ตอนที่ 3 จะพาไปเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม 2 เมืองค่ะ เมืองแรก คือ Zurich เป็นเมืองเศรษฐกิจ ย่านช็อปปิ้ง แต่ต่างจากเมืองช็อปปิ้งอย่างฮ่องกงหรือสิงคโปร์ตรงที่ เราจะเดินช็อปปิ้งท่ามกลางตึกทรงยุโรปสวยบนถนนหินค่ะ ร้านขนมดังอย่าง Laduree ก็สามารถหาทานได้ที่ซูริคเหมือนกัน
ระหว่างร้านรวงต่างๆก็จะมีงานศิลป์แทรกอยู่เป็นระยะ บางอันก็สวย บางอันก็เข้าไม่ถึงแบบอันนี้ค่ะ ถามเพื่อนว่านี่อะไร เพื่อนบอกไม่รู้ จบค่ะ 55+
นอกจากร้านแบรนด์เนมใหญ่น้อยทั้งหลายแล้ว ที่ซูริคก็มีตลาดนัดริมทะเลสาบให้ช็อปของมือสองของอินดี้กันด้วยนะคะ
แลนมาร์คอย่างหนึ่งของซูริค คือ St. Peter Church (St. Peterskirche) ค่ะ มองจากสะพานไปจะเห็นยอดโบถส์หลังคาแหลมสีน้ำตา มีนาฬิกาติดอยู่
ข้างๆกับโบถส์ St. Peter เราจะเห็น Church of Our Lady (Fraumunster) หลังคาแหลมสีเขียวค่ะ
ที่ซูริคเราไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เดินกินขนมกินไอติมซะมากกว่า เพราะส่วนใหญ่มีแต่ร้านค้า ร้านอาหารค่ะ
------------------
ข้ามมาที่ Lucerne อีกหนึ่งเมืองยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยว เพราะเป็นเมืองที่มีจุดท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่หลายแห่ง ตอนเช้าตั้งใจจะไปขึ้นรถไฟที่ชันที่สุดในโลกที่สถานี Pilatus ก่อนเข้าไปในตัวเมืองค่ะ รถไฟที่ว่าหน้าตาแบบนี้ค่ะ ราคาค่าขึ้นเขาด้วยรถไฟอันนี้เหมารวมขึ้นลงแบบใช้ Swiss Pass ลดแล้ว 34 CHF รู้สึกเลือดซิบออกมาเล็กน้อย แต่ตั้งใจมาก็ต้องไปต่อค่ะ
จุดสีแดงๆกลางภาพนั่นล่ะค่ะ รถไฟที่ขึ้นมาเมื่อกี้ แต่ในระหว่างที่นั่งรถไฟขึ้นมา ก็เจอคนสวิสเดินขึ้นมาค่ะ แต่เค้ามีอุปกรณ์ hiking นะคะ เป็นกิจกรรมของคนที่นี่ในช่วงฤดูร้อนที่จะมาปีนเขาออกกำลังกายกัน
พอขึ้นมาด้านบน จะเจอร้านอาหารและป้าย Pilatus ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของปี หิมะในยอดเขาที่สูงระดับกลางละลายเกือบหมดแล้ว แต่ถ้ามองจากยอดเขา Pilatus ออกไป จะยังเห็นวิวหิมะปกคลุมยอดเขาอยู่ค่ะ คนที่นี่ก็จะนั่งกินข้าวอาบแดดอย่างมีความสุข แต่ขอบอกว่าร้อนมาก แสงจ้ามาก การขึ้นเขาสูงๆสิ่งที่ต้องมีติดตัวอีกอย่างหนึ่งคือวันกันแดดที่กรองแสงดีดีนะคะ
บนยอด Pilatus จะมีกีฬากลางแจ้งอีกอย่างหนึ่ง คือ การโดดร่มพาราชูท ค่ะ
สัตว์สัญลักษณ์ของยอด Pilatus ท่าทางจะเป็นน้องหมาเซนต์เบอร์นาร์ดค่ะ เพราะว่ามีร้านขายของที่ระลึกพวกพวงกุญแจ ตุ๊กตา ปากกา รูปทรงน้องหมา แถมมีน้องหมาอีกสองสามตัวแขวนถังไวน์คอยนั่งยิ้มให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปด้วย
