สิ่งที่ไม่มีวันรู้ได้ของคู่รักนั่นก็คือ เราจะคงสถานะเช่นนี้ไปอีกนานเท่าใด อาการหมดรักกันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ คล้ายกับสภาพอากาศบนท้องฟ้าที่ไม่มีวันคาดเดาได้
ฤดูฝนแต่ละปีทวีจำนวนเม็ดฝนมากขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับแสงแดดที่มีให้เห็นน้อยลง บรรยากาศเช่นนี้ทำให้ผมติดแหง็กอยู่ในโรงภาพยนตร์พร้อมกับชมเรื่องราวของ คู่รักคู่หนึ่งที่กำลังใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตคู่ด้วยกัน ปัญหาคือ พวกเขายังคงรักกันอยู่
Come Rain Come Shine เป็นหนังเกาหลีที่ได้นักแสดงอย่าง ฮยอนบิน และ อิมซูจอง มาถ่ายทอดบทคู่สามีภรรยาที่กำลังจะเลิกกัน ผู้กำกับ อียุนกี ที่ทำหน้าที่เขียนบท ต้องการนำเสนอหนังรักเกาหลีในมุมมองที่ต่างไปจากเดิม ที่มาของหนังมาจากเรื่องสั้นขายดีในประเทศญี่ปุ่น หนังเรื่องนี้ได้รับการคัดเลือกในสายประกวดหลักรางวัล Golden Berlin Bear บัตรขายหมดเกลี้ยงภายในเวลา 5 นาที นับเป็นหนังแนวทดลองฟอร์มเล็กที่ประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง รวมถึงยังเป็นการกู้หน้าวงการหนังเกาหลีให้กลับมาได้รับความสนใจจากเวทีสากลอีกครั้ง หลังจากซบเซามาหลายปี
เนื้อหาของหนังว่าด้วย ห้วงเวลาของคู่สามีภรรยาที่ตัดสินใจจบความสัมพันธ์ 5 ปี โดยฝ่ายหญิง สาวสำนักพิมพ์อารมณ์ร้อนบอกเลิกกับฝ่ายชาย โดยให้เหตุผลว่าเธอต้องการจะไปจากชีวิตเขาเพราะเธอมีคนใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายชายหนุ่ม สถาปนิกผู้เงียบขรึมก็ยอมรับเรื่องดังกล่าวอย่างเงียบๆ
หญิงสาวตั้งหน้าตั้งตานั่งเก็บของเพื่อเตรียมย้ายออก ขณะที่ ชายหนุ่ม ก็ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติ แถมยังช่วยเธอเก็บของอีกต่างหาก ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม ชวนอึดอัด สายฝนเทกระหนํ่าลงมาไม่ขาดสายจนออกไปไหนไม่ได้ โดยไม่รู้ตัว ทั้งสองกลับพบว่าต่างคนต่างก็ยังมีอารมณ์เป็นห่วงเป็นใยกันอยู่ และกับสิ่งของบางอย่างในอดีต ก็ชวนให้กลับไปยังคืนวันดีๆในอดีตที่ก่อเกิดความลังเลขึ้นมาในหัวใจ วูบหนึ่งอดไม่ได้ที่เราจะลุ้นให้พวกเขากลับมาคืนดีกัน
ตัวหนังเป็นไปอย่างราบเรียบ เน้นการเฝ้าดูพฤติกรรมของคน 2 คนที่กำลังจะเลิกกัน โดยที่ไม่บอกรายละเอียดใดๆเลย ทั้งความรักที่ผ่านมาหรือเหตุผลของการเลิกกัน ตัวละครฝ่ายหญิงเป็นคนเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ และยังเป็นคนบอกเลิกก่อน ดังนั้น อาจดูเหมือนว่าเธอเป็นต้นเหตุของความรักที่จบลง กระนั้น แม้ว่าตัวละฝ่ายชายดูจะได้รับการเห็นใจ เนื่องจากพฤติกรรมที่สุขุม ใจเย็น ทำดีกับเธอทุกอย่าง แต่ก็ยังตัดสินอะไรไม่ได้ เพราะเรารับรู้เฉพาะวันสุดท้ายเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขาอาจจะละเลยไม่สนใจเธอก็เป็นได้
บทสนทนาก็เฉือดเฉีอนซะจน ฮยอนบิน ถึงกับร้องไห้ออกมาจริงๆระหว่างการถ่ายทำ (ว่ากันว่าเป็นช่วงที่เขากำลังห่างจาก ซองเฮเคียว แฟนสาว) ในเรื่องนี้เขาถ่ายทอดอารมณ์ความเศร้าออกมาได้ดี ส่วน อิมซูจอง กับมาดสาวเก่งวัยทำงานที่กำลังประสบปัญหาชีวิตรักก็แสดงออกมาได้สมจริงมาก ลบภาพสาวน้อยจาก A Tale of Two Sisters หรือสาวเพี้ยนจาก I'm a Cyborg, but it's Ok ไปหมดเลย
ส่วนตัวผมชอบโปสเตอร์ของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างแรก เป็นสิ่งที่สะกิดใจให้อยากดูหนังเรื่องนี้ มันแสดงอารมณ์ของตัวละครได้ชัดเจนมาก ความรู้สึกของพวกเขาเหมือนพุ่งเข้ามากระทบใจคนที่จ้องมอง ในเรื่องมีการแสดงความหมายเชิงสัญลักษณ์ของสองสิ่ง คือ สายฝน กับ แสงแดด ถูกถูกนำมาเปรียบเป็นเป็นช่วงเวลาอันสดใส และ ขมขื่น ของความรัก ตัวหนังมีความดราม่าเงียบ สร้างบรรยากาศเหงาเศร้าแบบซึมลึก นับเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้จากการดูหนังรัก ที่เราจะได้ค่อยๆซึมซับเอาความรู้สึกเจ็บปวดที่บาดลึกลงไปข้างในใจ
ขัดใจนิดหน่อยคือตัวละคร 2 เพื่อนบ้านไร้มารยาทที่โผล่เข้ามาทำเสียงเอะอะวุ่นวายทำลายโทนเงียบสงบของหนัง หากจะอ้างว่าเขามาตามหาแมว แล้วบอกข่าวนํ้าท่วมสะพานขาด ก็ดูไม่สมจริงเท่าไหร่ นอกเสียจากว่า ผู้กำกับจะจงใจให้เป็นแบบนั้น หนังออกเอื่อยๆ เนือยๆ เชื่องช้ามากๆ ภาพในเรื่องถูกถ่ายออกมาในแบบหม่นๆ บวกกับฝนที่ตกตลอดเวลา แอร์เย็นฉํ่าในโรง ถือเป็นยานอนหลับชั้นดีของคนที่ฝืนตัวเองไม่ได้
เมื่อหนังจบผมเดินออกจากโรงหนัง สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุด หนุ่มสาวข้างหน้าพูดถึงหนังว่า เป็นฉันนะมีแฟนหล่อขนาดนี้ ยังไงก็ไม่เลิกหรอก ผมแสดงความเห็นคัดค้านอยู่ในใจ ดูคู่รักดาราที่มีหน้าตาหล่อสวยในวงการบันเทิงสิ แต่งงานกันไปยังเลิกกันได้เลย ยังจะพวกที่คบกันเฉยๆแล้วเลิกวนไปเวียนมาจนน่าปวดหัวอีก
นั่นเป็นเพราะ บางที ความรักมันก็เป็นเรื่องของคนสองคน อธิบายให้ใครฟังยังไงก็ไม่มีทางเข้าใจได้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราชอบคนแบบนี้ลงได้ยังไง ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าทำไมเราเลิกกับคนที่แสนดีเพียงนี้ สุดท้ายมันอยู่ที่ตัวของทั้งคู่เองที่ต้องถามใจดูว่ายังคง รัก กันอยู่หรือเปล่า
16 Jan 2012 11:21:04 by นกไซเบอร์
เครดิต
https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
