มิลาโนเมืองแห่งแฟชั่นและแหล่งชอปปิ้งของหลายๆคน เราแค่ฝันว่าจะได้ไปเดินในแกลลอเรีย วิตโตริโอ เอมานูเอล( Galeria Vittorio Emanule) กับ มิลานดูโอโม่ ( Duomo Di Milano) สักครั้งไม่ได้คิดฝันจะซื้อ ปราด้า กุชชี่ แลมเบอร์กินี ดูคาติ อย่างใดเลย ด้วยเป็นคนไม่บ้าแบรนด์ หรือมีเงินในกระเป๋ามากมายนัก แค่ซาบซึ้งกับชิ้นงานของเหล่าดีไซเนอร์ระดับโลกเหล่านี้ก็ตื่นเต้นแล้ว ถ้าได้กระเป๋าหลักหมื่นหลักแสนนี่มาหิ้วคงไม่กล้าเดินไปไหน เพราะกลัวกระเป๋าจะเปื้อนคราบเหงื่อไคลเปล่าๆ ด้วยชีวิตประจำวันนั้นขึ้นรถเมล์ ลงเรือด่วนเจ้าพระยา เป็นประจำ
มิลาโนไม่ได้เป็นเมืองที่สวยหรูทั้งเมือง…ก็เหมือนเมืองใหญ่อื่นๆที่มีซอกมุมที่ไม่สวยงามสะอาดสะอ้านนัก ....หากไม่ได้ไปย่านแฟชั่นหรือดูโอโม่.....และรถไฟใต้ดินมิลาโนก็คล้ายๆที่นิวยอร์ค คือสร้างมานานแล้วและไม่ได้สะอาดมากมาย รถบีทีเอสบ้านเราหรูกว่าเป็นไหนๆ ยังไงก็ตาม รถไฟใต้ดินมิลาโน่ก็เป็นการเดินทางไปที่ต่างๆที่สะดวกที่สุด เนื่องจากไม่มีที่จอดรถตามสถานที่สำคัญต่างๆที่เราจะไปค่ะ
เพื่อนฟิลขับรถมาจากบ้านที่ปาเวีย เข้ามาใกล้ตัวเมืองมิลาโนที่สุดที่ๆมีที่จอดรถ ที่มิลาโนหรือที่อิตาลีนี้ดีอย่าง คือมี car park ไว้บริการในจุดใกล้สถานีรถไฟใต้ดินมากพอสมควร เหมาะกับเมืองใหญ่ๆระดับโลกที่ไม่ต้องการให้การจราจรในเมืองวุ่นวาย ส่วนมากคนของเค้าก็จะมาจอดรถกันแล้วขึ้นรถไฟใต้ดิน หรือ แท็กซี่ ดีกว่าที่จะขับรถเข้าไปติดและหาที่จอดไม่ได้แบบบ้านเรา ..... รถไฟใต้ดินมิลาโน หรือ Metropolitana di Milano เรียกย่อๆว่า Metro สายที่เราจะขึ้นเป็นสายสีเขียว สถานี Romolo ขึ้นไปสี่สถานีเพื่อไปต่อสายสีแดงที่ Cadorna และสายสีแดงไปสามสถานีจะถึงสถานี Duomo ที่ตั้งสถานที่สำคัญหลายๆที่ๆเราจะไปวันนี้ ซื้อตั๋วรถไฟราคา 1 ยูโร เป็นตั๋วที่ไม่จำกัดระยะทางแต่จำกัดเวลา 45 นาที ซื้อได้ที่ร้านค้าในสถานีรถไฟทีขายของสัพเพเหระ แค่บอกคนขายว่า un biglietto สำหรับตั๋ว1 ใบและ due biglietti สำหรับตั๋ว 2 ใบ.