ลงจากเขามา เราจะเข้าเมืองต่อค่ะ สามารถไปทางรถไฟก็ได้ แต่การเที่ยวครั้งนี้จะมีเสนห์กว่าถ้าเราล่องเรือผ่าน Lake of Lucerne จากสถานี Pilatus เข้าไปเทียบท่าที่กลางเมือง Swiss Pass ขึ้นฟรีนะคะ
ตลอดทางที่ล่องเรือไปก็จะเห็นวิวภูเขาเขียวขจี มีบ้านทรงน่ารักๆประปราย ลมเอื่อยๆ แดดอ่อนๆ
พอเรือเข้ามาเทียบท่า บรรยากาศก็จะเปลี่ยนเป็นวิวเมืองตึกทรงยุโรปที่สวยชวนเก็บภาพไปอีกแบบค่ะ
พอขึ้นฝั่งมาจะเจอสถานีรถไฟ Lucerne ที่คงไว้ซึ่งความสวยงามแบบดั้งเดิม
ข้ามถนนมาก็จะเจอ The Kapellbrücke (หรือ Chapel Bridge) ค่ะ แม้จะมีอายุเก่าแก่มากแล้ว แต่ก็มีการซ่อมแซมให้ยังใช้งานได้อยู่และมีสีสันสวยงามค่ะ
ข้างๆกันก็จะมีสะพานแบบใหม่ที่เป็นสะพานปูนแบบแข็งแรงและกว้างกว่า คนที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวก็จะข้ามทางนี้กันซะมากกว่าค่ะ
ก้มมองลงไปใต้สะพานก็จะเจอหงส์ว่ายน้ำเล่นอยู่เป็นปกติ ตรงริมท่าเรือหงส์ก็มานั่งผึ่งแดดผึ่งลมกันแบบไม่กลัวนักท่องเที่ยวเลยค่ะ ถ้าโชคดีจะเจอหงส์อุ้มลูกว่ายน้ำ น่ารักมาก แต่ถ่ายไม่ทันค่ะ
ข้ามสะพานมาก็จะเป็นย้านร้านอาหารและร้านค้า ก็ยังคงมีคนพลุกพล่านพอสมควรเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญค่ะ
ปิดท้ายด้วยขนมอีกนะคะ ช็อคโกแล็ตยี่ห้อดังของสวิส เพื่อนพาเรียกว่าช็อคโกแลตหัก หรือร้าน Laderach ค่ะ แทบจะพบเจอได้ในเมืองใหญ่ๆเกือบทุกเมือง ความคลาสิคคือไปเลือกช็อคโกแลตแล้วเค้าจะหักๆเอาไปชั่งกิโลแล้วคิดเงินให้เรา รสชาดช็อคโกแลตสวิสนี่ไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้วค่ะ กินแบบนี้อร่อยกว่าแพ็คสำเร็จเป็นสิบเท่าเลยค่ะ
ขนมอีกอย่างหนึ่งที่ต้องลองชิม คือ Luxembergeri เป็นลูกเป็นหลานอะไรของมาการองก็ไม่ทราบได้ หน้าตาคล้ายๆกัน แต่จะอันเล็กจิ๋ว แล้วก็มีรสชาดหลากหลายกว่าค่ะ เปรี้ยวไปเลยก็มี
------
ตอนหน้าเราจะชมเมืองเทพนิยาย Stein am rhein กับน้ำตก Rhein fall กันนะคะ
-------------------------------------------------------------------------------
ขุดรูปย้อนเวลากลับไปหาสวิสเซอร์แลนด์ดินแดนในฝัน
ตอนที่ 1 การเดินทางในสวิสและกรุงเบิร์น (Bern) ภาค 1
http://ppantip.com/topic/34098566
ตอนที่ 2 กรุงเบิร์น (Bern) ภาค 2
http://ppantip.com/topic/34099910
ตอนที่ 3 Zurich Lucerne และรถไฟชันที่สุดในโลกที่ Pilatus
http://ppantip.com/topic/34102779
