สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ครั้งแรกในชีวิตของการรีวิว เพิ่งกลับมาจากเที่ยวน่านเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะอ่านรีวิวในPantip นี่หละค่ะ เคยคิดไว้ว่าอยากไปเที่ยวแบบ Backpack และแล้วแรงบันดาลใจก็เกิดขึ้น เราเริ่มจากการเที่ยวในประเทศอยากไปเที่ยวดอยที่สงบและไม่ลำบากเกินไปสำหรับBackpack ครั้งแรกในประเทศ ปกติเราเที่ยวก็จะขับรถไปเอาสบายไว้ก่อน ในทริปนี้เราเลือกไปน่านค่ะ เมืองที่สงบเงียบและสวยงาม คนที่น่านใจดีน่ารัก(อ่านจากในรีวิวมากค่ะ555) เมื่อความอยากไปเกิดขึ้นแต่ไม่กล้าไปคนเดียวเพราะว่าเป็นผู้หญิงจึงชวนเพื่อนไปด้วยค่ะ ชวนแปบเดียวค่ะนางรีบตอบรับ ปะ!!!!!!!!!!!!! เพราะอยากไปแบบนี้เหมือนกัน ทันใดนั้นก็รีบสิคะจะรออะไรลงมือจองตั๋ว AirAsia ล่วงหน้า2เดือนค่ะ ถึงราคาจะไม่ถูกสุดๆแต่เป็นราคาที่เรารับได้ค่ะประมาณ 1600 บาท/คน จองตั๋วเสร็จปุ๊บก็คิดได้ว่า เห้ยยยยยเดี๋ยวนะเดือนสิงหาคนมันหน้าฝนนะ นี่ฉันไปทำอะไรหน้าฝนที่น่าน!!!!!!!!!!!!!!! ทำไมไม่จองเดือน พ.ย. แต่เอาวะจองแล้วซื้อแล้วลุยเลย แอบตื่นเต้นกับทริปแรกของผู้หญิงตัวเล็กๆ2คนจึงรีบหาข้อมูล เราเที่ยวกัน3วัน 2คืนค่ะ เรื่องราวในทริปนี้จึงเกิดขึ้น
วันแรกของการเดินทางเราขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง เครื่องออกเวลา10.20 ใช้เวลา1ชม. เดินทางถึงจังหวัดน่าน มาด้วยลำนี้ค่ะ
ลงเครื่องเราก็เดินออกมาโบกรถสองแถวหน้าสนามบินเพื่อเข้าเมืองไปที่ขนส่งค่ะ
ป้าคนขับชื่อป้านาย ขับรถสองแถว และรับจ้างพาเที่ยวด้วย ใครมาก็ติดต่อป้านายได้ค่ะ ค่ารถจากสนามบินไปขนส่งคนละ 50บาท ป้านายจะมารับผู้โดยสารที่สนามบินทุกวันค่ะ ก่อนลงจากรถป้านายให้นามบัตรไว้และทิ้งท้ายว่าวันกลับถ้าไม่มีรถมาสนามบินก็โทรหาป้านะจ๊ะ
ถึงขนส่งเราก็เดินไปซื้อตั๋วเพื่อไปต่อรถที่เวียงสา
เราขึ้นรถตู้คันนี้ รถออกทุก1ชม ค่ารถคนละ25บาท ตอนซื้อตั๋วให้บอกว่าลงเวียงสา
คนเต็มรถเลยค่ะ
รถตู้จะเข้าไปส่งถึงขนส่งเวียงสาเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ30นาที
เราจะต่อรถบัสคันสีเขียว(เวียงสา-นาหมื่น)ไปลงที่ อ.นาน้อยค่ะ ขึ้นรถให้บอกคนขับว่าลงสามแยกไปดอยเสมอดาวค่ะ ค่ารถคนละ40บาท
