[CR] คันไซ ... ใครไปก็หลง #EP.5 [โอซาก้า – เกียวโต: งบ < 30,000.-]

[AMAZING KYOTO]

ในที่สุดก็มาถึง EP สุดท้าย ของ “คันไซ ... ใครไปก็หลง” แล้วครับ
ซึ่งในวันนี้ จท. ก็ยังปักหลักเที่ยวที่เมือง “เกียวโต” เมืองที่มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย
เพราะการมาเที่ยวครั้งนี้ จท. ก็ยังไปเที่ยวได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเมืองนี้เลยครับ

**************************************************

อมยิ้ม17 ตามไปหลง EP อื่นๆ

คันไซ ... ใครไปก็หลง #EP.1 [Osaka Bay Day] > http://ppantip.com/topic/34064018
คันไซ ... ใครไปก็หลง #EP.2 [Intensive Osaka] > http://ppantip.com/topic/34068656
คันไซ ... ใครไปก็หลง #EP.3 [Universal Studios Japan] > http://ppantip.com/topic/34079855
คันไซ ... ใครไปก็หลง #EP.4 [Easy Kyoto] > http://ppantip.com/topic/34092567

**************************************************

พระจันทร์ 4 สิงหาคม 2558

แล้วเช้าวันสุดท้ายบนเกาะฮอนชูก็มาถึง  
แผนการเที่ยวในวันสุดท้าย จท. ได้วางไว้ให้เป็นวันที่สบายๆที่สุดครับ
เนื่องจาก จท. จะต้องไปที่สนามบินคันไซในช่วงค่ำ เพื่อเดินทางกลับประเทศ
จึงไม่อยากให้ต้องเหนื่อยกับการเร่งทำเวลาในการเดินทางสักเท่าไร

หลังจากเก็บสัมภาระและของฝากต่างๆ ยัดใส่กระเป๋าเดินทางขนาด 24 นิ้วเรียบร้อยแล้ว
ก็อย่าลืมตรวจสอบเอกสารที่จะต้องใช้ในการเดินทางกลับให้เรียบร้อยและนำใส่ในกระเป๋าเป้พกติดตัว
จะได้ต้องมารื้อกระเป๋าหาเอกสารสำคัญอีก

หลังจากนั้นก็ลงไป check-out ออกจากโรงแรม และฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมครับ
มื้อเช้าของ จท. เช่นเคยครับ หาอะไรง่ายๆ ทานที่ Family Mart เสร็จแล้วก็ได้เวลาออกเดินทาง

สำหรับแผนการเดินทางวันนี้ด้วยความที่หลวมมากๆ เลยไม่ค่อยได้จำชื่อสถานีหรือสายรถบัสเท่าไหร่นะครับ
แต่การเดินทางจากโอซาก้าไปยังเมืองเกียวโตก็ยังเลือกใช้บริการของรถไฟ Hankyu เช่นเคย เหมือนใน EP 4

เริ่มต้นหาโรงแรม Taiyo Hotel ขึ้นรถไฟใต้ดินสถานี Dobutsuen-mae สาย Midosuji สีแดง ไปลงสถานี Umeda
และไปอาคารสถานีรถไฟ Hankyu เพื่อต่อจาก Umeda ไปยัง สถานี Karasuma สายเกียวโต
ซึ่งการเดินทางทั้งหมดในวันนี้จนถึงสนามบินคันไซ จท. ยังคงใช้ Kansai Thru Pass เป็นบัตรผ่านครับ

ทีแรกตั้งใจว่าจะไปหาของกินที่ Nishiki Market ครับ
แต่ด้วยความที่ จท. นั่งเพลินลืมฟังประกาศสถานี
ขบวนรถไฟก็เลยผ่านสถานี Karasuma ไป จท. ต้องไปลงสถานี Kawaramachi ที่อยู่ถัดไปแทน
ซึ่งถือเป็นสุดสายของรถไฟ Hankyu สายเกียวโตพอดีครับ

