"หลายคนคงมีเป้าหมายบ้าๆในชีวิตที่ตัวเองคิดไว้ แต่ยังไม่กล้าทำหรือไม่พร้อม...เชื่อผมเถอะ ทำเลย อย่ารอ!! มันอาจจะฟังดูสิ้นคิด สิ่งที่ได้กลับมาจะบวกหรือลบมันเรียกว่าประสบการณ์ และเป็นเรื่องราวบทนึงของชีวิตคุณ ที่สามารถเล่าให้คนอื่นฟังได้ไม่รู้จบ"
ผมก็เป็นคนนึงที่ชอบมีความคิดบ้าๆที่อยากทำ แต่ไม่กล้าบ้าง ไม่พร้อมบ้าง จนมันดูเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ...ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ จึงทำให้ผมมีความคิดที่อยากไปเหยียบมัลดีฟให้ได้เร็วที่สุด
...ทริปนี้ผ่านมาแล้วหนึ่งปีเต็มๆ...
ผมตัดสินใจเช็คราคาตั๋วเครื่องบินก่อนเป็นอันดับแรก ตอนนั้นอยู่ในช่วง Low Season ราคาถูกที่สุดอยู่ที่ประมาณ 13,000 บาท ของ SriLankan Airlines และต้องเดินทางในอีก 4 วันข้างหน้า หลังจากที่คำนวณความเป็นไปได้แล้วในงบที่ตั้งไว้ จึงรีบศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับมัลดีฟ ซื้ออาหารกระป๋องเตรียมไว้สำรอง 6 มื้อ แล้วจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ จองที่พัก ผมเลือกเป็นแบบ Guesthouse บนเกาะชุมชน (การติดต่อในการจองที่พักนั้น ควร E-mail สอบถามข้อมูลกิจกรรมและราคาก่อน)
โดยปกติการไปเที่ยวมัลดีฟคนเดียว ราคาจะสูงกว่าไปสองคนขึ้นไป เพราะกิจกรรมต่างๆจะเน้นการออกเรือเป็นหลัก ซึ่งทางที่พักก็ไม่สามารถการันตีให้ผมได้ว่า เค้าจะหาคนแชร์ค่าเรือออกทริปกับผมได้รึป่าว....จึงเลือกที่จะขอวัดดวงกับโชคของตัวเอง
การผจญภัยเริ่มขึ้นต่อจากนี้...
โชคแรกที่เจอกับการเริ่มเดินทางคือ เป้าขาดตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นลางบอกเหตุที่ดีว่ามัลดีฟต้องลมโกรกแน่ๆ(ติดตลกนิดนึง) แล้วผมต้องอยู่ในสภาพนี้ไปอีก 7 ชั่วโมง ซึ่งสายการบิน SriLanKan ต้องไปรอเปลี่ยนเครื่องที่ Colombo แล้วจึงต่อไปถึง Maldives
วิวจากบนเครื่องก่อน landing
หลายคนเข้าใจผิดว่า มัลดีฟอยู่ในประเทศศรีลังกา ที่จริงแล้วมัลดีฟคือประเทศนึงที่มีเกาะอยู่เกือบ 1,200 เกาะ Male' (มาเล่) เป็นเมืองหลวง รีสอร์ทชื่อดังที่เรารู้จักกันส่วนใหญ่จะเป็น เกาะส่วนตัวกันทั้งหมด (1เกาะ=1รีสอร์ท)
พอถึงสนามบินก็ตอนเย็นแล้ว โชคดีที่ได้คนมัลดีฟเพื่อนคุณพ่อมารอรับ ผมเริ่มจากซื้อ SIM CARD ที่สนามบิน เค้าแนะนำเครือข่าย ooredoo ผมเลือกแบบเป็นซิม internet ค่าซิม $2 + ค่าแพจเกจแบบ 2GB $14 = $16 จากนั้นก็นั่งเรือเฟอรี่ข้ามจากสนามบินมา เมืองหลวง Male'
เมืองหลวง Male' เปรียบจุดพักสำหรับขึ้นเรือไปเกาะชุมชนต่างๆตามรอบออกเรือของแต่ละวัน ผมต้องพักที่นี่ก่อนคืนนึงเพื่อต่อเรือเฟอรี่ไปเกาะ Maafushi ที่ผมจองที่พักไว้ในวันรุ่งขึ้น (เรือเฟอรี่ไปตามเกาะชุมชนต่างๆจะมีรอบออกเรือไม่มาก ควรเช็คตารางเดินเรือล่วงหน้าและคำนวณเวลาให้ดี) (ค่าโดยสารเรือเฟอรี่ที่นั่นจะอยู่ที่ประมาณ $1-3 ต่อเที่ยว)
คืนแรกผมพักฟรี เพราะเพื่อนคุณพ่อจัดหาให้รอไว้แล้ว (จริงๆหาสำรองไว้แล้วอยู่ประมาณ 500 บาท/คืน) หลังจากเก็บของเข้าที่พักเค้าก็พาออกไปทานข้าวเย็น
