นี่เป็นกระทู้รีวิวกระทู้แรกของเราใน Pantip เลยค่ะ
เรื่องของเรื่องคือตอนแรกคุยกับเพื่อนรวม 3 คนว่าปีนี้อยากจะไปเที่ยวอียิปต์กัน ลองนัดวันกันดูแล้ว เดือนสิงหานี่แหละเวิร์คสุด ว่างตรงกัน ถึงจะพอรู้มาบ้างว่าร้อนตับแล่บแน่ แต่ปัญหาที่สำคัญกว่าร้อนหรือไม่ร้อน ก็คือโอกาสที่จะลาหยุดได้ตรงกันนี่แหละที่สำคัญที่สุด
เพราะงั้นก็เลยตัดสินใจกันมั่นเหมาะว่าเอาสิงหานี่แหละเฮ้ยช่วงอาทิตย์วันแม่พอดี ก็ใช้วันลาหยุดแค่ 4 วัน จัดการส่งใบลาไปก็แล้ว จองทัวร์ไปก็แล้ว มั่นใจมากว่าครั้งนี้ได้ไปแน่ ทว่า...
ตอนต้นเดือนกรกฎาคม ทัวร์ก็โทรมาแจ้งว่า “คนไม่ครบ ออกไม่ได้นะคร้าบบบบ”
ณ ตอนนั้นขอบอกว่าช้ำใจมากเลยค่ะ
แต่ก็เอาวะ ยังไงก็ลาหยุดกันไปแล้ว ต่อให้ไม่ได้ไปอียิปต์ ก็ต้องหาที่ไปที่อื่นอยู่ดี
จากนั้นก็คือการประชุมด่วนว่าจะไปที่ไหน แล้วก็คัดออกมาว่า ประเทศที่มีเวลาเตรียมตัวแค่เดือนเดียว ไปแบบไม่ต้องทำการบ้านมาก ก็น่าจะเป็นญี่ปุ่นนี่แหละ พอตกลงกันได้ว่าจะไปญี่ปุ่น ก็เริ่มคิดต่อว่าจะไปเที่ยวไหนกันบ้างดี มีคนเสนอว่าอยากลองแช่ออนเซ็นหน้าร้อน พูดถึงออนเซ็นก็ต้องไปฟูจิ พูดถึงฟูจิ อ๊ะ เดือนสิงหามันปีนได้นี่หว่า!
และนั่นแหละ..คือจุดเริ่มต้นของความทุกข์ทรมานในกาลต่อมา.......
พวกเราจัดการวางแผนและจองที่พักอย่างรวดเร็ว โดยเลือกสายการบินแอร์เอเชีย แต่เนื่องจากไม่ได้ราคาโปรอะไรเล้ย เลยโดนฟันไป 17,570 บาท (รวมอาหารและผ้าห่มแล้ว)
กำหนดการเดินทางคือ 7/08/15 – 16/08/15 เราบินไฟลท์จากดอนเมือง 23.45 ไปลงโตเกียว-นาริตะ และกลับจากโอซาก้าวันที่ 16 รอบ 00.30 น.