จท. เลยถือโอกาสเดินจากตรงนี้ ย้อนกลับไปหา Nishiki Market แทนแล้วกัน เพราะห่างกันแค่สถานีเดียว
พอ จท. เห็นซอยที่เหมือนจะเป็นตลาดก็เลี้ยวเข้าไปเลยครับ
มาทราบภายหลังว่าซอยที่เข้าไปนี้ชื่อซอย Teramachi ด้านในจะขายของคละชนิดกันครับ
ทั้งร้านอาหาร เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ รวมทั้งร้านของเล่นเกี่ยวกับการ์ตูนต่างๆ ก็มีที่ซอยนี้







เดินเข้ามาไม่ไกล ก็มาเจอศาลเจ้าซ่อนอยู่ภายในซอย













ช่วงนี้มีเทศกาลแห่งดวงดาวด้วย ที่ศาลเจ้ามีป้ายอธิษฐานให้เขียนแล้วนำไปแขวนกับตาข่ายเขียว
แล้วเขาจะรวบรวมเอาป้ายเหล่านี้ไปประดับในงานอีกที จท. ก็รู้สึกคุ้นๆ กับเจ้าป้ายนี้
มันคือป้ายที่เราเห็นริมแม่น้ำของ EP ที่แล้วนี่เอง ... (อธิษฐานอะไร ขอไม่บอกนะ)
(เอ๊ะ!! เทศกาลนี้ ไม่ใช่จัดกันต้นเดือนกรกฏาคมหรอครับ?)











เมื่อเดินได้ซักพักก็เป็น 11 โมงกว่าๆ เลยคิดว่าทานข้าวจากที่นี่ไปเลยดีกว่า
เดินย้อนกลับมาถึงต้นซอยก็มาเจอร้านนี้ครับ Katsukura





เป็นร้านทงคัตสึที่มีหลายสาขาในญี่ปุ่น เคยได้ยินว่าเป็นร้านแนะนำว่าคนที่มาเกียวโตควรได้ทาน
ที่สาขานี้ ข้างในมีที่นั่งไม่เยอะ แต่เป็นบาร์ด้านหน้าพ่อครัวเลย ได้บรรยากาศชวนหิวดีครับ



ร้านนี้จะต้องผสมซอสเอง ซึ่งเขาจะเสิร์ฟงาขาวและถ้วยบดมาให้เราบดงาด้วยตัวเอง กลิ่นหอมเชียวละครับ
จากนั้นผสมซอสด้วยสูตรต่างๆ ตามคำแนะนำในป้าย ^ ^







เมื่อผสมซอสเสร็จแล้ว ก็แค่นั่งรอคัตสึร้อนๆ มาเสิร์ฟ พร้อมเครื่องเคียงและข้าวสวยอุ่นๆ
ซึ่งเราสามารถเติมข้าวได้ไม่อั้นครับ ทางร้านจะเอาข้าวใส่ชามใหญ่มาให้เพื่อให้เราแบ่งทานในถ้วยตามต้องการ
และถ้าเป็นคนกินดุ กินจุ ทานข้าวหมดชามใหญ่ จะขอข้าวเพิ่มก็แจ้งที่ร้านได้เลยครับ ไม่มีบวกเพิ่ม
ข้าวที่นี่พิเศษตรงที่เป็นข้าวญี่ปุ่นหุงผสมกับลูกเดือยครับ
ถ้าได้มาทานร้านนี้ จท. คอนเฟิร์มครับ ... อร่อยของจริง











สรุปแล้วก็เดินไปไม่ถึงตลาดนิชิกิ ฮ่าๆๆๆ
หลังจากกินอิ่ม ก็ถึงเวลาเดินทางไปสู่ 2 ที่เที่ยวยอดฮิตของเมืองเกียวโตครับ

จากตรงนี้ จท. นั่งรถบัส (จำหมายเลขสายไม่ได้) ไปลงที่ป้าย Kiyomizu-michi (มีกระดานบอกที่จุดขึ้นรถบัส)
ก็จะมาถึงหน้า Kiyomizudera หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ วัดน้ำใส ครับ

