่จะไม่สามารถใช้งานบริการนี้
2. พวกพ่อค้าขายซิม ทางดีแทคอาจจะไม่ได้มองเป็นลูกค้าครับ เพราะครอบครองซิมอยู่ แต่ไม่มีการใช้งาน เติมเงินน้อยที่สุด เพื่อให้อยู่นานที่สุด คนกลุ่มนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้กับองค์กรอย่างที่ควรจะเป็น และผมคาดว่า DTAC มีค่าใช้จ่ายเพื่อที่จะ maintain เบอร์ไว้ (dtac คงจะมีจุดคุ้มทุนในใจ ว่าลูกค้าคนนึงควรจะใช้บริการกี่บาทต่อเดือน ถึงจะคุ้มกับเงินลงทุนต่อ 1 เบอร์)
ย้ายค่ายหนี DTAC กระทบอะไร
- ผมเข้าใจว่า รายได้ของบริษัท เกิดจากการที่ลูกค้าใช้บริการ ไม่ใช่เกิดจากการว่าใครถือครองเบอร์มากกว่ากัน ดังนั้นกำไรขาดทุนคงไม่มากเท่าไหร่
- ลูกค้า DTAC เดิม ก็คงไม่ได้ไม่เสียอะไรมากมาย เพราะเบอร์พวกนั้นคือเบอร์ที่ไม่ได้ใช้งานจริง
- DTAC ได้ทำการ clean-up ฐานลูกค้า เหลือไว้เฉพาะลูกค้าตัวจริง
- อย่างเดียวที่ DTAC จะเสีย คือฐานลูกค้า ซึ่งผมว่าฐานลูกค้า มันเอาไว้ต่อรอง (ตัวประกัน) ในกรณีต่างๆ เอาไว้อ้างว่าชั้นมีความสำคัญนะ มีลูกค้าในมือตั้งกี่ล้านเบอร์ (ยกตัวอย่างเรื่อง 4G ของ TOT) มันไม่ได้สร้างรายได้อะไรให้เลยในช่วงเวลาปกติ
ถ้าพ่อค้าซิมย้ายไปค่ายอื่น (สมมุตย้ายไปสีแดง) แล้วถ้ามีลูกค้ามาซื้อเบอร์ไป แต่เค้าไม่ชอบบริการของสีแดง แต่ชอบของ DTAC มากกว่า สุดท้ายเค้าก็ต้องขอทำเรื่องย้ายมา DTAC อยู่ดี
มองในแน่ของธุรกิจอย่างเดียวนะครับ
1. ลูกค้าที่ใช้งานจริงๆ น่าจะมีน้อยมาก ที่จะไม่สามารถใช้งานบริการนี้
2. พวกพ่อค้าขายซิม ทางดีแทคอาจจะไม่ได้มองเป็นลูกค้าครับ เพราะครอบครองซิมอยู่ แต่ไม่มีการใช้งาน เติมเงินน้อยที่สุด เพื่อให้อยู่นานที่สุด คนกลุ่มนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้กับองค์กรอย่างที่ควรจะเป็น และผมคาดว่า DTAC มีค่าใช้จ่ายเพื่อที่จะ maintain เบอร์ไว้ (dtac คงจะมีจุดคุ้มทุนในใจ ว่าลูกค้าคนนึงควรจะใช้บริการกี่บาทต่อเดือน ถึงจะคุ้มกับเงินลงทุนต่อ 1 เบอร์)
ย้ายค่ายหนี DTAC กระทบอะไร
- ผมเข้าใจว่า รายได้ของบริษัท เกิดจากการที่ลูกค้าใช้บริการ ไม่ใช่เกิดจากการว่าใครถือครองเบอร์มากกว่ากัน ดังนั้นกำไรขาดทุนคงไม่มากเท่าไหร่
- ลูกค้า DTAC เดิม ก็คงไม่ได้ไม่เสียอะไรมากมาย เพราะเบอร์พวกนั้นคือเบอร์ที่ไม่ได้ใช้งานจริง
- DTAC ได้ทำการ clean-up ฐานลูกค้า เหลือไว้เฉพาะลูกค้าตัวจริง
- อย่างเดียวที่ DTAC จะเสีย คือฐานลูกค้า ซึ่งผมว่าฐานลูกค้า มันเอาไว้ต่อรอง (ตัวประกัน) ในกรณีต่างๆ เอาไว้อ้างว่าชั้นมีความสำคัญนะ มีลูกค้าในมือตั้งกี่ล้านเบอร์ (ยกตัวอย่างเรื่อง 4G ของ TOT) มันไม่ได้สร้างรายได้อะไรให้เลยในช่วงเวลาปกติ
ถ้าพ่อค้าซิมย้ายไปค่ายอื่น (สมมุตย้ายไปสีแดง) แล้วถ้ามีลูกค้ามาซื้อเบอร์ไป แต่เค้าไม่ชอบบริการของสีแดง แต่ชอบของ DTAC มากกว่า สุดท้ายเค้าก็ต้องขอทำเรื่องย้ายมา DTAC อยู่ดี
แสดงความคิดเห็น
Dtac ออกกฏเอาเปรียบผู้บริโภคครับ
ดีแทคออกกฏใหม่ เริ่มตั้งแต่ 1 กย 58 นี้
ใจดีแจกวัน ใจดีให้โอน จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีการใช้งานจริง200บาทขึ้นไป ถึงแม้เปิดเบอร์นาน90วันแล้วก็ตาม แต่ถ้ายอดไม่ถึง200บาท ก็หมดสิทธิ์ครับ งานนี้ขาดทุนเพียบเลย ย้ายหนีแน่นอนครับ ยอมตัดใจทิ้งเงินในซิมตอนนี้ ไปเลยครับ ดีกว่าจะเสียเงินมากกว่านี้ในอนาคต
ผมว่าดีแทคจะเสียลูกค้าก็แบบนี้แน่ครับ ทำน่าเกลียดมากครับ ผมย้ายหมดแน่ครับเกือบ300เบอร์ จะย้ายไปไหนดีหว่า
ปล.ตั้งแต่เปลี่ยนผู้บริหาร ผมรู้สึกว่าแย่ลงนะครับ สังเกตจากเซลล์ดีแทคที่มาบ้านผม บ่นกันทุกคน ลาออกกันไปหลายคนแล้ว มีอย่างที่ไหน ลูกค้ามาเติมเงินออนไลน์กับตัวแทน800บาทไมได้แถมเลย แต่ถ้าไปเติมตู้ATM จะได้แถม100 บาท แล้วแบบนี้ใครจะมาเติมเงินกับร้านตัวแทนล่ะครับ แล้วเซลล์จะเอายอดขาย ที่ไหนล่ะครับ เซลล์โทรมาขอยอดเติมเงินออนไลน์อยู่เรื่อยๆเลยครับ