กำหนดการเที่ยวคร่าวๆก็จะเป็นตามนี้
7/08/15 ออกเดินทาง
8/08/15 ถึงนาริตะ >> ตลาดปลา >> พระราชวังอิมพีเรียล >> วัดอาซากุสะ
9/08/15 ฟูจิชั้น 5 >> สู้ชีวิตตะกายฟูจิ
10/08/15 >>ตะกายฟูจิขาลง >> แช่ออนเซ็นที่ Hotel New Century
11/08/15 นอนพัก และเที่ยวเล่นๆแถวคาวากุจิโกะ >> นั่งไนท์บัสไปเกียวโต
12/08/15 ใส่ชุดยูกาตะ เดินเที่ยวคิโยมิสึ ย่านกิออน ศาลเจ้าเรียวเซ็นโกโคขุ ปราสาทนิโจ พระราชวังเกียวโต
13/08/15 Universal Japan
14/08/15 Arashiyama >> Ryoanji >> Fushimi Inari
15/08/15 Himeji
16/08/15 กลับบ้านเรา~
เนื่องจากเป็นทริปแบบปัจจุบันทันด่วน ที่พักที่ราคาพอรับได้ก็เลยเต็มหมดแล้ว คืนที่พักโตเกียว พวกเราก็เลยเลือกพัก “Khaosan Laboratory” ส่วนคืนที่พักที่เกียวโต ก็ใช้บริการ AirBnb ค่ะ
และเนื่องจากว่ากระทู้นี้ตั้งใจจะเน้นไปที่เรื่องเกี่ยวกับการปีน(ตะเกียกตะกาย)ฟูจิเป็นหลัก ดังนั้นจึงขอข้ามบางช็อตที่ไม่เกี่ยวข้องไปเลยนะคะ
เริ่มแรกพวกเรามาถึงสนามบินนาริตะตอน 8 โมงเช้าของวันที่ 8 จากนั้นก็แยกของใช้จำเป็นออกมาใส่เป้สะพายหลัง ส่วนกระเป๋าใบใหญ่ก็ส่งด้วยบริการขนส่งแมวดำไปยังที่ Hotel New Century ที่เราจะพักในวันที่ 10 แล้วจากนั้นก็เริ่มออกตะลุยเที่ยวโตเกียวกันค่ะ
หนึ่งในผลลัพธ์จากการออกตะลุยโตเกียวค่ะ
เช้าวันที่ 9 (ตัดตอนอย่างรวดเร็ว) พวกเราขึ้นรถบัสของ Keio รอบ 6.40 เพื่อไปที่ Fuji ชั้น 5 ตามกำหนดการคือ จะใช้เวลาเดินทาง 2.25 ชั่วโมง ก็จะไปถึง 09.05 น. แต่ดูเหมือนว่าวันนั้นรถจะติด หลังจากหลับแล้วหลับอีก ก็มาถึงเอาตอน 10 โมงค่ะ
ทีนี้ขอท้าวความกันเล็กน้อย ก่อนจะมาญี่ปุ่น พวกเราก็ได้ไปหาซื้อรองเท้าสำหรับใช้ปีนเขามาค่ะ แต่จะเอาแบบเฉพาะทางเลยก็รู้สึกว่าแพงเกิน ใช้ไม่คุ้มด้วย เราเลยซื้อมาแค่รองเท้าวิ่งราคาประมาณ 2,200 บาท น่าเสียดายที่...
รองเท้าคู่นี้ไม่ได้มาโชว์โฉมที่ญี่ปุ่นค่ะ!!
เนื่องจากว่าด้วยความงี่เง่าส่วนบุคคล หลังจากซื้อรองเท้ามาแล้ว เราก็ใส่ถุงวางไว้ข้างๆรองเท้าผ้าใบอีกคู่ที่เก่าขาดและเตรียมเอาไปทิ้ง แต่แล้วตอนหยิบมาใส่กระเป๋า ก็ดันหยิบสลับเอาคู่เก่าขาดมาญี่ปุ่นแทนซะงั้น
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ยังต้องมุ่งหน้าไปต่อ (ว่าไปนั่น) พอมาถึงชั้น 5 ฟูจิก็เลยเริ่มออกเดินหาที่เช่ารองเท้า ซึ่งก็โชคดีมากว่ารถบัสมาจอดหน้าร้านเช่าพอดี