Come Rain Come Shine เลิกกันในวันฝนพรำ
สิ่งที่ไม่มีวันรู้ได้ของคู่รักนั่นก็คือ เราจะคงสถานะเช่นนี้ไปอีกนานเท่าใด อาการหมดรักกันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ คล้ายกับสภาพอากาศบนท้องฟ้าที่ไม่มีวันคาดเดาได้
ฤดูฝนแต่ละปีทวีจำนวนเม็ดฝนมากขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับแสงแดดที่มีให้เห็นน้อยลง บรรยากาศเช่นนี้ทำให้ผมติดแหง็กอยู่ในโรงภาพยนตร์พร้อมกับชมเรื่องราวของ คู่รักคู่หนึ่งที่กำลังใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตคู่ด้วยกัน ปัญหาคือ พวกเขายังคงรักกันอยู่
Come Rain Come Shine เป็นหนังเกาหลีที่ได้นักแสดงอย่าง ฮยอนบิน และ อิมซูจอง มาถ่ายทอดบทคู่สามีภรรยาที่กำลังจะเลิกกัน ผู้กำกับ อียุนกี ที่ทำหน้าที่เขียนบท ต้องการนำเสนอหนังรักเกาหลีในมุมมองที่ต่างไปจากเดิม ที่มาของหนังมาจากเรื่องสั้นขายดีในประเทศญี่ปุ่น หนังเรื่องนี้ได้รับการคัดเลือกในสายประกวดหลักรางวัล Golden Berlin Bear บัตรขายหมดเกลี้ยงภายในเวลา 5 นาที นับเป็นหนังแนวทดลองฟอร์มเล็กที่ประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง รวมถึงยังเป็นการกู้หน้าวงการหนังเกาหลีให้กลับมาได้รับความสนใจจากเวทีสากลอีกครั้ง หลังจากซบเซามาหลายปี
เนื้อหาของหนังว่าด้วย ห้วงเวลาของคู่สามีภรรยาที่ตัดสินใจจบความสัมพันธ์ 5 ปี โดยฝ่ายหญิง สาวสำนักพิมพ์อารมณ์ร้อนบอกเลิกกับฝ่ายชาย โดยให้เหตุผลว่าเธอต้องการจะไปจากชีวิตเขาเพราะเธอมีคนใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายชายหนุ่ม สถาปนิกผู้เงียบขรึมก็ยอมรับเรื่องดังกล่าวอย่างเงียบๆ
หญิงสาวตั้งหน้าตั้งตานั่งเก็บของเพื่อเตรียมย้ายออก ขณะที่ ชายหนุ่ม ก็ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติ แถมยังช่วยเธอเก็บของอีกต่างหาก ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม ชวนอึดอัด สายฝนเทกระหนํ่าลงมาไม่ขาดสายจนออกไปไหนไม่ได้ โดยไม่รู้ตัว ทั้งสองกลับพบว่าต่างคนต่างก็ยังมีอารมณ์เป็นห่วงเป็นใยกันอยู่ และกับสิ่งของบางอย่างในอดีต ก็ชวนให้กลับไปยังคืนวันดีๆในอดีตที่ก่อเกิดความลังเลขึ้นมาในหัวใจ วูบหนึ่งอดไม่ได้ที่เราจะลุ้นให้พวกเขากลับมาคืนดีกัน
ตัวหนังเป็นไปอย่างราบเรียบ เน้นการเฝ้าดูพฤติกรรมของคน 2 คนที่กำลังจะเลิกกัน โดยที่ไม่บอกรายละเอียดใดๆเลย ทั้งความรักที่ผ่านมาหรือเหตุผลของการเลิกกัน ตัวละครฝ่ายหญิงเป็นคนเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ และยังเป็นคนบอกเลิกก่อน ดังนั้น อาจดูเหมือนว่าเธอเป็นต้นเหตุของความรักที่จบลง กระนั้น แม้ว่าตัวละฝ่ายชายดูจะได้รับการเห็นใจ เนื่องจากพฤติกรรมที่สุขุม ใจเย็น ทำดีกับเธอทุกอย่าง แต่ก็ยังตัดสินอะไรไม่ได้ เพราะเรารับรู้เฉพาะวันสุดท้ายเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขาอาจจะละเลยไม่สนใจเธอก็เป็นได้
