จขจก. ได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ เพราะเห็นคนแนะนำให้ดูหนังเรื่อง เพราะจะสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางได้อย่างดี
ภาพแรกที่คิดในสมอง คือ ต้องวิวสวย ดูเพลินเพลิน ไม่ใช่หนังชีวิตแน่นอน บลา บลา บลา
แต่หลังจากที่ดูแล้ว หนังเรื่องนี้ไม่ใช่ มันคือ "หนังชีวิต" อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวและมโนล้วนๆนะคะ
หนังเปรียบเทียบ การเดินทางระยะ 1000 ไมล์ ของนางเอกเหมือนการต่อสู้กับตัวเอง กับอุปสรรคระหว่างที่ต้องเจอ
ฉากที่นางเอก จัดกระเป๋าเสร็จตั้งแต่แรก นางใส่ทุกสิ่งลงในเป้ สะระตะสารพัดสิ่ง แล้วนางแบกเป้ไม่ขึ้นค่ะ ดูแล้วขำนะ
นางกลิ้งลงไปกับพื้น ไปพร้อมกับเป้นั่นแหละ กว่าจะแบกได้ ต้องจัดท่าอยู่สักพักถึงจะแบกไหว
จนนางไปเจอคนดูแลแคมป์ ที่มาจัดสัมภาระให้นางใหม่ อะไรที่ไม่จำเป็นก็โยนมันทิ้งซะ ไม่ต้องไปแบกมันหนัก
อันนี้ จขกท. มโนไปเองว่า เป้ที่อยู่บนหลังของนางคือ ปัญหาที่นางแบกอยู่ แบกมาหมด มันก็หนัก อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องแบก
หลังจากจัดเป้ใหม่ นางเดินได้คล่องขึ้น
รองเท้าคับไป ทำให้ไม่สบายเท้า
รองเท้า ส่วนนี้เหมือน ความรักที่ไม่เหมาะกับเรา มันจะส่งผลให้เราเจ็บ และนางได้ทำรองเท้าคู่นั้นหล่นหายไป
จนมาถึงแค้มป์ที่พัก ได้รองเท้าใหม่ที่เหมาะสม ทำให้นางเดินได้สบายขึ้น
เริ่มต้นลำพังและความกลัว
คนเราหากจะเริ่มต้นอะไรสักอย่างเพียงลำพัง มักจะมีความกลัวแฝงอยู่ในใจ
คืนแรกที่ต้องนอนกลางป่า นางเอกนอนไม่หลับ เปิด-ปิด ไฟในเต๊นท์ ตลอด
จุดนี้ถ้าเป็นเรา ยอมรับเลยค่ะว่า เราคงล้มเลิกเลย แต่นางไม่ และฉากท้ายๆ
นางมีความสุขกับการเห่าหอนของสุนัขจิ้งจอกด้วยนะเออ
คนไม่หยุดจะถึงจุดหมาย
ระหว่างการเดินทาง นางเจอเพื่อนที่เป็นผู้ชายดูแข็งแรง กว่านางเอก
ระยะการเดินทางต่อวัน เดินได้ไกลกว่านางเอก
แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ถึงจุดหมาย นางเอกวันแรกได้ 5 ไมล์ ประมาณ 10 กม. กว่าๆ
ก็เป้มันหนักและเพิ่งเดินทางคนเดียวครั้งแรกเนอะ
บทในหนังจะ ตัดฉากปัจจุบันสอดแทรกอดีตของนางเอก ที่เต็มไปด้วยปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นปัญหา ครอบครัว ความรัก แต่คนที่นางคิดถึงตลอดเวลา คือ แม่
แม่ คือ ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจนางมาตลอด จนแม่เสียชีวิต ชีวิตนางจึงเคว้ง
จขกท. ดู version ที่เป็น soundtrack และไม่มี Subtitle อาจจะแปลผิดบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง
หาก จขกท. ตีความผิดไป ก็อย่าว่ากันนะคะ เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันค่ะ
อยากรู้ว่าสิ่งที่เราคิดจะผิดไปจากใครตีความบ้าง
สรุป หนังเรื่องนี้ไม่ทำให้เราอยากเที่ยว แต่ทำให้เรารู้ว่าชีวิตก็เหมือนกับการเดินทาง
ฮึ้บ ฮี้บ