ของเราเช่ามาแค่รองเท้า ราคา 3,500 Yen ค่ะ มีการให้ซีร็อกซ์พาสปอร์ตไว้เป็นหลักฐานด้วย แต่เห็นบางคนเช่ากันทั้งชุดเลยก็มี ตั้งแต่กระเป๋าเป้ เสื้อกันหนาว รองเท้า ไม้ปีนเขา (ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกถูกมั้ย) ไฟฉายคาดหัว จากเท่าที่ดูแล้วขอแนะนำว่า ถ้ามีใครคิดจะมาปีนฟูจิล่ะก็ มาหาเช่าเอาที่นี่ทั้งหมดดีกว่าค่ะ ได้ของดีในราคาไม่(ถือว่า)แพง(มาก)ด้วย
ภาพรองเท้าที่เช่า มันซัพพอร์ตข้อเท้าได้ดีมากเลยค่ะ
แล้วที่นี่ก็ยังมีล็อคเกอร์ให้ฝากของ เราก็จัดการเอาของบางส่วนที่ไม่ใช้แล้วฝากล็อคเกอร์เอาไว้ ตอนนี้ในเป้จะเหลือแค่เสื้อกันลม 1 ตัว เสื้อกันหนาวแบบบ๊างบาง 1 ตัว พาวเวอร์แบงค์ 2 อัน Pocket wifi ขนมอีกนิดหน่อย แล้วก็เป๊บซี่ 1 ขวด (18 บาท ที่หอบหิ้วไปจากเมืองไทย)
สำหรับเรื่องสภาพอากาศนั้น ขอบอกว่าภาคพื้นดินของมหานครโตเกียวร้อนพอๆกะเมืองไทย (แต่แดดเจ็บเว่อร์ๆ) แต่พอขึ้นมาบนฟูจิชั้น 5 อากาศก็เริ่มเย็นแล้วค่ะ แต่ ณ จุดนี้ถือว่ายังไม่อะไรมาก เราใส่แค่เสื้อฮีทเทค 1 ตัว ตามด้วยเสื้อยืดทับ ข้างล่างใส่แค่กางเกงยีนส์ก็เอาอยู่แบบชิลๆค่ะ
กลับมาเข้าเรื่องเดิม พวกเราเดินหาซื้อของจำเป็นในร้านแถวๆนั้น อย่างแรกเลยก็คือ ไม้เท้า
สนนราคาเป็นตามรูป แบบติดกระดิ่ง 1,000 Yen, ติดธง(ชาติญี่ปุ่น) 1,200 Yen, ใส่หมวก 1,300 Yen, ติดแผนที่ 1,500 Yen นอกจากนี้ยังมีแบบที่เป็นไม้อันสั้นๆสำหรับคนที่มีไม้ปีนเขามาเองอยู่แล้ว แต่อยากซื้อไม้ไว้ประทับตราอยู่ด้วย (แต่ถ้าคิดจะประทับตราทุกดวงจริงๆ ขอบอกว่าไม้สั้นที่ไม่พอให้ปั๊มทั้งหมดค่ะ)
พวกเราตัดสินใจซื้อแบบติดกระดิ่ง เพราะว่ามันน่ารักที่สุด จากนั้นก็เป็นการซื้อกระป๋องออกซิเจน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้แค่ไหน แต่ก็ซื้อกันมา 3 คนรวมกัน 4 กระป๋อง
หลังจากซื้อของใช้จำเป็นเสร็จ ตามด้วยซาลาเปาเนื้อเพิ่มพลังคนละลูก ขณะนั้นเวลา 11.00 น.
ได้เวลาออกตะกายฟูจิแล้ว!!
เริ่มต้นกันด้วยการไหว้ศาลเจ้าที่ ฟูจิชั้น 5 เห็นว่ากันว่า ก่อนจะเริ่มปีนฟูจิ ทุกคนจะมาไหว้ที่นี่กันก่อน ถึงจะไม่รู้เหตุผล แต่ก็มาไหว้กันแล้วนะค๊า~
แล้วเราก็เริ่มเดิน...
...เดินไปประชาสัมพันธ์
ที่เดินไปประชาสัมพันธ์ก็เพราะก่อนจะมาเคยอ่านรีวิวว่า มีที่จ่ายเงินสำหรับปั๊มตราแบบเหมาจ่าย แต่หาไม่เจอก็เลยเดินไปถามประชาสัมพันธ์กัน ปรากฏว่า คุณพนักงานบอกว่าไม่มี ต้องจ่ายตามจุดแต่ละที่ไป แต่ก็ยังโชคดีได้แผนที่ปีนฟูจิมาจากคุณพนักงาน ซึ่งขอบอกว่ามันเป็นแผนที่ที่ช่วยได้มากจริงๆค่ะ!