เวลารถออกตามนี้ค่ะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ1ชม
ถึงสามแยกทางไปดอยเสมอดาว
จะมีป้อมตำรวจ อ.นาน้อย ตรงสามแยกค่ะ
เนื่องจากช่วงที่เราไปไม่ใช่ช่วงเทศกาลปีใหม่ บนดอยจะไม่มีร้านค้าเลย เราจึงเตรียมเสบียงอาหารมื้อเย็นขึ้นไปด้วย ยังเตรียมเสบียงไม่ครบนะคะมัวแต่กังวลว่าจะขึ้นดอยยังไงดี ต้องหาทางขึ้นไปดอยให้ได้ก่อนจึงเดินไปที่ป้อมตำรวจ จะมีเบอร์คนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง คนละ200 บาท แต่เรายังไม่มีน้ำดื่มเลยเดินข้ามถนนเพื่อไปหาซื้อน้ำ และก็เราก็เห็นร้านนึงค่ะ ชื่อนาน้อยการพิมพ์ มีบริการรถรับจ้างไปส่งขึ้นดอยและพาเราแวะเที่ยวเสาดินด้วยค่ะ อ่อลุงที่นั่งข้างๆไม่ใช่เจ้าของนะคะเป็นคุณลุงที่ขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง
คุยกับพี่เจ้าของร้านชื่อพี่ติ่ง บอกว่าบริการรับ-ส่ง แบบเหมา ราคา400บาท แต่พี่เค้าใจดีค่ะลดราคาให้เราเหลือ300บาท คิดแล้วคุ้มกว่านั่งรถมอเตอร์ไซด์ค่ะ พี่ติ่งพาเราย้อนไปที่ปั้ม PTT เพื่อเข้า7-11 ซื้อขนมและเสบียงสำหรับมื้อเช้า นั่นก็คือมาม่ากับน้ำดื่มค่ะ บนอุทยานมีน้ำร้อนไว้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย นี่คือนามบัตรที่พี่ติ่งเค้าให้ไว้
เมื่อพร้อมแล้ว!!!!!!!!!!! เราเดินทางกันเลยค่ะสถานีแรกที่เราจะแวะคือเสาดิน โชคดีค่ะได้เจอนายอำเภอนาน้อย ท่านมาสำรวจพื้นที่เพื่อจะโปรโหมตการท่องเที่ยวนาน้อย ที่เสาดินมีต้นดิ๊กเดียมด้วย มีหลายต้นเลยค่ะ แค่เอาเมือไปแตะต้นก็จะสั่นเล็กน้อยเหมือนคนบ้าจี้เลย
ท่านนายอำเภอสาธิตให้เราดูค่ะ
และพาเราเดินดูเสาดิน แต่เดินทั้งวันก็เดินไม่ทั่วค่ะ เพราะมีพื้นที่ทังหมดประมาณ70ไร่ค่ะ กว้างมว๊ากกกกกกกก ที่นี่เคยมีหนังหลายเรื่องมาถ่ายทำด้วย
เดินทางกันต่อค่ะ วิวข้างทาง และท้องฟ้าสวยมาก ทริปนี้ไปไม่เจอฝนเลย
ลืมบอกไปค่ะว่าทริปนี้เราโชคไม่ดีตรงที่ ดอยเสมอดาวปิดทำถนนทางเข้าค่ะ ก่อนเดินทางมาก็โทรมาถามเจ้าหน้าที่ แจ้งว่าปิดดอยเสมอดาวไม่ให้นอนเลย เพราะทำถนนทางเข้าจะเปิดอีกที 1 ต.ค 58 แต่ถ้าจะมาก็สามารถไปกางเต๊นนอนที่ผาชู้ได้ค่ะ