ลงจากรถไฟและเดินขึ้นทางเดินที่จะไปปิอัซซ่าดูโอโม่ หรือจตุรัสดูโอโม่ โผล่ขึ้นมาตกใจ ไม่คิดว่าคนมันจะมากขนาดนี้ ตอนนั้นเพิ่งสิบโมงเช้า หรือเรามาสายไป ควรจะมาสักตีห้า แต่ฟิลบอกว่า งานเข้าแล้ว (นี่เราแปลเอาเอง อิอิ ) วันนี้มันวันแข่งบอล เอซีมิลานนี่หว่า และเป็นวันนัดชุมนุมอะไรซักอย่างซึ่งเป็นเทศกาลของแฟนบอลทีมเอซี มิลานที่จะมารวมตัวกัน เราบอก ไม่เป็นไร ก็สนุกดี เจอคนเยอะๆ แต่ละคนสวมเสื้อเชียร์และส่งเสียงเชียร์ภาษาอิตาเลียนซึ่งเรายังไม่โปรขนาดนั้น ฟิลแปลให้ฟังว่า เขาตะโกนต่อว่าและเย้ยหยันทีมฝ่ายตรงข้าม ดูท่าทางดุดันไม่น้อย
มิลานดูโอโม่อยู่ข้างหน้าเราแล้ว สีขาวสวยงามเสียดฟ้า เนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมกอธิค ( Gothic)อย่างชัดเจน คือเป็นสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะยอดแหลมสลักเสลาลวดลายพุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้า อีกทั้งตัววิหารก็ยิ่งใหญ่เหลือเกิน แทบจะมองในคราวเดียวไม่ทั่วหากอยู่ในระยะใกล้ แม้ว่าดูโอโม่แห่งนี้ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่โรม แต่เป็นมหาวิหารแบบกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยเชียว ดีใจจังไม่หวั่นแม้ว่าจะคนเยอะ.....คนรอบข้างไม่ได้เป็นอุปสรรคแม้แต่น้อยเพราะมัวตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของมหาวิหาร เกือบลืมฟิลไปเลย โถ่ ก็ไม่คิดว่าของจริงนั้นเป็นหินอ่อนที่สลักเสลาเกือบทั้งหลัง ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ แม้ว่าจะใช้เวลาสร้างนานสี่ร้อยกว่าปีก็ตาม ภายในมหาวิหารกลับเรียบง่าย แต่ดูโอ่อ่า ประดับประดาด้วยกระจกสีสไตล์กอธิค เราคิดว่าเหมาะสมกันดีเนื่องจากภายนอกเยอะแล้ว ภายในจะมาเยอะอะไรกันอีกละคะ
[CR] ท่องไปในอิตาลี่ / ตอนที่ 2 Italy ... ครั้งแรกในมิลาโน
มิลาโนไม่ได้เป็นเมืองที่สวยหรูทั้งเมือง…ก็เหมือนเมืองใหญ่อื่นๆที่มีซอกมุมที่ไม่สวยงามสะอาดสะอ้านนัก ....หากไม่ได้ไปย่านแฟชั่นหรือดูโอโม่.....และรถไฟใต้ดินมิลาโนก็คล้ายๆที่นิวยอร์ค คือสร้างมานานแล้วและไม่ได้สะอาดมากมาย รถบีทีเอสบ้านเราหรูกว่าเป็นไหนๆ ยังไงก็ตาม รถไฟใต้ดินมิลาโน่ก็เป็นการเดินทางไปที่ต่างๆที่สะดวกที่สุด เนื่องจากไม่มีที่จอดรถตามสถานที่สำคัญต่างๆที่เราจะไปค่ะ