อาหารพื้นเมือง เรียกว่า "hedhika" ส่วนตัวผมเปรียบเหมือนเบเกอรี่ที่มีไส้คล้ายๆ
บัฟปลา จะคิดราคาเท่ากันหมดทุกชิ้น ผมจำราคาไม่ได้ ส่วนรสชาติก็มีทั้งถูกปากและไม่ถูกปาก
"dhufaa thabah" เปรียบเสมือนหมาก ที่คนมัลดีฟนิยม เคี้ยวเพื่อทำความสะอาดช่องปากและฟัน หลังอาหาร ส่วนตัวผมว่ามันแข็ง เคี้ยวไม่ไหว ฮาๆ ต้องขอบายเลยทีเดียว
***คนพื้นที่ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้น้อย ภาษาที่ใช้เป็นภาษาหลักคือ ดิเวฮิ แต่ถ้าไปตามรีสอร์ทจะเจอคนที่ใช้ภาษาอังกฤษคล่อง***
หลังจากนั้นก็เป็นเวลาส่วนตัวของผม ผมเดินชมเมืองแบบไร้จุดหมาย เบื่อๆก็เข้าไปหาคนคุย (เป็นคนอัธยาศัยดีเกิน)
คนมัลดีฟส่วนใหญ่จะเป็นคนผิวดำ ลักษณะคล้ายๆอินเดีย กลิ่นตัวไม่แรง นิยมใช้มอเตอร์ไซค์เป็นหลักซึ่งส่วนใหญ่ก็นำเข้าอะไหล่จากประเทศไทย ผมได้คุยกับมัลดิเวี่ยนคนนึง เค้าบอกว่าเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $1,500-2,000 (จริงเท็จยังไงไม่แน่ใจนะครับ) เพราะเป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูง สินค้าอุปโภคและบริโภคส่วนใหญ่ต้องนำเข้ามา คนรวยส่วนใหญ่ไม่ใช่คนพื้นที่แต่เป็นนักธุรกิจต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนทำรีสอร์ท โรงแรม ซึ่งก็มีของคนไทยใหญ่ๆอยู่ 3-4 แห่งหรือมากกว่านี้
"The Swimming Track" เป็นจุดรวมของวัยรุ่น เปรียบเสมือนสระว่ายน้ำสาธารณะ ที่มีแค่ทุ้นลอยล้อมเป็นสระอยู่ในทะเล
หมายเหตุ : ผมยืมไอดีเพื่อนมาเขียนกระทู้นะครับ
***************UPDATE!!! 31/8/2558***************
ตอนนี้ผมเขียนถึงวันที่ 5 แล้วนะครับ เลื่อนลงไปอ่านดูเรื่อยๆนะครับ (ความสนุกจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ)
[CR] ฉายเดี่ยว 8 วัน ผจญภัยมัลดีฟ MALDIVES งบ 30,000บาท (รวมค่าตั๋วไปกลับ)
ผมก็เป็นคนนึงที่ชอบมีความคิดบ้าๆที่อยากทำ แต่ไม่กล้าบ้าง ไม่พร้อมบ้าง จนมันดูเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ...ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ จึงทำให้ผมมีความคิดที่อยากไปเหยียบมัลดีฟให้ได้เร็วที่สุด
...ทริปนี้ผ่านมาแล้วหนึ่งปีเต็มๆ...
ผมตัดสินใจเช็คราคาตั๋วเครื่องบินก่อนเป็นอันดับแรก ตอนนั้นอยู่ในช่วง Low Season ราคาถูกที่สุดอยู่ที่ประมาณ 13,000 บาท ของ SriLankan Airlines และต้องเดินทางในอีก 4 วันข้างหน้า หลังจากที่คำนวณความเป็นไปได้แล้วในงบที่ตั้งไว้ จึงรีบศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับมัลดีฟ ซื้ออาหารกระป๋องเตรียมไว้สำรอง 6 มื้อ แล้วจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ จองที่พัก ผมเลือกเป็นแบบ Guesthouse บนเกาะชุมชน (การติดต่อในการจองที่พักนั้น ควร E-mail สอบถามข้อมูลกิจกรรมและราคาก่อน)
โดยปกติการไปเที่ยวมัลดีฟคนเดียว ราคาจะสูงกว่าไปสองคนขึ้นไป เพราะกิจกรรมต่างๆจะเน้นการออกเรือเป็นหลัก ซึ่งทางที่พักก็ไม่สามารถการันตีให้ผมได้ว่า เค้าจะหาคนแชร์ค่าเรือออกทริปกับผมได้รึป่าว....จึงเลือกที่จะขอวัดดวงกับโชคของตัวเอง
การผจญภัยเริ่มขึ้นต่อจากนี้...
