คิดยังไง กับการลดเวลาเรียนลงเลิก 2 โมง- รร กวดวิชา ร้านเกมส์ บอกดีเลยได้ลูกค้าเพิ่ม เด็กที่ไม่เรียนก็มีเวลาไปมี sexกัน
ตามแนวคิดกระทรวงศึกษาพิการ
... ซึ่งแต่ละ โรงเรียนบอก เลิกเร็ว แต่ อาจไม่เปิดประตูโรงเรียน
ซึ่งก็ดี ให้เด็ก นั่งทำการบ้านนั่งเล่นไลน์ เฟส เล่นกีฬา ก็ยังดีกว่าปล่อยไปนอกโรงเรียน
เด็กที่ไม่ค่อยเรียนอยู่แล้ว อาจถูกชวนไปมั่วสุม ไปเสพยา
หรือต่อให้เด็กเรียนก็เถอะ เรียนเครียดมาก บางทีก็มีไปปลอดปล่อยกับแฟนเหมือนกัน
ซึ่งบางคนก็เคยเห็นแล้วในคลิป ในข่าว ว่าบ้างทีก็มีอะไรกันในห้องน้ำโรงเรียนเลย
การปลป่อยเร็ว หรือลดเวลาเรียนให้เด็กทำกิจกรรม ให้วาดรูป ฟังเพลง ก็น่าจะดีกว่าปล่อยไปข้างนอก
แต่น่าอนาถใจ ที่การศึกษาไทยคัดคนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ใครสอบได้
ฉะนั้นผู้ปกครอง กลัวลูกเข้าจุฬาลงกรณ์ มธ เกษตร ไม่ได้ เลยเอาไปเรียนพิเศษ
ร ร กวดวิชาบอกถ้าปล่อยเร็วก็ดีเลย
ตีว่า ได้เวลาเพิ่มอีก 1ชม. 1 ชม. คูณ 200 คน คนละ 500 บาทต่อ ชม. ก็ได้ 100000 บาท
เดือนนึงก็ คิดวัน จ-ศ ที่เพิ่มขึ้นมา 20 วัน ก็ได้ 2 ล้าน
ปีนึงก็ได้เงินเพิ่ม 24 ล้านบาท "" ตามหลักธุรกิจเลย ที่เท่าเดิมแต่ได้กำไรเพิ่ม อีก 24 ล้าน
เรียนๆๆๆๆ กันจนโง่แล้ว มีอยู่ครั้งนึง ช่วงม็อบ ปี 53 แม่เอาลูกมาส่งที่สยามเพือ่กวดวิชา แต่วันนั้น ร ร.กวดวิชา ยกเลิกไม่สอน
เพราะกลัวเหตุวุ่นวาย.. ปรากฏว่า เด็กผู้หญิงคนนั้น คิดไม่ออกว่าจะไปไหนอีก หรือจะกลับบ้านยังไง
ก็เลยนั่งอยู่ในห้องกวดวิชาจนครบเวลา และรอ พ่อมารับกลับ.
( คือ รู้แต่เรื่องเรียน ว่าต้องมาเรียน ถ้าไม่มีใครมาตั้งโปรแกรมใหม่ก็ คิดไม่ออกแล้ว )
แล้วถ้าไปอยู่ มหาวิทยาลัย ไม่โดนผู้ชายหลอกเอาไปทำอะไรเลยหรือ น่าห่วงจัง
ส่วนปัจจุบันนี้ บาง ร ร. เริ่มเรียน 7. 30 บ้ารึป่าวเนี่ย.. วัยเด็ก ควรจะพักผ่อนให้เพียงพอ แต่นิการบ้านก็เยอะ บางคนทำถึง ห้าทุ่ม
กว่าจะได้นอน นอนไป แปปๆ ก็ ต้องตื่นตอน ตี 5 กว่า อาบน้ำ ถักเปียอีก ก็ครึ่ง ชม.
( แต่พวกไม่เรียน สั้งงานไป เด็กบอกไม่ทำหรอก มันไม่เข้าใจ ไปนอนกับแฟน ไปแว้นซ์ดีกว่า )
พวกเด็กเรียนหัวโต 6 โมงเช้า ออกจากบ้าน แล้วถ้าช่วงไหน 6 โมงยังมืดอยู่ละ เด็กสาวๆ ไม่น่าห่วงหรือ..