Wild เพราะชีวิตคือการเดินทาง ตีความมั่วๆ มโนล้วนๆ
จขจก. ได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ เพราะเห็นคนแนะนำให้ดูหนังเรื่อง เพราะจะสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางได้อย่างดี
ภาพแรกที่คิดในสมอง คือ ต้องวิวสวย ดูเพลินเพลิน ไม่ใช่หนังชีวิตแน่นอน บลา บลา บลา
แต่หลังจากที่ดูแล้ว หนังเรื่องนี้ไม่ใช่ มันคือ "หนังชีวิต" อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวและมโนล้วนๆนะคะ
หนังเปรียบเทียบ การเดินทางระยะ 1000 ไมล์ ของนางเอกเหมือนการต่อสู้กับตัวเอง กับอุปสรรคระหว่างที่ต้องเจอ
ฉากที่นางเอก จัดกระเป๋าเสร็จตั้งแต่แรก นางใส่ทุกสิ่งลงในเป้ สะระตะสารพัดสิ่ง แล้วนางแบกเป้ไม่ขึ้นค่ะ ดูแล้วขำนะ
นางกลิ้งลงไปกับพื้น ไปพร้อมกับเป้นั่นแหละ กว่าจะแบกได้ ต้องจัดท่าอยู่สักพักถึงจะแบกไหว
จนนางไปเจอคนดูแลแคมป์ ที่มาจัดสัมภาระให้นางใหม่ อะไรที่ไม่จำเป็นก็โยนมันทิ้งซะ ไม่ต้องไปแบกมันหนัก
อันนี้ จขกท. มโนไปเองว่า เป้ที่อยู่บนหลังของนางคือ ปัญหาที่นางแบกอยู่ แบกมาหมด มันก็หนัก อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องแบก
หลังจากจัดเป้ใหม่ นางเดินได้คล่องขึ้น
รองเท้าคับไป ทำให้ไม่สบายเท้า
รองเท้า ส่วนนี้เหมือน ความรักที่ไม่เหมาะกับเรา มันจะส่งผลให้เราเจ็บ และนางได้ทำรองเท้าคู่นั้นหล่นหายไป
จนมาถึงแค้มป์ที่พัก ได้รองเท้าใหม่ที่เหมาะสม ทำให้นางเดินได้สบายขึ้น
เริ่มต้นลำพังและความกลัว
คนเราหากจะเริ่มต้นอะไรสักอย่างเพียงลำพัง มักจะมีความกลัวแฝงอยู่ในใจ
คืนแรกที่ต้องนอนกลางป่า นางเอกนอนไม่หลับ เปิด-ปิด ไฟในเต๊นท์ ตลอด
จุดนี้ถ้าเป็นเรา ยอมรับเลยค่ะว่า เราคงล้มเลิกเลย แต่นางไม่ และฉากท้ายๆ
นางมีความสุขกับการเห่าหอนของสุนัขจิ้งจอกด้วยนะเออ
คนไม่หยุดจะถึงจุดหมาย
ระหว่างการเดินทาง นางเจอเพื่อนที่เป็นผู้ชายดูแข็งแรง กว่านางเอก
ระยะการเดินทางต่อวัน เดินได้ไกลกว่านางเอก
แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ถึงจุดหมาย นางเอกวันแรกได้ 5 ไมล์ ประมาณ 10 กม. กว่าๆ
ก็เป้มันหนักและเพิ่งเดินทางคนเดียวครั้งแรกเนอะ
บทในหนังจะ ตัดฉากปัจจุบันสอดแทรกอดีตของนางเอก ที่เต็มไปด้วยปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นปัญหา ครอบครัว ความรัก แต่คนที่นางคิดถึงตลอดเวลา คือ แม่
แม่ คือ ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจนางมาตลอด จนแม่เสียชีวิต ชีวิตนางจึงเคว้ง
จขกท. ดู version ที่เป็น soundtrack และไม่มี Subtitle อาจจะแปลผิดบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง
หาก จขกท. ตีความผิดไป ก็อย่าว่ากันนะคะ เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันค่ะ
อยากรู้ว่าสิ่งที่เราคิดจะผิดไปจากใครตีความบ้าง
สรุป หนังเรื่องนี้ไม่ทำให้เราอยากเที่ยว แต่ทำให้เรารู้ว่าชีวิตก็เหมือนกับการเดินทาง
ฮึ้บ ฮี้บ