เมื่อฉันตัดสินใจไปตรวจ HIV

สวัสดีค่ะ  เข้าเรื่องกันเลยนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการยืดเยื้อ  วันนี้ดิฉันอยากมาแบ่งปันข้อมูลและทุกความรู้สึกในการตัดสินใจไปตรวจ HIV ของดิฉันให้กับทุกท่านได้ประกอบการตัดสินใจในการไปตรวจ นะคะ   ทุกความรู้สึก ทุกรอยน้ำตา ทุกๆ สิ่ง ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ดิฉันจะจดจำไปตลอดชีวิต และจะไม่มีวันลืมเลยจริงๆๆ

เริ่มจาก ทำไมถึงอยากตรวจ HIV ดิฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนนึงค่ะอายุ ยี่สิบกลางๆ ชีวิตของดิฉันในปัจจุบันดีทุกอย่าง มีครอบครัวที่เข้าใจ มีแฟนที่ดี ทุกอย่างดีหมด ยกเว้น เรื่องเดียว คือ เหตุการณ์ในอดีต มันตามหลอกหลอนดิฉันมานาน มาก คือ เมื่อก่อน สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ดิฉันเป็นผู้หญิงอีกคนนึงค่ะ ที่มีแฟน และมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน และดิฉันเป็น คนที่ชอบเที่ยวกลางคืน คือ มีพฤติกรรมที่เสี่ยงอย่างมาก หลายครั้งมาก แต่ไม่อยากเจาะจงรายละเอียดนะคะ ต้องขอโทษด้วย  มันเป็นมูลเหตุที่ทำให้ดิฉันคิดมาตลอดว่า ไม่รอดแน่ๆ เราใช้ชีวิตเต็มที่ขนาดนี้  ในใจนึกกลัวเรื่องนี้มาตลอดค่ะ  กลัวจะติดเชื้อ HIV  บอกตัวเองเสมอ มาคิดได้ก็ตอนที่มันสายไปแล้วจริงๆๆ

บางคนถามว่า ถ้ากลัวแล้วทำไมไม่ไปตรวจล่ะ  ดิฉันเชื่อค่ะว่ามีหลายๆที่ มีความรู้สึกเดียวกับดิฉัน คือ ไม่กล้าไป กลัว สารพัด กลัวยอมรับผลไม่ได้ กลัว ไปหมด แต่อาการกลัวของดิฉันไม่ธรรมดาค่ะ คือ แค่ขับรถผ่านคลีนิคเจอคำว่า ตรวจเลือด ใจสั่นมือเย็นเท้าเย็น ไม่กล้ามอง จนจะขับรถผ่านไป  ดังนั้นเป็นไปได้ยากมากที่ดิฉันจะตัดสินใจไปตรวจ

  ดิฉันเก็บความทุกข์นี้ไว้ 7 ปี ค่ะ ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ 7 ปีจริงๆ บางครั้ง เจอคำว่าเอดส์ HIV ในอินเตอร์เน็ตกลัวมากพยายามไม่อ่าน แค่เห็นก็เหงื่อตกแล้วค่ะ  เรียกว่ากลัวขึ้นสมอง ในชีวิตนี้ ไม่กล้าท้องไม่คิดเรื่องมีลูก ไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะกลัวอย่างเดียวค่ะ กล้วที่จะต้องตรวจเลือดแล้วจะพบว่าติดเชื้อ HIV ความรู้สึกมันรุนแรงถึงขนาดที่ว่า ดิฉันคิดว่า ถ้าดิฉันตรวจพบว่าเป็น จะต้องฆ่าตัวตายแน่ๆ   หลายครั้งค่ะที่ดิฉันต้องเเสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้ คิดมาก ตลอด ชีวิตไม่มีความสุขเลย บางช่วงก็ลืมๆ มันไปได้บ้าง แต่ สุดท้ายก็วกกลับมาคิดอยู่ดี  ได้แต่คิดว่าเราไม่น่าทำตัวแบบนั้นเลย เราพลาดไปแล้ว คิดอยู่แบบนั้นซ้ำๆ

ในบางครั้งคิดถึงขนาดที่ว่าถ้าเราติดมา โดยไม่รู้ตัวแล้ว เราทำให้แฟนเราติดไปด้วย คือ ความรู้สึกนี้ ดิฉันรับไม่ได้จริงๆ รู้อยู่เต็มอกว่าเราต้องทำผิดครั้งมหันต์แน่ๆ  จนดิฉัน เก็บ ความรู้สึก ความทุกข์นี้ไว้ต่อไปไม่ได้แล้วค่ะ ไม่งั้นดิฉันฆ๋าตัวตาย ทั้งๆที่อาจจะยังไม่ได้เป็นแน่ๆ  ดิฉันตัดสินใจ เล่าทุกอย่างให้กับแฟนที่คบในปัจจุบันฟังค่ะ เล่าทุกๆอย่าง เล่าไปร้องไห้ไปด้วย แฟนเข้าใจดีทุกอย่าง เค้า กุมมือฉันและบอกว่าไม่เป็นหรอก คิดมาก แต่ด้วยความที่ดิฉันเป็นคนที่กลัวเรื่องนี้ถึงขีดสุด กลัวขึ้นสมอง  และช่วงนี้อาการนี้ยิ่งหนักขึ้นเนื่องจากแฟนดิฉันจะไปตรวจเลือด เนื่องจาก ต้องสอบเข้าหน่วยงานราชการหน่วยงานนึง ดิฉัน คิดในใจ ว่าต้องเจอแน่ๆ  เพราะถ้าเราเป็น แฟนเราก็ต้องรับเชื้อไปด้วยอย่างแน่นอน

ช่วงที่ผ่านมาดิฉันเลยกลับมาจิตตกเรื่องนี้ถึงขั้นที่เรียกว่าใกล้บ้าได้เลยค่ะ หาข้อมูล อ่านทุกอย่างในอินเตอร์เน็ต อะไรที่ ค้นหาแล้ว พบคำว่า HIV ไม่ว่าจะเป็นกระทู้ หรือ อาการของโรคหรือ รายละเอียดต่างๆ ดิฉันอ่านทุกเว็บไซน์ ทุกบรรทัดที่มีแล้วจริงๆ วันๆ ไม่ทำอะไร นอนอ่านแต่เรื่องนี้ อ่านแล้วก็เครียดยิ่งกว่าเดิม  นอนร้องไห้ตลอดเวลา ชีวิตไม่มีความสุขถึงขีดสุด เริ่มจินตนาการอาการที่จะเกิด แลบลิ้นดูในกระจกว่า ปรกติไหม ตรวจเช็คร่างกายด้วยตัวเอง ต่างๆนาๆ  พร้อมกับคิดไปสารพัดว่า ถ้าเราเป็นเราจะทำยังไงให้เราอยู่รอดต่อไปได้ อยู่รอดในทีนี้ไม่ได้หมายถึงอาการของตัวโรค HIV นะคะ แต่หมายถึง อาการทางจิตของดิฉัน คือ ทำยังไงให้ไม่ฆ่าตัวตายก่อน  มันอาจจะเป็นความคิดที่ผิด แต่ยอมรับเลยค่ะ ในช่วงเวลานี้ ไม่มีสติ ที่จะคิดอะไรได้นอกเหนือจากนี้เลย ปรกติดิฉันเป็นคนรักและเห็นคุณค่าในชีวิตตัวเองมาก ไม่มีทางเด็ดขาดที่จะคิดทำร้ายตัวเอง แต่เมื่อปัญหามันเกิดจริงๆและเหมือนชีวิตมันเจอทางตัน เรา คิดอะไรไม่ได้จริงๆค่ะ เข้าใจเลยคำว่าอารมณ์ชั่ววูบมันน่ากลัวขนาดไหน

ย้อนกลับมาถึงอาการที่จิตที่เกิดขึ้นนะคะ คือ ดิฉันไม่ยอมทานอะไรเลย ทานข้าว ไม่ลงเลย ไม่หิวไม่กินอะไร ไม่อาบน้ำ ไม่สระผม กระเซอะกระเซิง เริ่มเหม่อลอย ไม่ดูแลตัวเอง ไม่ทำงานบ้านไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรเลย  คิดมากจน อาการปวดหัวไมเกรนกำเริบและ อาเจียน อ่อลืมบอก ดิฉันทำธุรกิจส่วนตัว เวลาว่าง ตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ ว่างมาก วันๆนั่งๆ นอนๆ ไม่ต้องทำอะไร  เลยทำให้มีเวลาฟุ้งซ๋านมาเพิ่มขึ้นอีก  จน คิดว่า ไม่ได้ล่ะเราต้องหางานประจำทำเหมือนคนอื่น ไม่ได้อยากได้เงินเลยนะคะ แต่อยากให้ตัวเองยุ่ง ไม่มีเวลาว่างมาพอที่จะมาคิดถึงเรื่องนี้อีก

จน แฟนทนเห็นสภาพดิฉันเป็นแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะ ดิฉันเริ่มเกิดอาการย้ำคิดย้ำทำ ถามแฟนซ้ำๆเป็นร้อยๆรอบว่าเค้าจะเป็นไหม เค้า เป็นแล้วเค้าจะทำยังไงต่อ เค้า กลัว พูดไปร้องไห้ไปตลอดเวลา แฟนฉันให้กำลังใจจนไม่รัจะหาแม่น้ำ ทั้งห้าที่ไหนมาพูดอีกแล้ว  แต่เค้าไม่มีท่าที่น่าเบื่อน่ารำคาญที่ดิฉัน ถามคำถามเดิมซ้ำๆเลย เค้าให้กำลังใจตลอด บอกแต่ว่าไม่เป็นหรอก ถ้ากลัวลองไปตรวจไหม จะได้รู้ไปเลยไง เป็นก็เป็นไม่เป็นก็ไม่เป็น ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตัวเองก็ต้องเดินต่อไปอยู่ดี อย่าท้อ เกิดเป็นคน มันต้องสู้  และแฟนยังบอกอีกว่า ถ้าตัวเองเป็นเค้าก็ต้องเป็น เค้าไม่กลัว เค้ายอมรับ และใช้ชีวิตต่อไปได้  เราก็คิดมาก อีก  ว่าถ้าเราเป็นแล้วแฟนเราไม่เป็นแฟนเราจะทิ้งเราไหม เค้าสัญญาบอกไม่มีวันทิ้งเราเด็ดขาด ถึงตรวจแล้วไม่ว่าผลจะเป็นยังไง เค้าจะรักและดูแลเรา ไม่รังเกียจ เค้ารับได้  เป็นแค่ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่กินยารักษา  คนเราทุกคนต้องตายกันหมด ไม่มีใครไม่ตาย ไม่ตายโรคนี้ก็โรคอื่น คือ เรารู้สึก โชคดีมากๆที่เลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต แต่ เราคิดไปอีก ว่า เค้าคงโชคร้ายที่เลือกเรา 555 จิตตกจริงๆค่ะยอมรับเลย

จนมาถึง วันนี้ วันที่ ดิฉันตื่นขึ้นมา ด้วยสภาพรุงรัง ร้องไห้ อ่านแต่เรื่อง HIV ในอินเตอร์อีกหนึ่งวัน และ คิดตัดสินใจแล้วว่ายังไงวันนี้ก็ต้องไปตรวจให้ได้ ให้รู้แล้วรู้รอดไป เป็นก็เป็น  สุดท้ายยังไงเราก็ต้องตรวจอยู่ดี เราหนีความจริงไม่ได้ตลอด เราต้องยอมรับความจริง ที่เรากลัวมานานให้ได้  พอเราบอกแฟน แฟนเรารีบ ขับรถพาไปส่งที่ คลีนิคตรวจเลือด ทันที ในระยะเวลาที่นั่งไปประมาณ 20 นาทีนั้น ฉัน หน้าซีด มือสั่นใจสั่นตัวเย็น อาการเหมือนจะเป็นลม ร้องไห้จนอาเจียน  ถามแฟนซ้ำๆ เค้าจะเป็นไหม เค้ากลัว แต่แฟนเรา เค้าร่าเริงมาก เค้า จับมือและให้กำลังใจตลอดบอกไม่เป็นไรนะ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง เค้าจะอยู่ข้างๆตัวเอง  

