Bollywood ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา?
- หลายๆคนคงทราบแล้วว่าคำว่า บอลลีวู้ด คือ การรวมร่างกันระหว่างคำว่า บอมเบย์ กับ ฮอลลีวู้ด แต่แรงบันดาลใจในการรวมร่างครั้งนี้ มันเกิดจากอุตสาหกรรมหนังอินเดียอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำคงคาที่ โกลกาตา ปู้นนนนนน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการผลิตหนังอินเดีย ก่อนที่บอมเบย์ หรือ มุมไบในปัจจุบันจะผงาดง้ำล้ำฟ้าขึ้นมาแทนที่ แต่รายละเอียด ไปอ่านกระทู้เก่าของเราได้นะคะ ชื่อ
"หนังอินเดียไม่ได้มีแต่บอลลีวู้ด ตอนที่ 6: Tollywood [เบงกาลี]" [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ออกเสียงผิดนิดนึง จริงๆต้อง เบงกอลลี แต่แก้ไม่ได้ล่ะค่ะ เลยตามเลย) ลิ้งค์กระทู้เก่าจะเอาไว้ให้ด้านล่างนะคะ
แต่กว่าวงการหนังอินเดีย ภาษาฮินดีจะมาใช้ชื่อเล่นว่าบอลลีวู้ดก็ในช่วงยุค 1970 นั่นแหละค่ะ เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ เทียบชั้นฮอลลีวู้ด เพราะในช่วงนั้นวงการหนังอินเดียภาษาฮินดีป๊อบปิวล่ามากๆ ใครเป็นหนุ่มเป็นสาวในยุคนั้นคงจำได้ดี ที่หนังอินเดียเข้าโรงฉายในบ้านเราเป็นว่าเล่นใช่มั้ยล่ะคะ
มาต่อกันเรื่องประวัติศาสตร์นิดนึง พูดถึงบอลลีวู้ด ก็ต้องไล่ยาวไปถึงประวัติศาสตร์วงการหนังอินเดียกันเลยทีเดียว
ชายสูงวัยที่เห็นในภาพนี้ท่านมีชื่อว่า Dhundiraj Govind Phalke
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ธุนฑิราช โควินฑ์ ฟัลเก ... ทุน - ดิ - ราด โก - วิน ฟัล - เก) หรือที่ชาวอินเดียรู้จักกันดีในนาม Dadasaheb Phalke
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ดา - ดา - ซา - เฮบ ฟัล - เก) ท่านก็คือ บิดาของวงการภาพยนต์อินเดียค่ะ
ท่านดาดาซาเฮบ ฟัลเก เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1870 ในตระกูลพราหมณ์ เป็นชาวมารฐา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(คำเรียกคนในรัฐมหาราษฏร ของอินเดีย ภาษาราชการของรัฐนี้คือ มารฐี) ท่านคือผู้สร้าง/ผู้กำกับภาพยนต์เรื่องยาวเรื่องแรกของอินเดียในปี 1913 ชื่อเรื่อง Raja Harishchandra เป็นหนังเงียบค่ะ ซึ่งท่าน ดาดาซาเฮบ ฟัลเก ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างหนังมาเรื่อยค่ะ ท่านทำงานตั้งแต่ปี 1913 - 1937 รวมแล้วก็ 19 ปี ในชีวิตการสร้างหนังท่านก็สร้างมาทั้งหมด 121 เรื่อง มี 95 เรื่องที่เป็นหนังยาว และ 26 เรื่องที่เป็นหนังสั้น
ทั้งนี้การทำงานก็ใช่ว่าจะราบรื่น ในช่วงท้ายๆของการทำงานท่าน ดาดาซาเฮบ ฟัลเก เจอวิกฤตในอาชีพการงาน เนื่องจากท่านไม่สามารถปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยีได้ ในช่วงยุค 30s เป็นช่วงเปลี่ยนของเทคโนโลยีจากหนังเงียบ เข้าสู่ยุคหนังพูดค่ะ ซึ่งท่านดาดาซาเฮบ ฟัลเกไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างหนังพูด ในที่สุดหลังจากทำหนังเรื่องสุดท้ายในปี 1937 เรื่อง Gangavataran ท่านก็เกษียณตัวเองไปใช้ชีวิตที่ Nashik และเสียชีวิตที่นั่น ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1944 อายุ 73 ปี