เยี่ยม Kiyomizudera

วัดคิโยมิสึ หรือ วัดน้ำใสที่คนไทยเรียกกัน ถือเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
มีอายุมากกว่า 1000 ปี และได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นมา
ทางเดินเข้าไปที่วัดนี้ ต้องออกแรงกันเสียหน่อย เพราะจะต้องเดินขึ้นเนินสูงที่มีของขายมากมาย
ถนนสายนี้เรียกว่าถนน “คิโยมิซึซากะ” เราจะเห็นนักท่องเที่ยวใส่ชุดกิโมโน – ยูคาตะ มาเดินถ่ายรูปเล่นกันเยอะมาก











เอกลักษณ์ของวัดน้ำใส คือ  อาคารไม้ที่มีระเบียงยื่นออกไปที่หน้าผา สูง 15 เมตร เป็นจุดชมวิวหลักของวัด
ซึ่งไม้ทั้งหมดสร้างด้วยการสอดสลักไม้ ภูมิปัญญาโบราณแท้ๆ



















เมื่อเดินมาเรื่อยๆ จนลงมาถึงด้านล่าง ก็จะมีลานของแม่น้ำ 3 สาย
ที่มีความเชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่หากใครได้ดื่มน้ำแต่ละสายจะให้พรแตกต่างกันไป
ด้านซ้ายให้พรเรื่องการเรียน
ตรงกลางให้พรเรื่องความรัก
และด้านขวาสุดให้พรเรื่องสุขภาพครับ











หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินทางไปยังสถานที่สุดท้ายกันแล้วล่ะครับ
จท. เดินออกมาจากวัดคิโยมิสึ ในอีกเส้นทาง (ไม่ใช่ทางตอนที่เข้ามา)
เพราะเห็นว่าเส้นทางนี้น่าจะใกล้สถานีรถไฟมากกว่า

ป้ายบอกทางขนาดใหญ่ตรงสี่แยก ระบุว่าเดินไปหน่อยเดียวก็ถึงสถานีรถไฟแล้ว
จท. จึงรีบเดินฝ่าแสงแดดที่ร้อนแรงมาก ถึงมากที่สุด (วันนี้ดวงอาทิตย์จะแจ่มใสเกินไปไหมนะ)
เดินตามทางไปเรื่อยๆ ที่คิดว่าน่าจะใกล้แล้ว ก็ยังไม่เจอสถานีรถไฟ เดินต่อไปอีกก็ยังไม่เจอ
เดินไปจนคิดว่า ... ต้องหลงทางแล้วแน่ๆ

แต่ด้วยความที่เดินออกมาไกลขนาดนี้แล้ว จะถอยกลับก็ไม่ไหว เดินต่อไปดีกว่า เผื่อจะเจออะไรช่วยได้บ้าง
และแล้วก็เจอครับ ... เจอ สถานีรถไฟ นั่นแหละ(จำชื่อไม่ได้อีกแล้ว) กว่าจะถึงเล่นเอาเกรียมจนเกือบไหม้  ไกลไม่ต่ำกว่ากิโลครึ่งแน่ๆ

ขึ้นจากสถานีไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าต้องไปลงที่สถานี Fushimi Inari ครับ
เพราะเป้าหมายสุดท้ายของ จท. อยู่ที่ Fushimi Inari Taisha Shrine

เมื่อถึงสถานี Fushimi Inari ให้เดินข้ามทางรถไฟมา



ยังไม่ทันหายร้อนจะที่เดินหาสถานีรถไฟมา เลยขอแวะร้านน้ำแข็งไสหน้าวัดเสียหน่อย
ถ้วยนี้น้ำแข็งไส ชาเขียว ถั่วแดง ครับ สดชื่นมาก







เดินตามซุ้มประตูมาเรื่อยๆ ก็จะเจอวัด พร้อมรูปปั้นจิ้งจอกสัญลักษณ์ของที่นี่รอต้อนรับอยู่
แปลว่า ... มาถึงศาลเจ้าจิ้งจอกขาวแล้วครับ



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่