พี่ติ่งพาเราไปต่อค่ะ แถมใจดีมากบอกว่ารอบนี้ไม่ปกติ พิเศษแถมให้ด้วยการพาเราไปดอยเสมอดาว (ถ้าทางเข้าพอจะเข้าไปได้) ปกติถ้าเหมารถพี่ติ่งจะให้เลือกไปที่ใดที่หนึ่งค่ะ อย่างสมมุตินอนเสมอดาว ก็ให้เลือกว่าจะไปเสาดินหรือผาชู้ เมื่อถึงทางแยกเข้าดอยเสมอดาว ทางใกล้จะเสร็จพอดีพี่ตึ่งเลยพาเราเข้าไปได้ค่ะ
สูดอากาศชมความสวยงามจนพอใจแล้วก็ไปผาชู้ซึ่งเราจะค้างคืนกันที่นี่
เสียค่าเข้าอุทยานคนละ 20 บาท ตอนไปชำระค่าเข้า เจ้าหน้าที่ถามว่าพรุ่งนี้จะลงยังไงไปกับผมไหมออกเวรพอดี พี่เจ้าหน้าที่ใจดีอีกแล้ววว ถามก่อนที่เราจะถามซะอีก
ถึงซะทีผาชู้ ขอบคุณที่พี่ติ่งพาเที่ยวและเป็นไกด์แนะนำให้เราด้วย พี่ติ่งใจดีและเป็นกันเองมากใครจะมาที่นี่แบบBackpack แนะนำพี่ติ่งเลยค่ะ
ผาชู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คืนนี้นอนเต้นท์ค่ะ ถึงจะมาหน้าฝนแต่ไม่ร้อนนะคะ อากาศดีมาก วันนี้มีเต๊นท์ทั้งหมด5เต๊นท์ค่ะ คนน้อยมากกกกกกกก เราเช่าเต๊นท์ที่อุทยานค่ะ
นอนผาชู้ก็มีดาวเยอะ และเงียบสงบ ห้องน้ำสะอาด อาบน้ำเสร็จก็ทานอาหารที่เตรียมขึ้นมากัน นั่นคือ ข้าวผัด และผัดกะเพราะ
แต่.....เมื่อไม่ค่อยจะถูกปากเราเท่าไหร่ ดีที่เราเตรียมสิ่งนี้ไว้ด้วยเผื่อไม่อิ่ม
เดินทางมาทั้งวันแล้วก็ได้เวลานอนดูดาวและพักผ่อน
เราตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูทะเลหมอก เมื่อคืนก็คิดว่าเช้ามาจะมีหมอกไหมนะ นี่มันหน้าฝนแต่ฝนไม่ตก ไม่ใช่หน้าหนาวด้วย และแล้วเช้ามาเราก็เจอหมอกอันน้อยนิด ยังดีที่ได้เห็น
เมื่อสายแล้วหมอกก็เริ่มจางหายไป
มาดูอีกมุมนึงของผาชู้ สวยไม่แพ้ต่างประเทศค่ะ
เช้านี้เรารอพี่สายันต์เจ้าที่อุทยานมารับ และแล้วพี่สายันต์ก็ไม่ผิดสัญญามารับเราลงค่ะ
เรากลับลงมาสามแยกก็เดินไปทักทายพี่ติ่งก่อนกลับค่ะ พี่ติ่งให้นามบัตรเวลาเดินรถเมล์มีเขียว (นาหมื่น-เวียงสา)
เราลงมาเช้าประมาณ8โมงค่ะ เริ่มหิวละ ไปหามื้อเช้าทานกันที่ร้านนี้ค่ะ พี่ติ่งแนะนำ ร้านเฮือนฝ้ายคำ ร้านเปิด8โมงเช้า เช้ามากเราเข้าไปก็สั่งกาแฟก่อน เนื่องจากแม่ครัวยังไม่พร้อมก็รอสักพักนึง