เนื่องจากท่านดาดาซาเฮบ ฟัลเก เป็นคนแรกที่บุกเบิกหนังอินเดียขึ้นมา ถือว่ามีคุณูปการต่อวงการหนังอินเดีย ดังนั้นในปี 1969 ทางรัฐบาลอินเดียจึงจัดตั้งรางวัล Dadasaheb Phalke Award ขึ้น ถือเป็นรางวัลที่ทรงเกียรติที่สุดของวงการภาพยนต์อินเดียค่ะ เพื่อมอบให้กับนักแสดง/ผู้กำกับ/ผู้สร้าง ฯ ที่ทำคุณประโยชน์ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการหนังอินเดีย รางวัลนี้จะประกาศพร้อมกับรางวัลอื่นๆในงาน National Film Awards ซึ่งในปี 2014 ผู้ที่ได้รางวัลนี้ไปก็คือ Shashi Kapoor
รูปคุณปู่ Shashi Kapoor (วัยหนุ่ม) ผู้ได้รับรางวัล Dadasaheb Phalke Award ปี 2014
หนังอินเดียนี่เริ่มกันมาตั้งแต่ก่อนได้รับเอกราชอีกนะคะ ... อินเดียได้รับเอกราชในปี 1947 แต่วงการหนังเริ่มผลิตกันมาตั้งแต่ปี 1913 ในสมัยอาณานิคมกันเลยทีเดียว
จากยุคหนังเงียบก็มาเข้าสู่ยุคหนังพูดกันบ้างค่ะ หนังพูดเรื่องแรกของอินเดียคือเรื่อง Alam Ara ออกฉายในวันที่ 14 มีนาคม 1931 กำกับโดย Ardeshir Irani แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ใช่หนังสีนะคะ ยังเป็นขาว-ดำอยู่ แต่ข้อมูลในวิกิบอกไว้ว่าเรื่องนี้เป็นภาษาอูรดูนะคะ ยังไม่ใช่ภาษาฮินดี ... ในอีกเกือบ 7 เดือนถัดมาในวันที่ 31 ตุลาคม 1931 หนังอินเดียใต้ที่เป็นหนังพูดเรื่องแรกชื่อเรื่อง Kalidas ภาษาทมิฬ ก็ออกฉาย ซึ่งเป็นผลงานการอำนวยการสร้างของท่าน Ardeshir Irani เช่นกัน
Ardeshir Irani ผู้สร้างหนังพูดเรื่องแรกของอินเดีย
Ardeshir Irani เกิดในครอบครัวโซโรอัสเตรียน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนเชื้อสายเปอร์เซีย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1886 เมืองปูเน่ ก็ไม่ได้เป็นแค่ผู้กำกับเท่านั้นนะคะ ในประวัติบอกว่าท่านเป็นทั้งนักแสดง ผู้เขียนบท ผู้สร้าง ผู้จัดจำหน่าย ฯ พูดง่ายๆครบวงจรค่ะ แถมยังสร้างหนังในหลายภาษาทั้งอูรดู ฮินดี เตลูกู ทมิฬ เปอร์เซียน อังกฤษ เยอรมันนี และ อินโดนีเซีย ท่านเริ่มสร้างหนังมาในเวลาไล่ๆกันกับท่านดาดาซาเฮบ ฟัลเก แต่ไม่ติดกับดักทางเทคโนโลยีเหมือนท่านดาดาซาเฮบ ฟัลเก จึงถือว่าท่าน Ardeshir Irani เป็นบิดาของหนังพูดของอินเดีย ท่านทำงานทั้งหมด 25 ปี กับหนัง 158 เรื่อง เรื่องสุดท้ายในปี 1945 ชื่อเรื่อง Pujari และท่าน Ardeshir Irani เสียชีวิตในวันที่ 14 ตุลาคม 1969 อายุ 82 ปี
แต่ก่อนไปต่อ ลืมค่ะ เอามาแทรกตรงนี้ก็แล้วกัน หนังสีเรื่องแรกของอินเดียคือเรื่อง Kisan Kanya ออกฉายในปี 1937 ผลงานการอำนวยการสร้างโดยท่าน Ardeshir Irani อีกเช่นเคย แต่ว่าในกระบวนการล้างฟิล์ม/สำเนาฟิล์มของหนังทำในประเทศเยอรมันค่ะ ถึงอย่างนั้นก็ถือเป็นหนังอินเดียเรื่องแรกที่เป็นสีค่ะ