ทำไม ร ร. ไม่เข้าให้ช้าหน่อย พ่อก็มาส่งลูกประมาณว่าไม่ต้องรีบ แล้วก็ไปทำงานก็ทัน
ส่วนเด็กเลิกเร็วก็ให้อยู่ ร ร. ก่อนไม่ต้องออกมา เดินเที่ยว
ปรับกันตั้งกี่รอบกี่รอบ ปรับทีนึงก็เทไปข้างเดียวซะหมด ไม่ได้เอาข้อดีของแต่ละเรื่อง มาใช้
แต่กลายเป็นการแก้ปัญหาแบบยกแพ็ค และทุบโต๊ะโดยผู้มีอำนาจตัดสินใจ ซึ่งอาจไม่มีความรู้ความเข้าใจพอ ในเรื่องนั้น
ผลก็ได้มา คือ สะเปะสะปะ แบบนี้ละ
..... เชื่อมั้ยยละ ว่า มันจะเกิดปัญหาใหม่ตามมาอีก
คิดยังไง กับการลดเวลาเรียนลงเลิก 2 โมง- รร กวดวิชา ร้านเกมส์ บอกดีเลยได้ลูกค้าเพิ่ม เด็กที่ไม่เรียนก็มีเวลาไปมี sexกัน
ตามแนวคิดกระทรวงศึกษาพิการ
... ซึ่งแต่ละ โรงเรียนบอก เลิกเร็ว แต่ อาจไม่เปิดประตูโรงเรียน
ซึ่งก็ดี ให้เด็ก นั่งทำการบ้านนั่งเล่นไลน์ เฟส เล่นกีฬา ก็ยังดีกว่าปล่อยไปนอกโรงเรียน
เด็กที่ไม่ค่อยเรียนอยู่แล้ว อาจถูกชวนไปมั่วสุม ไปเสพยา
หรือต่อให้เด็กเรียนก็เถอะ เรียนเครียดมาก บางทีก็มีไปปลอดปล่อยกับแฟนเหมือนกัน
ซึ่งบางคนก็เคยเห็นแล้วในคลิป ในข่าว ว่าบ้างทีก็มีอะไรกันในห้องน้ำโรงเรียนเลย
การปลป่อยเร็ว หรือลดเวลาเรียนให้เด็กทำกิจกรรม ให้วาดรูป ฟังเพลง ก็น่าจะดีกว่าปล่อยไปข้างนอก
แต่น่าอนาถใจ ที่การศึกษาไทยคัดคนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ใครสอบได้
ฉะนั้นผู้ปกครอง กลัวลูกเข้าจุฬาลงกรณ์ มธ เกษตร ไม่ได้ เลยเอาไปเรียนพิเศษ
ร ร กวดวิชาบอกถ้าปล่อยเร็วก็ดีเลย
ตีว่า ได้เวลาเพิ่มอีก 1ชม. 1 ชม. คูณ 200 คน คนละ 500 บาทต่อ ชม. ก็ได้ 100000 บาท
เดือนนึงก็ คิดวัน จ-ศ ที่เพิ่มขึ้นมา 20 วัน ก็ได้ 2 ล้าน
ปีนึงก็ได้เงินเพิ่ม 24 ล้านบาท "" ตามหลักธุรกิจเลย ที่เท่าเดิมแต่ได้กำไรเพิ่ม อีก 24 ล้าน
เรียนๆๆๆๆ กันจนโง่แล้ว มีอยู่ครั้งนึง ช่วงม็อบ ปี 53 แม่เอาลูกมาส่งที่สยามเพือ่กวดวิชา แต่วันนั้น ร ร.กวดวิชา ยกเลิกไม่สอน
เพราะกลัวเหตุวุ่นวาย.. ปรากฏว่า เด็กผู้หญิงคนนั้น คิดไม่ออกว่าจะไปไหนอีก หรือจะกลับบ้านยังไง
ก็เลยนั่งอยู่ในห้องกวดวิชาจนครบเวลา และรอ พ่อมารับกลับ.
( คือ รู้แต่เรื่องเรียน ว่าต้องมาเรียน ถ้าไม่มีใครมาตั้งโปรแกรมใหม่ก็ คิดไม่ออกแล้ว )
แล้วถ้าไปอยู่ มหาวิทยาลัย ไม่โดนผู้ชายหลอกเอาไปทำอะไรเลยหรือ น่าห่วงจัง
ส่วนปัจจุบันนี้ บาง ร ร. เริ่มเรียน 7. 30 บ้ารึป่าวเนี่ย.. วัยเด็ก ควรจะพักผ่อนให้เพียงพอ แต่นิการบ้านก็เยอะ บางคนทำถึง ห้าทุ่ม
กว่าจะได้นอน นอนไป แปปๆ ก็ ต้องตื่นตอน ตี 5 กว่า อาบน้ำ ถักเปียอีก ก็ครึ่ง ชม.
( แต่พวกไม่เรียน สั้งงานไป เด็กบอกไม่ทำหรอก มันไม่เข้าใจ ไปนอนกับแฟน ไปแว้นซ์ดีกว่า )
พวกเด็กเรียนหัวโต 6 โมงเช้า ออกจากบ้าน แล้วถ้าช่วงไหน 6 โมงยังมืดอยู่ละ เด็กสาวๆ ไม่น่าห่วงหรือ..
ทำไม ร ร. ไม่เข้าให้ช้าหน่อย พ่อก็มาส่งลูกประมาณว่าไม่ต้องรีบ แล้วก็ไปทำงานก็ทัน
ส่วนเด็กเลิกเร็วก็ให้อยู่ ร ร. ก่อนไม่ต้องออกมา เดินเที่ยว
ปรับกันตั้งกี่รอบกี่รอบ ปรับทีนึงก็เทไปข้างเดียวซะหมด ไม่ได้เอาข้อดีของแต่ละเรื่อง มาใช้
แต่กลายเป็นการแก้ปัญหาแบบยกแพ็ค และทุบโต๊ะโดยผู้มีอำนาจตัดสินใจ ซึ่งอาจไม่มีความรู้ความเข้าใจพอ ในเรื่องนั้น
ผลก็ได้มา คือ สะเปะสะปะ แบบนี้ละ
..... เชื่อมั้ยยละ ว่า มันจะเกิดปัญหาใหม่ตามมาอีก