มื้อนี้เราสั่ง เห็ดเผาะผัดพริกแกง กับเห็ดเผาะหมูสับผัดน้ำมันหอยคนละจาน และที่ขาดไม่ได้ต้องเติมพลังด้วยมอคค่าเย็นอีก1แก้ว อร่อยละถูกจริงๆค่ะ มื้อนี้ราคา135 บาท
ทานเสร็จได้เวลาเดินทางกลับเข้าเมือง ขึ้นรถกันเล๊ยยยยย ขากลับเข้าเมืองก็เช่นเคยค่ะ ขึ้นรถจากนาน้อยไปเวียงสา ต่อรถที่เวียงสาเข้าเมืองน่าน
วิวระหว่างทาง
ขากลับพอลงรถที่เวียงสา ประจวบเหมาะมีรถเวียงสา-น่านมาพอดี ก็รีบวิ่งไปขึ้นรถจึงไม่ทันได้ถ่ายรูป (หารูปในnetมาค่ะ คันสีนี้เลย) คนละ25บาท
เมื่อถึงขนส่งน่าน เราต้องเดินไปที่พักคืนนี้ค่ะ เรานอนที่ น่านเกสท์เฮาส์ ระยะทางจากขนส่งประมาณ 1.1 กิโลเมตรค่ะ
ระหว่างที่เราเดินก็ถือว่าร้อนพอสมควร ก็มันเกือบเที่ยงแล้วนี่นะ ต้องแวะทานของหวานเย็นๆคลายร้อนค่ะ ร้านนั่นก็คือ..... ขนมหวานป้านิ่มร้านดังที่น่านอยู่ตรงข้ามวัดศรีพันต้น ทางผ่านไปเกสท์เฮ้าพอดี ถึงร้านก็ไม่รอช้าวางสัมภาระ แล้วสั่งขนมกันเลย อร่อยค่ะ
ทานเสร็จก็เดินต่อไปที่พักไม่ไกลมาก เราโทรมาถามเกสท์เฮ้าตอนเช้า ห้องพักยังว่างก็เข้าไปเลือกห้องพักกันก่อน คืนนี้เรานอนห้องพัดลมเพราะกลางคืนไม่ร้อน อากาศดี แค่พัดลมเย็นสบายแล้ว แถมราคาถูกด้วย
เข้าไป Check-in กัน
ได้ห้องพักคืนนี้แล้ว เราก็เก็บของ จัดการสำภาระและตัวเองให้สดชื่นก่อน ห้องพักมีห้องน้ำในตัวด้วย
วันนี้เราจะเที่ยวในเมืองด้วยการปั่นจักรยาน ที่เกสท์เฮ้ามีจักรยานให้เช่า 50 บาท/24ชม ไม่งงเนอะ เค้าไม่นับเป็นวัน นับเป็นชม. ราคาเหมา50บาทต่อคัน
เมื่อพร้อมเราก็เที่ยวในเมืองกันค่ะ เริ่มด้วยมื้อเที่ยงในเวลาบ่าย เราไปที่ร้านนี้ค่ะ ก๋วยเตี๋ยวไร้เทียมทาน
มันใหญ่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อร่อยค่ะ
เดี๋ยวมาต่อค่ะ
เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า แล้วเราไป Slowlife น่านไง…………………………….ไปกัน
วันแรกของการเดินทางเราขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง เครื่องออกเวลา10.20 ใช้เวลา1ชม. เดินทางถึงจังหวัดน่าน มาด้วยลำนี้ค่ะ
ลงเครื่องเราก็เดินออกมาโบกรถสองแถวหน้าสนามบินเพื่อเข้าเมืองไปที่ขนส่งค่ะ