เข้าสู่ยุคทองกันแล้วค่ะ Golden Age
ยุคทองของหนังฮินดี คือในช่วงระหว่างปี 1940s ถึง 1960s ในยุคนี้มีนักแสดง ผู้กำกับที่เป็นตำนานของอินเดียอยู่หลายคน ฟากนักแสดงก็เช่น Guru Dutt, Raj Kapoor, Dilip Kumar, Dev Anand, Nargis, Vyjayanthimala, Meena Kumari, Nutan, และ Madhubala เป็นต้น ทางฟากผู้สร้าง/ผู้กำกับก็เช่น Mehboob Khan, K. Asif, Bimal Roy, Kamal Amrohi, และ Vijay Bhatt เป็นต้น
ผู้สร้าง ผู้กำกับ และนักแสดงเหล่านี้ พาหนังฮินดีในช่วงเวลานี้ไปสู่ระดับสากล อย่างน้อยๆถ้าพูดชื่อหนังฮินดีในช่วงเวลานี้ที่คนไทยรู้จักกันดีก็
Mother India หรือที่คนไทยเรารู้จักกันในชื่อ ธรณีกรรแสง หนังฮินดีที่เข้าชิงรางวัล Academy Award สาขา Best Foreign Language Film
Neecha Nagar เรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยรู้จักมั้งคะ เราเองก็ไม่เคยดู
แต่หนังเรื่องนี้คือ หนังที่ไปได้รางวัลปาล์มทองคำจาก Cannes Film Festival ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเวลานั้นด้วยค่ะ
เรียกว่ายุคทองนี้มีหนังเนื้อหาสาระดี เพลงเพราะ เยอะแยะค่ะ
มาถึงยุคโมเดิร์น
ช่วงระหว่างปลายยุค 1960s ถึงต้นยุค 1970s ก็เป็นอีกยุคที่คนไทยคุ้นชินนะคะ พระเอก-นางเอก ระดับตำนานของหนังฮินดีเกิดขึ้นในยุคนี้มากมาย ทางฟากพระเอกก็มี Rajesh Khanna, Dharmendra, Sanjeev Kumar, Shashi Kapoor, Amitabh Bachchan, Mithun Chakraborty, Anil Kapoor และ Sunny Deol
ฟากนางเอกก็เช่น Sharmila Tagore, Mumtaz and Asha Parekh, Hema Malini, Jaya Bachchan และ Rekha
Amitabh Bachchan ในวัยหนุ่ม สมัยเป็นพระเอกยุค 70s
Hema Malini ในวัยสาว สมัยเป็นนางเอกยุค 70s
ส่วนหนังในยุคนี้โดยมากก็จะมาแนว แอ๊คชั่น รักโรแมนติค แนวแก๊งสเตอร์มาเฟีย
พอมาช่วงปลายยุค 1980s ถึงต้นยุค 1990s เรื่องราวของหนังจะเน้นไปที่เรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัว ในช่วงยุค 80s นักแสดงแจ้งเกิดมีไม่มากนัก ส่วนมากก็ยังเล่นต่อๆกันมาจากยุคเดิมคือ 70s แต่นักแสดงที่แจ้งเกิดในช่วงยุค 80s ก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น Sridevi, Juhi Chawla, Madhuri Dixit, Aamir Khan, และ Salman Khan ซึ่งทุกคนก็เล่นยาวๆกันมาจนถึงยุค 90s และปัจจุบันกันเลยค่ะ
ศรีเดวี และ อามิร์ ข่าน นักแสดงที่แจ้งเกิดในยุค 80s แต่ภาพนี้จากนิตยสารในยุค 90s ค่ะ
จริงๆยุคนี้อาจจะถือว่าเป็นยุคซบเซาของหนังฮินดีก็ว่าได้ เป็นช่วงรอคอยการเปลี่ยนผ่านน่ะค่ะ
พอเข้าสู่ช่วงยุค 90s นักแสดงระดับท้อปของวงการในปัจจุบันแจ้งเกิดในกันยุคนี้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Shahrukh Khan, Karisma Kapoor, และ Akshay Kumar ส่วนหนังในช่วงเวลานี้ จะเป็นแนวตลก หรือ บู๊+ตลก ซึ่งเป็นแนวที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้มากที่สุด ส่วนหนังรักหนังครอบครัวก็ยังครองใจผู้ชมต่อมาไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ
Shahrukh Khan
Akshay Kumar
ส่วนหนังสายอาร์ต ก็ยังคงมีสร้างอยู่เรื่อยๆควบคู่กันไป จนนักแสดงเหล่านี้ Nana Patekar, Manoj Bajpai, Manisha Koirala, Tabu และ Urmila Matondkar ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่ฝีมือจัดจ้านของวงการหนังฮินดี เพราะเล่นหนังสายอาร์ตบทดีๆกันบ่อย
พอเข้าสู่ยุค 2000
ช่วงนี้คือยุคที่หนังฮินดี ไปสู่ระดับโลกหลายเรื่องทีเดียว ที่ดังๆในบ้านเราก็คงไม่พ้น Dhoom Series ที่ภาคแรกได้นักร้องสาวชาวไทย ทาทา ยัง ไปร้องเพลงประกอบเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษให้ (ส่วนเวอร์ชั่นฮินดีที่ใส่ในหนังนี่ใช้นักร้องชาวอินเดียค่ะ)
ในยุคนี้เทคโนโลยีมีส่วนช่วยให้หนังตระการตาขึ้นมากค่ะ พระนางสวยๆหล่อๆ ตัวพ่อตัวแม่ก็แจ้งเกิดกันในยุคนี้หลายคน ฟากพระเอกก็เช่น Hrithik Roshan, Saif Ali Khan, Shahid Kapoor, และ Abhishek Bachchan ส่วนทางด้านนางเอกก็มี Rani Mukerji, Preity Zinta, Aishwarya Rai, Kareena Kapoor, และ Priyanka Chopra
แต่ว่าในบ้านเราหนังฮินดี เริ่มซาๆและหายไปในยุคนี้แหละค่ะ น้อยลง น้อยลง น้อยลง คือ ถ้าหนังฮินดีหายหนังอินเดียภาษาอื่นก็ไม่สามารถหาซื้อแผ่นดีวีดีได้ง่ายๆแน่นอน (โดยมากหนังภาษาอื่นเช่น ทมิฬ เตลูกู พวกผู้จัดจำหน่าย ชอบเอาแนวเทพเจ้ามาลงแผ่นพากย์ไทยขายค่ะ) แต่จะว่าไป ในยุคนี้หนังอินเดียก็ยังไม่หายไปจากบ้านเราทั้งหมดนะคะ แค่เริ่มๆน้อยลงไปทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน
ยุค 2010 - ปัจจุบัน
ยุคนี้หนังอินเดียหายไปจากบ้านเราของจริงค่ะ หาซับ/พากย์ไทยแทบไม่ได้ มีแต่ซับอังกฤษที่พาหุรัด หรือ หาดูออนไลน์เท่านั้น แต่สถานการณ์ในอินเดียหนังของเค้าก็เป็นปกติค่ะ ได้รับความนิยมถล่มทลาย แฟนคลับนักแสดงก็ขยันไปดูหนัง ถล่มสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศกันเป็นว่าเล่น เหมือนเสกเงินเองได้ยังไงยังงั้น
หนังดังๆในยุคนี้จะแนะนำต่อไปในคอมเม้นท์นะคะ
นี่คือลิ้งค์ซีรี่เก่าๆเกี่ยวกับหนังอินเดียภาษาอื่นๆที่เราตั้งไว้นะคะ ... ทั้งหมดคืออุตสาหกรรมหนังอินเดียขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ยกเว้น หนังภาษามารฐี
http://ppantip.com/topic/33715718 หนังอินเดียภาษาทมิฬ
http://ppantip.com/topic/33719082 หนังอินเดียภาษามะละยาลัม
http://ppantip.com/topic/33724208 หนังอินเดียภาษามารฐี
http://ppantip.com/topic/33729794 หนังอินเดียภาษาปัญจาบี
http://ppantip.com/topic/33732959 หนังอินเดียภาษากันนาดา
http://ppantip.com/topic/33743028 หนังอินเดียภาษาเบงกอลลี
http://ppantip.com/topic/33747574 หนังอินเดียภาษาเตลูกู
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
เพจคนรักหนังอินเดีย