โชคแรกที่เจอกับการเริ่มเดินทางคือ เป้าขาดตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นลางบอกเหตุที่ดีว่ามัลดีฟต้องลมโกรกแน่ๆ(ติดตลกนิดนึง) แล้วผมต้องอยู่ในสภาพนี้ไปอีก 7 ชั่วโมง ซึ่งสายการบิน SriLanKan ต้องไปรอเปลี่ยนเครื่องที่ Colombo แล้วจึงต่อไปถึง Maldives
หลายคนเข้าใจผิดว่า มัลดีฟอยู่ในประเทศศรีลังกา ที่จริงแล้วมัลดีฟคือประเทศนึงที่มีเกาะอยู่เกือบ 1,200 เกาะ Male' (มาเล่) เป็นเมืองหลวง รีสอร์ทชื่อดังที่เรารู้จักกันส่วนใหญ่จะเป็น เกาะส่วนตัวกันทั้งหมด (1เกาะ=1รีสอร์ท)
พอถึงสนามบินก็ตอนเย็นแล้ว โชคดีที่ได้คนมัลดีฟเพื่อนคุณพ่อมารอรับ ผมเริ่มจากซื้อ SIM CARD ที่สนามบิน เค้าแนะนำเครือข่าย ooredoo ผมเลือกแบบเป็นซิม internet ค่าซิม $2 + ค่าแพจเกจแบบ 2GB $14 = $16 จากนั้นก็นั่งเรือเฟอรี่ข้ามจากสนามบินมา เมืองหลวง Male'
เมืองหลวง Male' เปรียบจุดพักสำหรับขึ้นเรือไปเกาะชุมชนต่างๆตามรอบออกเรือของแต่ละวัน ผมต้องพักที่นี่ก่อนคืนนึงเพื่อต่อเรือเฟอรี่ไปเกาะ Maafushi ที่ผมจองที่พักไว้ในวันรุ่งขึ้น (เรือเฟอรี่ไปตามเกาะชุมชนต่างๆจะมีรอบออกเรือไม่มาก ควรเช็คตารางเดินเรือล่วงหน้าและคำนวณเวลาให้ดี) (ค่าโดยสารเรือเฟอรี่ที่นั่นจะอยู่ที่ประมาณ $1-3 ต่อเที่ยว)
คืนแรกผมพักฟรี เพราะเพื่อนคุณพ่อจัดหาให้รอไว้แล้ว (จริงๆหาสำรองไว้แล้วอยู่ประมาณ 500 บาท/คืน) หลังจากเก็บของเข้าที่พักเค้าก็พาออกไปทานข้าวเย็น
***คนพื้นที่ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้น้อย ภาษาที่ใช้เป็นภาษาหลักคือ ดิเวฮิ แต่ถ้าไปตามรีสอร์ทจะเจอคนที่ใช้ภาษาอังกฤษคล่อง***
หลังจากนั้นก็เป็นเวลาส่วนตัวของผม ผมเดินชมเมืองแบบไร้จุดหมาย เบื่อๆก็เข้าไปหาคนคุย (เป็นคนอัธยาศัยดีเกิน)
คนมัลดีฟส่วนใหญ่จะเป็นคนผิวดำ ลักษณะคล้ายๆอินเดีย กลิ่นตัวไม่แรง นิยมใช้มอเตอร์ไซค์เป็นหลักซึ่งส่วนใหญ่ก็นำเข้าอะไหล่จากประเทศไทย ผมได้คุยกับมัลดิเวี่ยนคนนึง เค้าบอกว่าเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $1,500-2,000 (จริงเท็จยังไงไม่แน่ใจนะครับ) เพราะเป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูง สินค้าอุปโภคและบริโภคส่วนใหญ่ต้องนำเข้ามา คนรวยส่วนใหญ่ไม่ใช่คนพื้นที่แต่เป็นนักธุรกิจต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนทำรีสอร์ท โรงแรม ซึ่งก็มีของคนไทยใหญ่ๆอยู่ 3-4 แห่งหรือมากกว่านี้
หมายเหตุ : ผมยืมไอดีเพื่อนมาเขียนกระทู้นะครับ
***************UPDATE!!! 31/8/2558***************
ตอนนี้ผมเขียนถึงวันที่ 5 แล้วนะครับ เลื่อนลงไปอ่านดูเรื่อยๆนะครับ (ความสนุกจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ)