จากมติชนออนไลน์
ตลาดสินค้าเครื่องแบบนักเรียนเป็นตลาดใหญ่ที่มีการแข่งขันสูง แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง หลายบริษัทเริ่มปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าถึงตลาดมากขึ้น ล่าสุด บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด บริษัทผลิตรองเท้านักเรียนที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ร่วมกับนักออกแบบชื่อดังอย่างคุณก้อย - สุรรณเกต ผลิตรองเท้ารุ่นพิเศษเป็นรองเท้าทรงนักเรียนของนันยางแต่ผลิตด้วยวัสดุและสีสันที่แปลกตา กลายเป็นที่ฮือฮาในกลุ่มผู้เคยสวมใส่รองเท้าทรงนี้เมื่อสมัยเป็นนักเรียน
คุณจักรพล จันทวิมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง เผยถึงแนวคิดการผลิตรองเท้ารุ่นนี้ว่า "ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นเดือนมหามงคลของชาวไทยในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดงาน "วิถีแห่งไหม วิถีไทย เทิดไท้ราชินี" มีดีไซน์เนอร์ 5 คน มาออกแบบอะไรก็ได้เกี่ยวกับผ้าไหมไทย สำหรับคุณก้อย - สุวรรณเกต จะเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากนิวยอร์ก ทำแฟชั่นที่โด่งดังมาก แฟชั่นอีกตัวที่เขาจะทำก็คือรองเท้าก็มาคุยกับบริษัท
คุณจักรพล เผยต่อว่า ความตั้งใจเดิมคือทำแค่สำหรับเดินแฟชั่นโชว์และโชว์ทั่วไปเท่านั้น แต่แฟนรองเท้านันยางที่เรียนจบไปหลายปีมักคิดถึงเรื่องราวในอดีต จนมีเสียงเรียกร้องให้ผลิตรุ่นพิเศษเข้ามาอย่างต่อเนื้อง จึงถือโอกาสผลิตเพิ่มมาอีก 40 คู่สำหรับนักสะสม สนนราคาที่คู่ละ 3,800 บาท
ความพิเศษของรองเท้ารุ่นนี้ คือการออกแบบผ้าที่นำผ้าไหมยกดอก จากจังหวัดนครศรีธรรมราช มาผสมกับรองเท้าของนันยางซึ่งใช้ยางพารา 100 เปอร์เซ็นต์ในการผลิตพื้นรองเท้า จากเดิมเป็นรองเท้าผ้าใบนันยาง กลายเป็นรองเท้าผ้าไหมนันยาง
แม้รองเท้ารุ่นพิเศษจะมีราคาสูงกว่ารองเท้ารุ่นปกติแต่ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้รองเท้าผ้าไหมนันยางกลายเป็นกระแสในสังคมออนไลน์ มีผู้สนใจจำนวนมากจนรองเท้าขายหมดภายในเวลา 2 วัน
สำหรับตลาดเครื่องแบบนักเรียน คำถามสำคัญคือ "การปรับตัวหากชุดนักเรียนเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต" กรณีนี้คุณจักรพล เผยว่า แต่ละยุคมีความชอบแตกต่างกันและต้องปรับตัวเสมอ โดยการพูดคุยกับเด็กๆถือเป็นส่วนสำคัญ แต่หากมีการปรับเปลี่ยนจริง ต้องลองดูว่าจะสามารถเจาะเข้าไปในส่วนไหนได้บ้าง เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก เพราะรองเท้านันยางไม่ได้เป็นแค่รองเท้านักเรียน แต่เป็นรองเท้าอเนกประสงค์ ผลิตให้เข้ากับทุกสถานการณ์ ทนทาน และราคาไม่สูง เชื่อว่ารองเท้าที่ผลิตออกมาสามารถตอบโจทย์ตลาดในโลกได้
นอกเหนือจากรองเท้านักเรียนที่ชาวไทยหลายคนคุ้นเคยกันอย่างดีนันยางยังมีรองเท้าแตะนันยางตราช้างดาวที่ได้รับความนิยมเช่นกัน ล่าสุดรองเท้าแตะธรรมดาก็ถูกนำไปต่อยอดเพิ่มมูลค่าและคุณค่าได้ เมื่อมีศิลปินรับแกะสลักพื้นรองเท้าแตะคู่ละ300 บาท ซึ่งขณะนี้นักออกแบบ-แกะสลักรองเท้าเริ่มแพร่หลายมากขึ้น
เก๋ากว่า! เบื้องลึก"รองเท้านันยาง ผ้าไหม"รุ่นพิเศษที่ไม่ใช่แค่นักเรียนใส่ เก๋ได้ใจหมดใน2วัน
ตลาดสินค้าเครื่องแบบนักเรียนเป็นตลาดใหญ่ที่มีการแข่งขันสูง แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง หลายบริษัทเริ่มปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าถึงตลาดมากขึ้น ล่าสุด บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด บริษัทผลิตรองเท้านักเรียนที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ร่วมกับนักออกแบบชื่อดังอย่างคุณก้อย - สุรรณเกต ผลิตรองเท้ารุ่นพิเศษเป็นรองเท้าทรงนักเรียนของนันยางแต่ผลิตด้วยวัสดุและสีสันที่แปลกตา กลายเป็นที่ฮือฮาในกลุ่มผู้เคยสวมใส่รองเท้าทรงนี้เมื่อสมัยเป็นนักเรียน
คุณจักรพล จันทวิมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง เผยถึงแนวคิดการผลิตรองเท้ารุ่นนี้ว่า "ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นเดือนมหามงคลของชาวไทยในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดงาน "วิถีแห่งไหม วิถีไทย เทิดไท้ราชินี" มีดีไซน์เนอร์ 5 คน มาออกแบบอะไรก็ได้เกี่ยวกับผ้าไหมไทย สำหรับคุณก้อย - สุวรรณเกต จะเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากนิวยอร์ก ทำแฟชั่นที่โด่งดังมาก แฟชั่นอีกตัวที่เขาจะทำก็คือรองเท้าก็มาคุยกับบริษัท
คุณจักรพล เผยต่อว่า ความตั้งใจเดิมคือทำแค่สำหรับเดินแฟชั่นโชว์และโชว์ทั่วไปเท่านั้น แต่แฟนรองเท้านันยางที่เรียนจบไปหลายปีมักคิดถึงเรื่องราวในอดีต จนมีเสียงเรียกร้องให้ผลิตรุ่นพิเศษเข้ามาอย่างต่อเนื้อง จึงถือโอกาสผลิตเพิ่มมาอีก 40 คู่สำหรับนักสะสม สนนราคาที่คู่ละ 3,800 บาท
ความพิเศษของรองเท้ารุ่นนี้ คือการออกแบบผ้าที่นำผ้าไหมยกดอก จากจังหวัดนครศรีธรรมราช มาผสมกับรองเท้าของนันยางซึ่งใช้ยางพารา 100 เปอร์เซ็นต์ในการผลิตพื้นรองเท้า จากเดิมเป็นรองเท้าผ้าใบนันยาง กลายเป็นรองเท้าผ้าไหมนันยาง
แม้รองเท้ารุ่นพิเศษจะมีราคาสูงกว่ารองเท้ารุ่นปกติแต่ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้รองเท้าผ้าไหมนันยางกลายเป็นกระแสในสังคมออนไลน์ มีผู้สนใจจำนวนมากจนรองเท้าขายหมดภายในเวลา 2 วัน
สำหรับตลาดเครื่องแบบนักเรียน คำถามสำคัญคือ "การปรับตัวหากชุดนักเรียนเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต" กรณีนี้คุณจักรพล เผยว่า แต่ละยุคมีความชอบแตกต่างกันและต้องปรับตัวเสมอ โดยการพูดคุยกับเด็กๆถือเป็นส่วนสำคัญ แต่หากมีการปรับเปลี่ยนจริง ต้องลองดูว่าจะสามารถเจาะเข้าไปในส่วนไหนได้บ้าง เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก เพราะรองเท้านันยางไม่ได้เป็นแค่รองเท้านักเรียน แต่เป็นรองเท้าอเนกประสงค์ ผลิตให้เข้ากับทุกสถานการณ์ ทนทาน และราคาไม่สูง เชื่อว่ารองเท้าที่ผลิตออกมาสามารถตอบโจทย์ตลาดในโลกได้
นอกเหนือจากรองเท้านักเรียนที่ชาวไทยหลายคนคุ้นเคยกันอย่างดีนันยางยังมีรองเท้าแตะนันยางตราช้างดาวที่ได้รับความนิยมเช่นกัน ล่าสุดรองเท้าแตะธรรมดาก็ถูกนำไปต่อยอดเพิ่มมูลค่าและคุณค่าได้ เมื่อมีศิลปินรับแกะสลักพื้นรองเท้าแตะคู่ละ300 บาท ซึ่งขณะนี้นักออกแบบ-แกะสลักรองเท้าเริ่มแพร่หลายมากขึ้น