เอาล่ะ คราวนี้เราเริ่มออกเดินทางจริงๆแล้ว คำแนะนำของคุณพนักงานที่ประชาสัมพันธ์คือ ให้ค่อยๆเดินอย่ารีบ ร่างกายจะได้ปรับตัวได้ทัน พวกเราก็เลยทำตามนั้น เดินแป๊บๆไม่เท่าไหร่ เรียกว่าเพิ่งเริ่มจะรู้สึกเหนื่อย เราก็มาถึงชั้น 5.5 กันแล้ว
[CR] ทริปวิบาก..สามสาวตะกายฟูจิ
เรื่องของเรื่องคือตอนแรกคุยกับเพื่อนรวม 3 คนว่าปีนี้อยากจะไปเที่ยวอียิปต์กัน ลองนัดวันกันดูแล้ว เดือนสิงหานี่แหละเวิร์คสุด ว่างตรงกัน ถึงจะพอรู้มาบ้างว่าร้อนตับแล่บแน่ แต่ปัญหาที่สำคัญกว่าร้อนหรือไม่ร้อน ก็คือโอกาสที่จะลาหยุดได้ตรงกันนี่แหละที่สำคัญที่สุด
เพราะงั้นก็เลยตัดสินใจกันมั่นเหมาะว่าเอาสิงหานี่แหละเฮ้ยช่วงอาทิตย์วันแม่พอดี ก็ใช้วันลาหยุดแค่ 4 วัน จัดการส่งใบลาไปก็แล้ว จองทัวร์ไปก็แล้ว มั่นใจมากว่าครั้งนี้ได้ไปแน่ ทว่า...
ตอนต้นเดือนกรกฎาคม ทัวร์ก็โทรมาแจ้งว่า “คนไม่ครบ ออกไม่ได้นะคร้าบบบบ”
ณ ตอนนั้นขอบอกว่าช้ำใจมากเลยค่ะ แต่ก็เอาวะ ยังไงก็ลาหยุดกันไปแล้ว ต่อให้ไม่ได้ไปอียิปต์ ก็ต้องหาที่ไปที่อื่นอยู่ดี
จากนั้นก็คือการประชุมด่วนว่าจะไปที่ไหน แล้วก็คัดออกมาว่า ประเทศที่มีเวลาเตรียมตัวแค่เดือนเดียว ไปแบบไม่ต้องทำการบ้านมาก ก็น่าจะเป็นญี่ปุ่นนี่แหละ พอตกลงกันได้ว่าจะไปญี่ปุ่น ก็เริ่มคิดต่อว่าจะไปเที่ยวไหนกันบ้างดี มีคนเสนอว่าอยากลองแช่ออนเซ็นหน้าร้อน พูดถึงออนเซ็นก็ต้องไปฟูจิ พูดถึงฟูจิ อ๊ะ เดือนสิงหามันปีนได้นี่หว่า!
และนั่นแหละ..คือจุดเริ่มต้นของความทุกข์ทรมานในกาลต่อมา.......
พวกเราจัดการวางแผนและจองที่พักอย่างรวดเร็ว โดยเลือกสายการบินแอร์เอเชีย แต่เนื่องจากไม่ได้ราคาโปรอะไรเล้ย เลยโดนฟันไป 17,570 บาท (รวมอาหารและผ้าห่มแล้ว)
กำหนดการเดินทางคือ 7/08/15 – 16/08/15 เราบินไฟลท์จากดอนเมือง 23.45 ไปลงโตเกียว-นาริตะ และกลับจากโอซาก้าวันที่ 16 รอบ 00.30 น.
