คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 26
ส่วนตัวก็เริ่มขับรถมาจากเกียร์ธรรมดา ใจก็ยังชอบเกียร์ธรรมดาครับ ยังจำรสชาติความสนุกของเกียร์ธรรมดาได้ดี
แต่ในแง่ชีวิตประจำวันทุกวันนี้ ที่อายุมากขึ้นทุกวันๆ ขับรถติดๆในเมืองประจำ วันละหลายชั่วโมง
ลำพังเหยียบเบรคกับคันเร่งนี่ยังเมื่อยยังปวดเลย
แถมเดี๋ยวนี้รถเยอะเต็มถนน ไม่ค่อยเหลือทางโล่งๆให้วิ่งเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็เลยไม่รู้จะเอา MT ไว้เล่นตอนไหน
สุดท้ายก็ลงเอยกับ AT ครับ ขับสบายๆ อัตราเร่ง AT สมัยนี้ไม่ได้เป็นรอง MT เท่าไหร่ ถ้าไม่ได้ไปวัดกันจริงจังในสนาม
แถมเรื่องความทนทาน ความจุกจิก ก็ดีขึ้นเยอะมากกก ไอ้ความคิดที่ว่าเกียร์ออโต้พังง่าย ซ่อมแพง มันไม่จริงเสมอไปแล้วครับ
แลกกับความสะดวกสบายในการใช้งาน ขับสองสามแสนกิโลก็ไม่เห็นต้องซ่อมอะไรมากมาย ถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะ จบ
(ถ้าไม่แจ๊คพอตไปเจอรุ่นหรือล็อตที่มีปัญหาแก้ไม่จบจริงๆอะนะ)
ปัจจัยเหล่านี้ มันก็เลยเป็นทางเลือกในใจของผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ ว่าซื้อรถ ก็เอา AT ละกัน สบายดี
ที่เหลือ MT ก็จะยังอยู่ในกลุ่มรถส่งของ แทกซี่ อันนั้นมันชัดเจนว่าเป็นเรื่องต้นทุนในการประกอบการ
เพราะฉะนั้น ก็เลยกลายเป็นว่า โรงงานก็จะเน้นทำตลาดและประกอบรุ่น AT ขายมากกว่า เพื่อทำให้เกิดการประหยัดจากขนาดให้มากที่สุด
(economy of scale ง่ายๆคือผลิตเยอะๆ มันก็ได้ต้นทุนต่ำลง) ไม่ใช่ต้องมามีรุ่นย่อยดับเบิ้ลไปอีก เพราะต้องให้เลือกทั้ง MT + AT อะไรงี้
เลยกลายเป็นว่า รุ่นที่เป็น MT ก็จะเหลือไว้แค่รุ่นล่าง สำหรับใครที่อยากประหยัดจริงๆ หรือเอารถไปใช้ในเชิงธุรกิจ
นอกนั้นก็เป็น AT ดีกว่า ประหยัดไลน์ประกอบ ทำตลาดง่ายกว่า บลาๆๆ
แต่ในแง่ชีวิตประจำวันทุกวันนี้ ที่อายุมากขึ้นทุกวันๆ ขับรถติดๆในเมืองประจำ วันละหลายชั่วโมง
ลำพังเหยียบเบรคกับคันเร่งนี่ยังเมื่อยยังปวดเลย
แถมเดี๋ยวนี้รถเยอะเต็มถนน ไม่ค่อยเหลือทางโล่งๆให้วิ่งเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็เลยไม่รู้จะเอา MT ไว้เล่นตอนไหน
สุดท้ายก็ลงเอยกับ AT ครับ ขับสบายๆ อัตราเร่ง AT สมัยนี้ไม่ได้เป็นรอง MT เท่าไหร่ ถ้าไม่ได้ไปวัดกันจริงจังในสนาม
แถมเรื่องความทนทาน ความจุกจิก ก็ดีขึ้นเยอะมากกก ไอ้ความคิดที่ว่าเกียร์ออโต้พังง่าย ซ่อมแพง มันไม่จริงเสมอไปแล้วครับ
แลกกับความสะดวกสบายในการใช้งาน ขับสองสามแสนกิโลก็ไม่เห็นต้องซ่อมอะไรมากมาย ถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะ จบ
(ถ้าไม่แจ๊คพอตไปเจอรุ่นหรือล็อตที่มีปัญหาแก้ไม่จบจริงๆอะนะ)
ปัจจัยเหล่านี้ มันก็เลยเป็นทางเลือกในใจของผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ ว่าซื้อรถ ก็เอา AT ละกัน สบายดี
ที่เหลือ MT ก็จะยังอยู่ในกลุ่มรถส่งของ แทกซี่ อันนั้นมันชัดเจนว่าเป็นเรื่องต้นทุนในการประกอบการ
เพราะฉะนั้น ก็เลยกลายเป็นว่า โรงงานก็จะเน้นทำตลาดและประกอบรุ่น AT ขายมากกว่า เพื่อทำให้เกิดการประหยัดจากขนาดให้มากที่สุด
(economy of scale ง่ายๆคือผลิตเยอะๆ มันก็ได้ต้นทุนต่ำลง) ไม่ใช่ต้องมามีรุ่นย่อยดับเบิ้ลไปอีก เพราะต้องให้เลือกทั้ง MT + AT อะไรงี้
เลยกลายเป็นว่า รุ่นที่เป็น MT ก็จะเหลือไว้แค่รุ่นล่าง สำหรับใครที่อยากประหยัดจริงๆ หรือเอารถไปใช้ในเชิงธุรกิจ
นอกนั้นก็เป็น AT ดีกว่า ประหยัดไลน์ประกอบ ทำตลาดง่ายกว่า บลาๆๆ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมคุณถึงยังเลือกซื้อรถเก๋งเกียร์ธรรมดา? (หาแนวร่วม)
10 คัน จะเห็นเกียร์ธรรมดา แค่ 2 คัน
-ECO CAR เครื่องน้อยๆ กับเกียร์ธรรมดา มันคุ้มค่ารึเปล่าครับ
-B-segment เครื่องพิมพ์นิยม กับเกียร์ธรรมดา ในยุคนี้ใช้งานเป็นไง เมื่อยขามากน้อยแค่ไหน
-กระบะ ยุคนี้ คนก็ใช้ ออโต้กันเยอะนะครับ
แต่ผมคิดว่าน่าจะยังมีคนที่ใช้รถเกียร์ธรรมดาในยุคนี้อยู่...........