https://www.facebook.com/IndianfilmsloverTh/
เพจรีวิวหนัง+ร้านอาหารอินเดีย
https://www.facebook.com/IndianFilmsandFoodsReview/
หนังอินเดียภาษาฮินดี: Bollywood อุตสาหกรรมหนังที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย
- หลายๆคนคงทราบแล้วว่าคำว่า บอลลีวู้ด คือ การรวมร่างกันระหว่างคำว่า บอมเบย์ กับ ฮอลลีวู้ด แต่แรงบันดาลใจในการรวมร่างครั้งนี้ มันเกิดจากอุตสาหกรรมหนังอินเดียอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำคงคาที่ โกลกาตา ปู้นนนนนน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการผลิตหนังอินเดีย ก่อนที่บอมเบย์ หรือ มุมไบในปัจจุบันจะผงาดง้ำล้ำฟ้าขึ้นมาแทนที่ แต่รายละเอียด ไปอ่านกระทู้เก่าของเราได้นะคะ ชื่อ "หนังอินเดียไม่ได้มีแต่บอลลีวู้ด ตอนที่ 6: Tollywood [เบงกาลี]" [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ลิ้งค์กระทู้เก่าจะเอาไว้ให้ด้านล่างนะคะ
แต่กว่าวงการหนังอินเดีย ภาษาฮินดีจะมาใช้ชื่อเล่นว่าบอลลีวู้ดก็ในช่วงยุค 1970 นั่นแหละค่ะ เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ เทียบชั้นฮอลลีวู้ด เพราะในช่วงนั้นวงการหนังอินเดียภาษาฮินดีป๊อบปิวล่ามากๆ ใครเป็นหนุ่มเป็นสาวในยุคนั้นคงจำได้ดี ที่หนังอินเดียเข้าโรงฉายในบ้านเราเป็นว่าเล่นใช่มั้ยล่ะคะ
มาต่อกันเรื่องประวัติศาสตร์นิดนึง พูดถึงบอลลีวู้ด ก็ต้องไล่ยาวไปถึงประวัติศาสตร์วงการหนังอินเดียกันเลยทีเดียว
ชายสูงวัยที่เห็นในภาพนี้ท่านมีชื่อว่า Dhundiraj Govind Phalke [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หรือที่ชาวอินเดียรู้จักกันดีในนาม Dadasaheb Phalke [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ท่านก็คือ บิดาของวงการภาพยนต์อินเดียค่ะ
ท่านดาดาซาเฮบ ฟัลเก เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1870 ในตระกูลพราหมณ์ เป็นชาวมารฐา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ท่านคือผู้สร้าง/ผู้กำกับภาพยนต์เรื่องยาวเรื่องแรกของอินเดียในปี 1913 ชื่อเรื่อง Raja Harishchandra เป็นหนังเงียบค่ะ ซึ่งท่าน ดาดาซาเฮบ ฟัลเก ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างหนังมาเรื่อยค่ะ ท่านทำงานตั้งแต่ปี 1913 - 1937 รวมแล้วก็ 19 ปี ในชีวิตการสร้างหนังท่านก็สร้างมาทั้งหมด 121 เรื่อง มี 95 เรื่องที่เป็นหนังยาว และ 26 เรื่องที่เป็นหนังสั้น
ทั้งนี้การทำงานก็ใช่ว่าจะราบรื่น ในช่วงท้ายๆของการทำงานท่าน ดาดาซาเฮบ ฟัลเก เจอวิกฤตในอาชีพการงาน เนื่องจากท่านไม่สามารถปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยีได้ ในช่วงยุค 30s เป็นช่วงเปลี่ยนของเทคโนโลยีจากหนังเงียบ เข้าสู่ยุคหนังพูดค่ะ ซึ่งท่านดาดาซาเฮบ ฟัลเกไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างหนังพูด ในที่สุดหลังจากทำหนังเรื่องสุดท้ายในปี 1937 เรื่อง Gangavataran ท่านก็เกษียณตัวเองไปใช้ชีวิตที่ Nashik และเสียชีวิตที่นั่น ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1944 อายุ 73 ปี