เพื่อนฟิลขับรถมาจากบ้านที่ปาเวีย เข้ามาใกล้ตัวเมืองมิลาโนที่สุดที่ๆมีที่จอดรถ ที่มิลาโนหรือที่อิตาลีนี้ดีอย่าง คือมี car park ไว้บริการในจุดใกล้สถานีรถไฟใต้ดินมากพอสมควร เหมาะกับเมืองใหญ่ๆระดับโลกที่ไม่ต้องการให้การจราจรในเมืองวุ่นวาย ส่วนมากคนของเค้าก็จะมาจอดรถกันแล้วขึ้นรถไฟใต้ดิน หรือ แท็กซี่ ดีกว่าที่จะขับรถเข้าไปติดและหาที่จอดไม่ได้แบบบ้านเรา ..... รถไฟใต้ดินมิลาโน หรือ Metropolitana di Milano เรียกย่อๆว่า Metro สายที่เราจะขึ้นเป็นสายสีเขียว สถานี Romolo ขึ้นไปสี่สถานีเพื่อไปต่อสายสีแดงที่ Cadorna และสายสีแดงไปสามสถานีจะถึงสถานี Duomo ที่ตั้งสถานที่สำคัญหลายๆที่ๆเราจะไปวันนี้ ซื้อตั๋วรถไฟราคา 1 ยูโร เป็นตั๋วที่ไม่จำกัดระยะทางแต่จำกัดเวลา 45 นาที ซื้อได้ที่ร้านค้าในสถานีรถไฟทีขายของสัพเพเหระ แค่บอกคนขายว่า un biglietto สำหรับตั๋ว1 ใบและ due biglietti สำหรับตั๋ว 2 ใบ.
ลงจากรถไฟและเดินขึ้นทางเดินที่จะไปปิอัซซ่าดูโอโม่ หรือจตุรัสดูโอโม่ โผล่ขึ้นมาตกใจ ไม่คิดว่าคนมันจะมากขนาดนี้ ตอนนั้นเพิ่งสิบโมงเช้า หรือเรามาสายไป ควรจะมาสักตีห้า แต่ฟิลบอกว่า งานเข้าแล้ว (นี่เราแปลเอาเอง อิอิ ) วันนี้มันวันแข่งบอล เอซีมิลานนี่หว่า และเป็นวันนัดชุมนุมอะไรซักอย่างซึ่งเป็นเทศกาลของแฟนบอลทีมเอซี มิลานที่จะมารวมตัวกัน เราบอก ไม่เป็นไร ก็สนุกดี เจอคนเยอะๆ แต่ละคนสวมเสื้อเชียร์และส่งเสียงเชียร์ภาษาอิตาเลียนซึ่งเรายังไม่โปรขนาดนั้น ฟิลแปลให้ฟังว่า เขาตะโกนต่อว่าและเย้ยหยันทีมฝ่ายตรงข้าม ดูท่าทางดุดันไม่น้อย
มิลานดูโอโม่อยู่ข้างหน้าเราแล้ว สีขาวสวยงามเสียดฟ้า เนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมกอธิค ( Gothic)อย่างชัดเจน คือเป็นสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะยอดแหลมสลักเสลาลวดลายพุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้า อีกทั้งตัววิหารก็ยิ่งใหญ่เหลือเกิน แทบจะมองในคราวเดียวไม่ทั่วหากอยู่ในระยะใกล้ แม้ว่าดูโอโม่แห่งนี้ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่โรม แต่เป็นมหาวิหารแบบกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยเชียว ดีใจจังไม่หวั่นแม้ว่าจะคนเยอะ.....คนรอบข้างไม่ได้เป็นอุปสรรคแม้แต่น้อยเพราะมัวตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของมหาวิหาร เกือบลืมฟิลไปเลย โถ่ ก็ไม่คิดว่าของจริงนั้นเป็นหินอ่อนที่สลักเสลาเกือบทั้งหลัง ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ แม้ว่าจะใช้เวลาสร้างนานสี่ร้อยกว่าปีก็ตาม ภายในมหาวิหารกลับเรียบง่าย แต่ดูโอ่อ่า ประดับประดาด้วยกระจกสีสไตล์กอธิค เราคิดว่าเหมาะสมกันดีเนื่องจากภายนอกเยอะแล้ว ภายในจะมาเยอะอะไรกันอีกละคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น