ป้าคนขับชื่อป้านาย ขับรถสองแถว และรับจ้างพาเที่ยวด้วย ใครมาก็ติดต่อป้านายได้ค่ะ ค่ารถจากสนามบินไปขนส่งคนละ 50บาท ป้านายจะมารับผู้โดยสารที่สนามบินทุกวันค่ะ ก่อนลงจากรถป้านายให้นามบัตรไว้และทิ้งท้ายว่าวันกลับถ้าไม่มีรถมาสนามบินก็โทรหาป้านะจ๊ะ
ถึงขนส่งเราก็เดินไปซื้อตั๋วเพื่อไปต่อรถที่เวียงสา
เราขึ้นรถตู้คันนี้ รถออกทุก1ชม ค่ารถคนละ25บาท ตอนซื้อตั๋วให้บอกว่าลงเวียงสา
คนเต็มรถเลยค่ะ
รถตู้จะเข้าไปส่งถึงขนส่งเวียงสาเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ30นาที
เราจะต่อรถบัสคันสีเขียว(เวียงสา-นาหมื่น)ไปลงที่ อ.นาน้อยค่ะ ขึ้นรถให้บอกคนขับว่าลงสามแยกไปดอยเสมอดาวค่ะ ค่ารถคนละ40บาท
เวลารถออกตามนี้ค่ะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ1ชม
ถึงสามแยกทางไปดอยเสมอดาว
จะมีป้อมตำรวจ อ.นาน้อย ตรงสามแยกค่ะ
เนื่องจากช่วงที่เราไปไม่ใช่ช่วงเทศกาลปีใหม่ บนดอยจะไม่มีร้านค้าเลย เราจึงเตรียมเสบียงอาหารมื้อเย็นขึ้นไปด้วย ยังเตรียมเสบียงไม่ครบนะคะมัวแต่กังวลว่าจะขึ้นดอยยังไงดี ต้องหาทางขึ้นไปดอยให้ได้ก่อนจึงเดินไปที่ป้อมตำรวจ จะมีเบอร์คนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง คนละ200 บาท แต่เรายังไม่มีน้ำดื่มเลยเดินข้ามถนนเพื่อไปหาซื้อน้ำ และก็เราก็เห็นร้านนึงค่ะ ชื่อนาน้อยการพิมพ์ มีบริการรถรับจ้างไปส่งขึ้นดอยและพาเราแวะเที่ยวเสาดินด้วยค่ะ อ่อลุงที่นั่งข้างๆไม่ใช่เจ้าของนะคะเป็นคุณลุงที่ขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง
คุยกับพี่เจ้าของร้านชื่อพี่ติ่ง บอกว่าบริการรับ-ส่ง แบบเหมา ราคา400บาท แต่พี่เค้าใจดีค่ะลดราคาให้เราเหลือ300บาท คิดแล้วคุ้มกว่านั่งรถมอเตอร์ไซด์ค่ะ พี่ติ่งพาเราย้อนไปที่ปั้ม PTT เพื่อเข้า7-11 ซื้อขนมและเสบียงสำหรับมื้อเช้า นั่นก็คือมาม่ากับน้ำดื่มค่ะ บนอุทยานมีน้ำร้อนไว้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย นี่คือนามบัตรที่พี่ติ่งเค้าให้ไว้
เมื่อพร้อมแล้ว!!!!!!!!!!! เราเดินทางกันเลยค่ะสถานีแรกที่เราจะแวะคือเสาดิน โชคดีค่ะได้เจอนายอำเภอนาน้อย ท่านมาสำรวจพื้นที่เพื่อจะโปรโหมตการท่องเที่ยวนาน้อย ที่เสาดินมีต้นดิ๊กเดียมด้วย มีหลายต้นเลยค่ะ แค่เอาเมือไปแตะต้นก็จะสั่นเล็กน้อยเหมือนคนบ้าจี้เลย
ท่านนายอำเภอสาธิตให้เราดูค่ะ