เนื่องจากท่านดาดาซาเฮบ ฟัลเก เป็นคนแรกที่บุกเบิกหนังอินเดียขึ้นมา ถือว่ามีคุณูปการต่อวงการหนังอินเดีย ดังนั้นในปี 1969 ทางรัฐบาลอินเดียจึงจัดตั้งรางวัล Dadasaheb Phalke Award ขึ้น ถือเป็นรางวัลที่ทรงเกียรติที่สุดของวงการภาพยนต์อินเดียค่ะ เพื่อมอบให้กับนักแสดง/ผู้กำกับ/ผู้สร้าง ฯ ที่ทำคุณประโยชน์ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการหนังอินเดีย รางวัลนี้จะประกาศพร้อมกับรางวัลอื่นๆในงาน National Film Awards ซึ่งในปี 2014 ผู้ที่ได้รางวัลนี้ไปก็คือ Shashi Kapoor
รูปคุณปู่ Shashi Kapoor (วัยหนุ่ม) ผู้ได้รับรางวัล Dadasaheb Phalke Award ปี 2014
หนังอินเดียนี่เริ่มกันมาตั้งแต่ก่อนได้รับเอกราชอีกนะคะ ... อินเดียได้รับเอกราชในปี 1947 แต่วงการหนังเริ่มผลิตกันมาตั้งแต่ปี 1913 ในสมัยอาณานิคมกันเลยทีเดียว
จากยุคหนังเงียบก็มาเข้าสู่ยุคหนังพูดกันบ้างค่ะ หนังพูดเรื่องแรกของอินเดียคือเรื่อง Alam Ara ออกฉายในวันที่ 14 มีนาคม 1931 กำกับโดย Ardeshir Irani แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ใช่หนังสีนะคะ ยังเป็นขาว-ดำอยู่ แต่ข้อมูลในวิกิบอกไว้ว่าเรื่องนี้เป็นภาษาอูรดูนะคะ ยังไม่ใช่ภาษาฮินดี ... ในอีกเกือบ 7 เดือนถัดมาในวันที่ 31 ตุลาคม 1931 หนังอินเดียใต้ที่เป็นหนังพูดเรื่องแรกชื่อเรื่อง Kalidas ภาษาทมิฬ ก็ออกฉาย ซึ่งเป็นผลงานการอำนวยการสร้างของท่าน Ardeshir Irani เช่นกัน
Ardeshir Irani ผู้สร้างหนังพูดเรื่องแรกของอินเดีย
Ardeshir Irani เกิดในครอบครัวโซโรอัสเตรียน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1886 เมืองปูเน่ ก็ไม่ได้เป็นแค่ผู้กำกับเท่านั้นนะคะ ในประวัติบอกว่าท่านเป็นทั้งนักแสดง ผู้เขียนบท ผู้สร้าง ผู้จัดจำหน่าย ฯ พูดง่ายๆครบวงจรค่ะ แถมยังสร้างหนังในหลายภาษาทั้งอูรดู ฮินดี เตลูกู ทมิฬ เปอร์เซียน อังกฤษ เยอรมันนี และ อินโดนีเซีย ท่านเริ่มสร้างหนังมาในเวลาไล่ๆกันกับท่านดาดาซาเฮบ ฟัลเก แต่ไม่ติดกับดักทางเทคโนโลยีเหมือนท่านดาดาซาเฮบ ฟัลเก จึงถือว่าท่าน Ardeshir Irani เป็นบิดาของหนังพูดของอินเดีย ท่านทำงานทั้งหมด 25 ปี กับหนัง 158 เรื่อง เรื่องสุดท้ายในปี 1945 ชื่อเรื่อง Pujari และท่าน Ardeshir Irani เสียชีวิตในวันที่ 14 ตุลาคม 1969 อายุ 82 ปี
แต่ก่อนไปต่อ ลืมค่ะ เอามาแทรกตรงนี้ก็แล้วกัน หนังสีเรื่องแรกของอินเดียคือเรื่อง Kisan Kanya ออกฉายในปี 1937 ผลงานการอำนวยการสร้างโดยท่าน Ardeshir Irani อีกเช่นเคย แต่ว่าในกระบวนการล้างฟิล์ม/สำเนาฟิล์มของหนังทำในประเทศเยอรมันค่ะ ถึงอย่างนั้นก็ถือเป็นหนังอินเดียเรื่องแรกที่เป็นสีค่ะ
เข้าสู่ยุคทองกันแล้วค่ะ Golden Age