กำหนดการเที่ยวคร่าวๆก็จะเป็นตามนี้
7/08/15 ออกเดินทาง
8/08/15 ถึงนาริตะ >> ตลาดปลา >> พระราชวังอิมพีเรียล >> วัดอาซากุสะ
9/08/15 ฟูจิชั้น 5 >> สู้ชีวิตตะกายฟูจิ
10/08/15 >>ตะกายฟูจิขาลง >> แช่ออนเซ็นที่ Hotel New Century
11/08/15 นอนพัก และเที่ยวเล่นๆแถวคาวากุจิโกะ >> นั่งไนท์บัสไปเกียวโต
12/08/15 ใส่ชุดยูกาตะ เดินเที่ยวคิโยมิสึ ย่านกิออน ศาลเจ้าเรียวเซ็นโกโคขุ ปราสาทนิโจ พระราชวังเกียวโต
13/08/15 Universal Japan
14/08/15 Arashiyama >> Ryoanji >> Fushimi Inari
15/08/15 Himeji
16/08/15 กลับบ้านเรา~
เนื่องจากเป็นทริปแบบปัจจุบันทันด่วน ที่พักที่ราคาพอรับได้ก็เลยเต็มหมดแล้ว คืนที่พักโตเกียว พวกเราก็เลยเลือกพัก “Khaosan Laboratory” ส่วนคืนที่พักที่เกียวโต ก็ใช้บริการ AirBnb ค่ะ
และเนื่องจากว่ากระทู้นี้ตั้งใจจะเน้นไปที่เรื่องเกี่ยวกับการปีน(ตะเกียกตะกาย)ฟูจิเป็นหลัก ดังนั้นจึงขอข้ามบางช็อตที่ไม่เกี่ยวข้องไปเลยนะคะ
เริ่มแรกพวกเรามาถึงสนามบินนาริตะตอน 8 โมงเช้าของวันที่ 8 จากนั้นก็แยกของใช้จำเป็นออกมาใส่เป้สะพายหลัง ส่วนกระเป๋าใบใหญ่ก็ส่งด้วยบริการขนส่งแมวดำไปยังที่ Hotel New Century ที่เราจะพักในวันที่ 10 แล้วจากนั้นก็เริ่มออกตะลุยเที่ยวโตเกียวกันค่ะ
หนึ่งในผลลัพธ์จากการออกตะลุยโตเกียวค่ะ
เช้าวันที่ 9 (ตัดตอนอย่างรวดเร็ว) พวกเราขึ้นรถบัสของ Keio รอบ 6.40 เพื่อไปที่ Fuji ชั้น 5 ตามกำหนดการคือ จะใช้เวลาเดินทาง 2.25 ชั่วโมง ก็จะไปถึง 09.05 น. แต่ดูเหมือนว่าวันนั้นรถจะติด หลังจากหลับแล้วหลับอีก ก็มาถึงเอาตอน 10 โมงค่ะ
ทีนี้ขอท้าวความกันเล็กน้อย ก่อนจะมาญี่ปุ่น พวกเราก็ได้ไปหาซื้อรองเท้าสำหรับใช้ปีนเขามาค่ะ แต่จะเอาแบบเฉพาะทางเลยก็รู้สึกว่าแพงเกิน ใช้ไม่คุ้มด้วย เราเลยซื้อมาแค่รองเท้าวิ่งราคาประมาณ 2,200 บาท น่าเสียดายที่...
รองเท้าคู่นี้ไม่ได้มาโชว์โฉมที่ญี่ปุ่นค่ะ!!
เนื่องจากว่าด้วยความงี่เง่าส่วนบุคคล หลังจากซื้อรองเท้ามาแล้ว เราก็ใส่ถุงวางไว้ข้างๆรองเท้าผ้าใบอีกคู่ที่เก่าขาดและเตรียมเอาไปทิ้ง แต่แล้วตอนหยิบมาใส่กระเป๋า ก็ดันหยิบสลับเอาคู่เก่าขาดมาญี่ปุ่นแทนซะงั้น
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ยังต้องมุ่งหน้าไปต่อ (ว่าไปนั่น) พอมาถึงชั้น 5 ฟูจิก็เลยเริ่มออกเดินหาที่เช่ารองเท้า ซึ่งก็โชคดีมากว่ารถบัสมาจอดหน้าร้านเช่าพอดี