--------------------------------------------------------------------------------
ขุดรูปย้อนเวลากลับไปหาสวิสเซอร์แลนด์ดินแดนในฝัน ตอนที่ 3 Zurich Lucerne และรถไฟชันที่สุดในโลกที่ Pilatus
ระหว่างร้านรวงต่างๆก็จะมีงานศิลป์แทรกอยู่เป็นระยะ บางอันก็สวย บางอันก็เข้าไม่ถึงแบบอันนี้ค่ะ ถามเพื่อนว่านี่อะไร เพื่อนบอกไม่รู้ จบค่ะ 55+
นอกจากร้านแบรนด์เนมใหญ่น้อยทั้งหลายแล้ว ที่ซูริคก็มีตลาดนัดริมทะเลสาบให้ช็อปของมือสองของอินดี้กันด้วยนะคะ
แลนมาร์คอย่างหนึ่งของซูริค คือ St. Peter Church (St. Peterskirche) ค่ะ มองจากสะพานไปจะเห็นยอดโบถส์หลังคาแหลมสีน้ำตา มีนาฬิกาติดอยู่
ข้างๆกับโบถส์ St. Peter เราจะเห็น Church of Our Lady (Fraumunster) หลังคาแหลมสีเขียวค่ะ
ที่ซูริคเราไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เดินกินขนมกินไอติมซะมากกว่า เพราะส่วนใหญ่มีแต่ร้านค้า ร้านอาหารค่ะ
------------------
ข้ามมาที่ Lucerne อีกหนึ่งเมืองยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยว เพราะเป็นเมืองที่มีจุดท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่หลายแห่ง ตอนเช้าตั้งใจจะไปขึ้นรถไฟที่ชันที่สุดในโลกที่สถานี Pilatus ก่อนเข้าไปในตัวเมืองค่ะ รถไฟที่ว่าหน้าตาแบบนี้ค่ะ ราคาค่าขึ้นเขาด้วยรถไฟอันนี้เหมารวมขึ้นลงแบบใช้ Swiss Pass ลดแล้ว 34 CHF รู้สึกเลือดซิบออกมาเล็กน้อย แต่ตั้งใจมาก็ต้องไปต่อค่ะ
จุดสีแดงๆกลางภาพนั่นล่ะค่ะ รถไฟที่ขึ้นมาเมื่อกี้ แต่ในระหว่างที่นั่งรถไฟขึ้นมา ก็เจอคนสวิสเดินขึ้นมาค่ะ แต่เค้ามีอุปกรณ์ hiking นะคะ เป็นกิจกรรมของคนที่นี่ในช่วงฤดูร้อนที่จะมาปีนเขาออกกำลังกายกัน
พอขึ้นมาด้านบน จะเจอร้านอาหารและป้าย Pilatus ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของปี หิมะในยอดเขาที่สูงระดับกลางละลายเกือบหมดแล้ว แต่ถ้ามองจากยอดเขา Pilatus ออกไป จะยังเห็นวิวหิมะปกคลุมยอดเขาอยู่ค่ะ คนที่นี่ก็จะนั่งกินข้าวอาบแดดอย่างมีความสุข แต่ขอบอกว่าร้อนมาก แสงจ้ามาก การขึ้นเขาสูงๆสิ่งที่ต้องมีติดตัวอีกอย่างหนึ่งคือวันกันแดดที่กรองแสงดีดีนะคะ
บนยอด Pilatus จะมีกีฬากลางแจ้งอีกอย่างหนึ่ง คือ การโดดร่มพาราชูท ค่ะ
สัตว์สัญลักษณ์ของยอด Pilatus ท่าทางจะเป็นน้องหมาเซนต์เบอร์นาร์ดค่ะ เพราะว่ามีร้านขายของที่ระลึกพวกพวงกุญแจ ตุ๊กตา ปากกา รูปทรงน้องหมา แถมมีน้องหมาอีกสองสามตัวแขวนถังไวน์คอยนั่งยิ้มให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปด้วย