ยุคทองของหนังฮินดี คือในช่วงระหว่างปี 1940s ถึง 1960s ในยุคนี้มีนักแสดง ผู้กำกับที่เป็นตำนานของอินเดียอยู่หลายคน ฟากนักแสดงก็เช่น Guru Dutt, Raj Kapoor, Dilip Kumar, Dev Anand, Nargis, Vyjayanthimala, Meena Kumari, Nutan, และ Madhubala เป็นต้น ทางฟากผู้สร้าง/ผู้กำกับก็เช่น Mehboob Khan, K. Asif, Bimal Roy, Kamal Amrohi, และ Vijay Bhatt เป็นต้น
ผู้สร้าง ผู้กำกับ และนักแสดงเหล่านี้ พาหนังฮินดีในช่วงเวลานี้ไปสู่ระดับสากล อย่างน้อยๆถ้าพูดชื่อหนังฮินดีในช่วงเวลานี้ที่คนไทยรู้จักกันดีก็
Mother India หรือที่คนไทยเรารู้จักกันในชื่อ ธรณีกรรแสง หนังฮินดีที่เข้าชิงรางวัล Academy Award สาขา Best Foreign Language Film
Neecha Nagar เรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยรู้จักมั้งคะ เราเองก็ไม่เคยดู แต่หนังเรื่องนี้คือ หนังที่ไปได้รางวัลปาล์มทองคำจาก Cannes Film Festival ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเวลานั้นด้วยค่ะ
เรียกว่ายุคทองนี้มีหนังเนื้อหาสาระดี เพลงเพราะ เยอะแยะค่ะ
มาถึงยุคโมเดิร์น
ช่วงระหว่างปลายยุค 1960s ถึงต้นยุค 1970s ก็เป็นอีกยุคที่คนไทยคุ้นชินนะคะ พระเอก-นางเอก ระดับตำนานของหนังฮินดีเกิดขึ้นในยุคนี้มากมาย ทางฟากพระเอกก็มี Rajesh Khanna, Dharmendra, Sanjeev Kumar, Shashi Kapoor, Amitabh Bachchan, Mithun Chakraborty, Anil Kapoor และ Sunny Deol
ฟากนางเอกก็เช่น Sharmila Tagore, Mumtaz and Asha Parekh, Hema Malini, Jaya Bachchan และ Rekha
Amitabh Bachchan ในวัยหนุ่ม สมัยเป็นพระเอกยุค 70s
Hema Malini ในวัยสาว สมัยเป็นนางเอกยุค 70s
ส่วนหนังในยุคนี้โดยมากก็จะมาแนว แอ๊คชั่น รักโรแมนติค แนวแก๊งสเตอร์มาเฟีย
พอมาช่วงปลายยุค 1980s ถึงต้นยุค 1990s เรื่องราวของหนังจะเน้นไปที่เรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัว ในช่วงยุค 80s นักแสดงแจ้งเกิดมีไม่มากนัก ส่วนมากก็ยังเล่นต่อๆกันมาจากยุคเดิมคือ 70s แต่นักแสดงที่แจ้งเกิดในช่วงยุค 80s ก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น Sridevi, Juhi Chawla, Madhuri Dixit, Aamir Khan, และ Salman Khan ซึ่งทุกคนก็เล่นยาวๆกันมาจนถึงยุค 90s และปัจจุบันกันเลยค่ะ
ศรีเดวี และ อามิร์ ข่าน นักแสดงที่แจ้งเกิดในยุค 80s แต่ภาพนี้จากนิตยสารในยุค 90s ค่ะ
จริงๆยุคนี้อาจจะถือว่าเป็นยุคซบเซาของหนังฮินดีก็ว่าได้ เป็นช่วงรอคอยการเปลี่ยนผ่านน่ะค่ะ
พอเข้าสู่ช่วงยุค 90s นักแสดงระดับท้อปของวงการในปัจจุบันแจ้งเกิดในกันยุคนี้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Shahrukh Khan, Karisma Kapoor, และ Akshay Kumar ส่วนหนังในช่วงเวลานี้ จะเป็นแนวตลก หรือ บู๊+ตลก ซึ่งเป็นแนวที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้มากที่สุด ส่วนหนังรักหนังครอบครัวก็ยังครองใจผู้ชมต่อมาไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ
Shahrukh Khan
Akshay Kumar
ส่วนหนังสายอาร์ต ก็ยังคงมีสร้างอยู่เรื่อยๆควบคู่กันไป จนนักแสดงเหล่านี้ Nana Patekar, Manoj Bajpai, Manisha Koirala, Tabu และ Urmila Matondkar ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่ฝีมือจัดจ้านของวงการหนังฮินดี เพราะเล่นหนังสายอาร์ตบทดีๆกันบ่อย
พอเข้าสู่ยุค 2000
ช่วงนี้คือยุคที่หนังฮินดี ไปสู่ระดับโลกหลายเรื่องทีเดียว ที่ดังๆในบ้านเราก็คงไม่พ้น Dhoom Series ที่ภาคแรกได้นักร้องสาวชาวไทย ทาทา ยัง ไปร้องเพลงประกอบเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษให้ (ส่วนเวอร์ชั่นฮินดีที่ใส่ในหนังนี่ใช้นักร้องชาวอินเดียค่ะ)
ในยุคนี้เทคโนโลยีมีส่วนช่วยให้หนังตระการตาขึ้นมากค่ะ พระนางสวยๆหล่อๆ ตัวพ่อตัวแม่ก็แจ้งเกิดกันในยุคนี้หลายคน ฟากพระเอกก็เช่น Hrithik Roshan, Saif Ali Khan, Shahid Kapoor, และ Abhishek Bachchan ส่วนทางด้านนางเอกก็มี Rani Mukerji, Preity Zinta, Aishwarya Rai, Kareena Kapoor, และ Priyanka Chopra
แต่ว่าในบ้านเราหนังฮินดี เริ่มซาๆและหายไปในยุคนี้แหละค่ะ น้อยลง น้อยลง น้อยลง คือ ถ้าหนังฮินดีหายหนังอินเดียภาษาอื่นก็ไม่สามารถหาซื้อแผ่นดีวีดีได้ง่ายๆแน่นอน (โดยมากหนังภาษาอื่นเช่น ทมิฬ เตลูกู พวกผู้จัดจำหน่าย ชอบเอาแนวเทพเจ้ามาลงแผ่นพากย์ไทยขายค่ะ) แต่จะว่าไป ในยุคนี้หนังอินเดียก็ยังไม่หายไปจากบ้านเราทั้งหมดนะคะ แค่เริ่มๆน้อยลงไปทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน
ยุค 2010 - ปัจจุบัน
ยุคนี้หนังอินเดียหายไปจากบ้านเราของจริงค่ะ หาซับ/พากย์ไทยแทบไม่ได้ มีแต่ซับอังกฤษที่พาหุรัด หรือ หาดูออนไลน์เท่านั้น แต่สถานการณ์ในอินเดียหนังของเค้าก็เป็นปกติค่ะ ได้รับความนิยมถล่มทลาย แฟนคลับนักแสดงก็ขยันไปดูหนัง ถล่มสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศกันเป็นว่าเล่น เหมือนเสกเงินเองได้ยังไงยังงั้น หนังดังๆในยุคนี้จะแนะนำต่อไปในคอมเม้นท์นะคะ
นี่คือลิ้งค์ซีรี่เก่าๆเกี่ยวกับหนังอินเดียภาษาอื่นๆที่เราตั้งไว้นะคะ ... ทั้งหมดคืออุตสาหกรรมหนังอินเดียขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ยกเว้น หนังภาษามารฐี
http://ppantip.com/topic/33715718 หนังอินเดียภาษาทมิฬ
http://ppantip.com/topic/33719082 หนังอินเดียภาษามะละยาลัม
http://ppantip.com/topic/33724208 หนังอินเดียภาษามารฐี
http://ppantip.com/topic/33729794 หนังอินเดียภาษาปัญจาบี
http://ppantip.com/topic/33732959 หนังอินเดียภาษากันนาดา
http://ppantip.com/topic/33743028 หนังอินเดียภาษาเบงกอลลี
http://ppantip.com/topic/33747574 หนังอินเดียภาษาเตลูกู
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
เพจคนรักหนังอินเดีย
https://www.facebook.com/IndianfilmsloverTh/
เพจรีวิวหนัง+ร้านอาหารอินเดีย
https://www.facebook.com/IndianFilmsandFoodsReview/