ของเราเช่ามาแค่รองเท้า ราคา 3,500 Yen ค่ะ มีการให้ซีร็อกซ์พาสปอร์ตไว้เป็นหลักฐานด้วย แต่เห็นบางคนเช่ากันทั้งชุดเลยก็มี ตั้งแต่กระเป๋าเป้ เสื้อกันหนาว รองเท้า ไม้ปีนเขา (ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกถูกมั้ย) ไฟฉายคาดหัว จากเท่าที่ดูแล้วขอแนะนำว่า ถ้ามีใครคิดจะมาปีนฟูจิล่ะก็ มาหาเช่าเอาที่นี่ทั้งหมดดีกว่าค่ะ ได้ของดีในราคาไม่(ถือว่า)แพง(มาก)ด้วย
ภาพรองเท้าที่เช่า มันซัพพอร์ตข้อเท้าได้ดีมากเลยค่ะ
แล้วที่นี่ก็ยังมีล็อคเกอร์ให้ฝากของ เราก็จัดการเอาของบางส่วนที่ไม่ใช้แล้วฝากล็อคเกอร์เอาไว้ ตอนนี้ในเป้จะเหลือแค่เสื้อกันลม 1 ตัว เสื้อกันหนาวแบบบ๊างบาง 1 ตัว พาวเวอร์แบงค์ 2 อัน Pocket wifi ขนมอีกนิดหน่อย แล้วก็เป๊บซี่ 1 ขวด (18 บาท ที่หอบหิ้วไปจากเมืองไทย)
สำหรับเรื่องสภาพอากาศนั้น ขอบอกว่าภาคพื้นดินของมหานครโตเกียวร้อนพอๆกะเมืองไทย (แต่แดดเจ็บเว่อร์ๆ) แต่พอขึ้นมาบนฟูจิชั้น 5 อากาศก็เริ่มเย็นแล้วค่ะ แต่ ณ จุดนี้ถือว่ายังไม่อะไรมาก เราใส่แค่เสื้อฮีทเทค 1 ตัว ตามด้วยเสื้อยืดทับ ข้างล่างใส่แค่กางเกงยีนส์ก็เอาอยู่แบบชิลๆค่ะ
กลับมาเข้าเรื่องเดิม พวกเราเดินหาซื้อของจำเป็นในร้านแถวๆนั้น อย่างแรกเลยก็คือ ไม้เท้า
สนนราคาเป็นตามรูป แบบติดกระดิ่ง 1,000 Yen, ติดธง(ชาติญี่ปุ่น) 1,200 Yen, ใส่หมวก 1,300 Yen, ติดแผนที่ 1,500 Yen นอกจากนี้ยังมีแบบที่เป็นไม้อันสั้นๆสำหรับคนที่มีไม้ปีนเขามาเองอยู่แล้ว แต่อยากซื้อไม้ไว้ประทับตราอยู่ด้วย (แต่ถ้าคิดจะประทับตราทุกดวงจริงๆ ขอบอกว่าไม้สั้นที่ไม่พอให้ปั๊มทั้งหมดค่ะ)
พวกเราตัดสินใจซื้อแบบติดกระดิ่ง เพราะว่ามันน่ารักที่สุด จากนั้นก็เป็นการซื้อกระป๋องออกซิเจน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้แค่ไหน แต่ก็ซื้อกันมา 3 คนรวมกัน 4 กระป๋อง
หลังจากซื้อของใช้จำเป็นเสร็จ ตามด้วยซาลาเปาเนื้อเพิ่มพลังคนละลูก ขณะนั้นเวลา 11.00 น. ได้เวลาออกตะกายฟูจิแล้ว!!
เริ่มต้นกันด้วยการไหว้ศาลเจ้าที่ ฟูจิชั้น 5 เห็นว่ากันว่า ก่อนจะเริ่มปีนฟูจิ ทุกคนจะมาไหว้ที่นี่กันก่อน ถึงจะไม่รู้เหตุผล แต่ก็มาไหว้กันแล้วนะค๊า~
แล้วเราก็เริ่มเดิน...
...เดินไปประชาสัมพันธ์
ที่เดินไปประชาสัมพันธ์ก็เพราะก่อนจะมาเคยอ่านรีวิวว่า มีที่จ่ายเงินสำหรับปั๊มตราแบบเหมาจ่าย แต่หาไม่เจอก็เลยเดินไปถามประชาสัมพันธ์กัน ปรากฏว่า คุณพนักงานบอกว่าไม่มี ต้องจ่ายตามจุดแต่ละที่ไป แต่ก็ยังโชคดีได้แผนที่ปีนฟูจิมาจากคุณพนักงาน ซึ่งขอบอกว่ามันเป็นแผนที่ที่ช่วยได้มากจริงๆค่ะ!
เอาล่ะ คราวนี้เราเริ่มออกเดินทางจริงๆแล้ว คำแนะนำของคุณพนักงานที่ประชาสัมพันธ์คือ ให้ค่อยๆเดินอย่ารีบ ร่างกายจะได้ปรับตัวได้ทัน พวกเราก็เลยทำตามนั้น เดินแป๊บๆไม่เท่าไหร่ เรียกว่าเพิ่งเริ่มจะรู้สึกเหนื่อย เราก็มาถึงชั้น 5.5 กันแล้ว