บทสนทนาก็เฉือดเฉีอนซะจน ฮยอนบิน ถึงกับร้องไห้ออกมาจริงๆระหว่างการถ่ายทำ (ว่ากันว่าเป็นช่วงที่เขากำลังห่างจาก ซองเฮเคียว แฟนสาว) ในเรื่องนี้เขาถ่ายทอดอารมณ์ความเศร้าออกมาได้ดี ส่วน อิมซูจอง กับมาดสาวเก่งวัยทำงานที่กำลังประสบปัญหาชีวิตรักก็แสดงออกมาได้สมจริงมาก ลบภาพสาวน้อยจาก A Tale of Two Sisters หรือสาวเพี้ยนจาก I'm a Cyborg, but it's Ok ไปหมดเลย
ส่วนตัวผมชอบโปสเตอร์ของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างแรก เป็นสิ่งที่สะกิดใจให้อยากดูหนังเรื่องนี้ มันแสดงอารมณ์ของตัวละครได้ชัดเจนมาก ความรู้สึกของพวกเขาเหมือนพุ่งเข้ามากระทบใจคนที่จ้องมอง ในเรื่องมีการแสดงความหมายเชิงสัญลักษณ์ของสองสิ่ง คือ สายฝน กับ แสงแดด ถูกถูกนำมาเปรียบเป็นเป็นช่วงเวลาอันสดใส และ ขมขื่น ของความรัก ตัวหนังมีความดราม่าเงียบ สร้างบรรยากาศเหงาเศร้าแบบซึมลึก นับเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้จากการดูหนังรัก ที่เราจะได้ค่อยๆซึมซับเอาความรู้สึกเจ็บปวดที่บาดลึกลงไปข้างในใจ
ขัดใจนิดหน่อยคือตัวละคร 2 เพื่อนบ้านไร้มารยาทที่โผล่เข้ามาทำเสียงเอะอะวุ่นวายทำลายโทนเงียบสงบของหนัง หากจะอ้างว่าเขามาตามหาแมว แล้วบอกข่าวนํ้าท่วมสะพานขาด ก็ดูไม่สมจริงเท่าไหร่ นอกเสียจากว่า ผู้กำกับจะจงใจให้เป็นแบบนั้น หนังออกเอื่อยๆ เนือยๆ เชื่องช้ามากๆ ภาพในเรื่องถูกถ่ายออกมาในแบบหม่นๆ บวกกับฝนที่ตกตลอดเวลา แอร์เย็นฉํ่าในโรง ถือเป็นยานอนหลับชั้นดีของคนที่ฝืนตัวเองไม่ได้
เมื่อหนังจบผมเดินออกจากโรงหนัง สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุด หนุ่มสาวข้างหน้าพูดถึงหนังว่า เป็นฉันนะมีแฟนหล่อขนาดนี้ ยังไงก็ไม่เลิกหรอก ผมแสดงความเห็นคัดค้านอยู่ในใจ ดูคู่รักดาราที่มีหน้าตาหล่อสวยในวงการบันเทิงสิ แต่งงานกันไปยังเลิกกันได้เลย ยังจะพวกที่คบกันเฉยๆแล้วเลิกวนไปเวียนมาจนน่าปวดหัวอีก
นั่นเป็นเพราะ บางที ความรักมันก็เป็นเรื่องของคนสองคน อธิบายให้ใครฟังยังไงก็ไม่มีทางเข้าใจได้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราชอบคนแบบนี้ลงได้ยังไง ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าทำไมเราเลิกกับคนที่แสนดีเพียงนี้ สุดท้ายมันอยู่ที่ตัวของทั้งคู่เองที่ต้องถามใจดูว่ายังคง รัก กันอยู่หรือเปล่า
16 Jan 2012 11:21:04 by นกไซเบอร์
เครดิต https://www.facebook.com/cyberbirdmovie