ลงจากเขามา เราจะเข้าเมืองต่อค่ะ สามารถไปทางรถไฟก็ได้ แต่การเที่ยวครั้งนี้จะมีเสนห์กว่าถ้าเราล่องเรือผ่าน Lake of Lucerne จากสถานี Pilatus เข้าไปเทียบท่าที่กลางเมือง Swiss Pass ขึ้นฟรีนะคะ
ตลอดทางที่ล่องเรือไปก็จะเห็นวิวภูเขาเขียวขจี มีบ้านทรงน่ารักๆประปราย ลมเอื่อยๆ แดดอ่อนๆ
พอเรือเข้ามาเทียบท่า บรรยากาศก็จะเปลี่ยนเป็นวิวเมืองตึกทรงยุโรปที่สวยชวนเก็บภาพไปอีกแบบค่ะ
พอขึ้นฝั่งมาจะเจอสถานีรถไฟ Lucerne ที่คงไว้ซึ่งความสวยงามแบบดั้งเดิม
ข้ามถนนมาก็จะเจอ The Kapellbrücke (หรือ Chapel Bridge) ค่ะ แม้จะมีอายุเก่าแก่มากแล้ว แต่ก็มีการซ่อมแซมให้ยังใช้งานได้อยู่และมีสีสันสวยงามค่ะ
ข้างๆกันก็จะมีสะพานแบบใหม่ที่เป็นสะพานปูนแบบแข็งแรงและกว้างกว่า คนที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวก็จะข้ามทางนี้กันซะมากกว่าค่ะ
ก้มมองลงไปใต้สะพานก็จะเจอหงส์ว่ายน้ำเล่นอยู่เป็นปกติ ตรงริมท่าเรือหงส์ก็มานั่งผึ่งแดดผึ่งลมกันแบบไม่กลัวนักท่องเที่ยวเลยค่ะ ถ้าโชคดีจะเจอหงส์อุ้มลูกว่ายน้ำ น่ารักมาก แต่ถ่ายไม่ทันค่ะ
ข้ามสะพานมาก็จะเป็นย้านร้านอาหารและร้านค้า ก็ยังคงมีคนพลุกพล่านพอสมควรเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญค่ะ
ปิดท้ายด้วยขนมอีกนะคะ ช็อคโกแล็ตยี่ห้อดังของสวิส เพื่อนพาเรียกว่าช็อคโกแลตหัก หรือร้าน Laderach ค่ะ แทบจะพบเจอได้ในเมืองใหญ่ๆเกือบทุกเมือง ความคลาสิคคือไปเลือกช็อคโกแลตแล้วเค้าจะหักๆเอาไปชั่งกิโลแล้วคิดเงินให้เรา รสชาดช็อคโกแลตสวิสนี่ไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้วค่ะ กินแบบนี้อร่อยกว่าแพ็คสำเร็จเป็นสิบเท่าเลยค่ะ
ขนมอีกอย่างหนึ่งที่ต้องลองชิม คือ Luxembergeri เป็นลูกเป็นหลานอะไรของมาการองก็ไม่ทราบได้ หน้าตาคล้ายๆกัน แต่จะอันเล็กจิ๋ว แล้วก็มีรสชาดหลากหลายกว่าค่ะ เปรี้ยวไปเลยก็มี
------
ตอนหน้าเราจะชมเมืองเทพนิยาย Stein am rhein กับน้ำตก Rhein fall กันนะคะ
-------------------------------------------------------------------------------
ขุดรูปย้อนเวลากลับไปหาสวิสเซอร์แลนด์ดินแดนในฝัน
ตอนที่ 1 การเดินทางในสวิสและกรุงเบิร์น (Bern) ภาค 1 http://ppantip.com/topic/34098566
ตอนที่ 2 กรุงเบิร์น (Bern) ภาค 2 http://ppantip.com/topic/34099910
ตอนที่ 3 Zurich Lucerne และรถไฟชันที่สุดในโลกที่ Pilatus http://ppantip.com/topic/34102779
--------------------------------------------------------------------------------