และพาเราเดินดูเสาดิน แต่เดินทั้งวันก็เดินไม่ทั่วค่ะ เพราะมีพื้นที่ทังหมดประมาณ70ไร่ค่ะ กว้างมว๊ากกกกกกกก ที่นี่เคยมีหนังหลายเรื่องมาถ่ายทำด้วย
เดินทางกันต่อค่ะ วิวข้างทาง และท้องฟ้าสวยมาก ทริปนี้ไปไม่เจอฝนเลย
ลืมบอกไปค่ะว่าทริปนี้เราโชคไม่ดีตรงที่ ดอยเสมอดาวปิดทำถนนทางเข้าค่ะ ก่อนเดินทางมาก็โทรมาถามเจ้าหน้าที่ แจ้งว่าปิดดอยเสมอดาวไม่ให้นอนเลย เพราะทำถนนทางเข้าจะเปิดอีกที 1 ต.ค 58 แต่ถ้าจะมาก็สามารถไปกางเต๊นนอนที่ผาชู้ได้ค่ะ
พี่ติ่งพาเราไปต่อค่ะ แถมใจดีมากบอกว่ารอบนี้ไม่ปกติ พิเศษแถมให้ด้วยการพาเราไปดอยเสมอดาว (ถ้าทางเข้าพอจะเข้าไปได้) ปกติถ้าเหมารถพี่ติ่งจะให้เลือกไปที่ใดที่หนึ่งค่ะ อย่างสมมุตินอนเสมอดาว ก็ให้เลือกว่าจะไปเสาดินหรือผาชู้ เมื่อถึงทางแยกเข้าดอยเสมอดาว ทางใกล้จะเสร็จพอดีพี่ตึ่งเลยพาเราเข้าไปได้ค่ะ
สูดอากาศชมความสวยงามจนพอใจแล้วก็ไปผาชู้ซึ่งเราจะค้างคืนกันที่นี่
เสียค่าเข้าอุทยานคนละ 20 บาท ตอนไปชำระค่าเข้า เจ้าหน้าที่ถามว่าพรุ่งนี้จะลงยังไงไปกับผมไหมออกเวรพอดี พี่เจ้าหน้าที่ใจดีอีกแล้ววว ถามก่อนที่เราจะถามซะอีก
ถึงซะทีผาชู้ ขอบคุณที่พี่ติ่งพาเที่ยวและเป็นไกด์แนะนำให้เราด้วย พี่ติ่งใจดีและเป็นกันเองมากใครจะมาที่นี่แบบBackpack แนะนำพี่ติ่งเลยค่ะ
ผาชู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คืนนี้นอนเต้นท์ค่ะ ถึงจะมาหน้าฝนแต่ไม่ร้อนนะคะ อากาศดีมาก วันนี้มีเต๊นท์ทั้งหมด5เต๊นท์ค่ะ คนน้อยมากกกกกกกก เราเช่าเต๊นท์ที่อุทยานค่ะ
นอนผาชู้ก็มีดาวเยอะ และเงียบสงบ ห้องน้ำสะอาด อาบน้ำเสร็จก็ทานอาหารที่เตรียมขึ้นมากัน นั่นคือ ข้าวผัด และผัดกะเพราะ
แต่.....เมื่อไม่ค่อยจะถูกปากเราเท่าไหร่ ดีที่เราเตรียมสิ่งนี้ไว้ด้วยเผื่อไม่อิ่ม
เดินทางมาทั้งวันแล้วก็ได้เวลานอนดูดาวและพักผ่อน
เราตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูทะเลหมอก เมื่อคืนก็คิดว่าเช้ามาจะมีหมอกไหมนะ นี่มันหน้าฝนแต่ฝนไม่ตก ไม่ใช่หน้าหนาวด้วย และแล้วเช้ามาเราก็เจอหมอกอันน้อยนิด ยังดีที่ได้เห็น
เมื่อสายแล้วหมอกก็เริ่มจางหายไป
มาดูอีกมุมนึงของผาชู้ สวยไม่แพ้ต่างประเทศค่ะ
เช้านี้เรารอพี่สายันต์เจ้าที่อุทยานมารับ และแล้วพี่สายันต์ก็ไม่ผิดสัญญามารับเราลงค่ะ
เรากลับลงมาสามแยกก็เดินไปทักทายพี่ติ่งก่อนกลับค่ะ พี่ติ่งให้นามบัตรเวลาเดินรถเมล์มีเขียว (นาหมื่น-เวียงสา)
เราลงมาเช้าประมาณ8โมงค่ะ เริ่มหิวละ ไปหามื้อเช้าทานกันที่ร้านนี้ค่ะ พี่ติ่งแนะนำ ร้านเฮือนฝ้ายคำ ร้านเปิด8โมงเช้า เช้ามากเราเข้าไปก็สั่งกาแฟก่อน เนื่องจากแม่ครัวยังไม่พร้อมก็รอสักพักนึง
มื้อนี้เราสั่ง เห็ดเผาะผัดพริกแกง กับเห็ดเผาะหมูสับผัดน้ำมันหอยคนละจาน และที่ขาดไม่ได้ต้องเติมพลังด้วยมอคค่าเย็นอีก1แก้ว อร่อยละถูกจริงๆค่ะ มื้อนี้ราคา135 บาท
ทานเสร็จได้เวลาเดินทางกลับเข้าเมือง ขึ้นรถกันเล๊ยยยยย ขากลับเข้าเมืองก็เช่นเคยค่ะ ขึ้นรถจากนาน้อยไปเวียงสา ต่อรถที่เวียงสาเข้าเมืองน่าน
วิวระหว่างทาง
ขากลับพอลงรถที่เวียงสา ประจวบเหมาะมีรถเวียงสา-น่านมาพอดี ก็รีบวิ่งไปขึ้นรถจึงไม่ทันได้ถ่ายรูป (หารูปในnetมาค่ะ คันสีนี้เลย) คนละ25บาท
เมื่อถึงขนส่งน่าน เราต้องเดินไปที่พักคืนนี้ค่ะ เรานอนที่ น่านเกสท์เฮาส์ ระยะทางจากขนส่งประมาณ 1.1 กิโลเมตรค่ะ
ระหว่างที่เราเดินก็ถือว่าร้อนพอสมควร ก็มันเกือบเที่ยงแล้วนี่นะ ต้องแวะทานของหวานเย็นๆคลายร้อนค่ะ ร้านนั่นก็คือ..... ขนมหวานป้านิ่มร้านดังที่น่านอยู่ตรงข้ามวัดศรีพันต้น ทางผ่านไปเกสท์เฮ้าพอดี ถึงร้านก็ไม่รอช้าวางสัมภาระ แล้วสั่งขนมกันเลย อร่อยค่ะ
ทานเสร็จก็เดินต่อไปที่พักไม่ไกลมาก เราโทรมาถามเกสท์เฮ้าตอนเช้า ห้องพักยังว่างก็เข้าไปเลือกห้องพักกันก่อน คืนนี้เรานอนห้องพัดลมเพราะกลางคืนไม่ร้อน อากาศดี แค่พัดลมเย็นสบายแล้ว แถมราคาถูกด้วย
เข้าไป Check-in กัน
ได้ห้องพักคืนนี้แล้ว เราก็เก็บของ จัดการสำภาระและตัวเองให้สดชื่นก่อน ห้องพักมีห้องน้ำในตัวด้วย
วันนี้เราจะเที่ยวในเมืองด้วยการปั่นจักรยาน ที่เกสท์เฮ้ามีจักรยานให้เช่า 50 บาท/24ชม ไม่งงเนอะ เค้าไม่นับเป็นวัน นับเป็นชม. ราคาเหมา50บาทต่อคัน
เมื่อพร้อมเราก็เที่ยวในเมืองกันค่ะ เริ่มด้วยมื้อเที่ยงในเวลาบ่าย เราไปที่ร้านนี้ค่ะ ก๋วยเตี๋ยวไร้เทียมทาน
มันใหญ่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อร่อยค่ะ
เดี๋ยวมาต่อค่ะ