พอถึงหน้าคลีนิค ดิฉันอยากให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปให้เร็วที่สุด ไม่อยากตกอยู่ในสภาวะนี้อีกแล้ว ดิฉันรีบ เปิดประตูเดินไป ที่เคาท์เตอร์ และแจ้งว่า มาขอตรวจ HIV และ พ่วงด้วย ไวรัสตับอักเสบบี ด้วย ไหน ๆก็มาแล้ว เอาให้รู้กันไปเลย  พนักงานแจ้งว่าให้นั่งรอ ก่อน ระหว่างที่นั่งรอ ตอนนั้นไม่มีสติอะไรอีกแล้ว หน้าซีดตัวสั่นไปหมด หูไม่ได้ยิน อะไรอีกแล้ว หน้ามืดไปหมด จนพนักงานเรียก ว่า เชิญเข้าไปเจาะเลือดได้ค่ะ

พอเราเปิดประตูเข้าไป เจอ คุณหมอผู้หญิงท่าทางใจดี สอบถามเรา ว่า เราไปเสี่ยงมาหรอ นานหรือยัง เราก็ตอบว่าเสี่ยงมาค่ะนานแล้ว ครั้งสุดท้าย ราวๆ เกือบปีครึ่ง คุณหมอแจ้งเราค่ะ ว่าให้เลือกว่า จะตรวจแบบรอผล 1 ชั่วโมงหรือ 30 นาที  ถ้า  1 ชั่วโมงราคา 250 บาท 30นาทีราคา 300 บาท เราเลือก 30 นาทีค่ะ และคุณหมอให้เราเซ็นยินยอม  พอเรียบร้อยแล้วคุณหมอ หาเส้นเลือดเราค่ะ หมอบอกว่า หายากมากเส้นเลือดเล็กมาก ระหว่างนั้น เรา ก็สั่น และเหมือนจะเป็นลม พร้อมกับ ขอหมอว่าถ้า ให้แฟนเป็นคนฟังผลแทนได้ไหม เพราะดิฉันไม่สามารถ เข้ามาฟังได้จริงๆ กลัวจะเป็นลมไปก่อน คุณหมอแจ้งว่าไม่ได้ค่ะ  ผลเลือดอื่นสามารถให้คนอื่นเข้ามาฟังได้ แต่ HIV ต้องมาฟังด้วยตัวเองเท่านั้น เนื่องจากถ้าตรวจพบจะได้ให้คำปรึกษาและแนะนำแนวทางการรักษาในลำดับต่อไป  ดิฉันก็ยังยืนยันว่า ขอให้แฟนเข้ามาฟังเถอะนะคะ หมอแจ้งว่าพร้อมไหม ถ้ายังไม่พร้อม อย่าพึ่งตรวจไหม  กล้วเราจะรับผลไม่ได้ เราเลยตัดสินใจ เดี๋ยวหนูจะเข้ามาฟังเองค่ะ หมอก็ พยายามเจาะเลือดหาเส้น ใช้เวลาพอสมควร เพราะเส้นเลือดเราหายากมาก  สักพักก็แจ้งเราว่าเรียบร้อยนะคะ อีก ยี่สิบ นาทีกลับมาฟังผล ที่คลีนิคนะคะ

พอเราออกมา แฟนเราก็พาไปเราไปทานข้าว เราก็ไม่ทานอะไรเลยได้แต่นั่งรอแฟนเรากินข้าวมันไก่  ในใจตอนนั้นคือ ร้อนรนมากๆ  สักพัก็ร้องไห้อีกแล้ว ในร้านข้าวมันไก่เลย ในตอนนั้น ดิฉันไม่สนใจสายตาคนรอบข้างหรืออะไรต่อไปแล้ว ร้องไห้โดยไม่อายใคร สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

พอ แฟนทานข้าวเสร็จแล้วเราก็พากันกลับมาที่คลีนิค ซึ่งตอนนั้นก็เวลาบ่ายๆนิดๆ  พอไปถึงพนักงานแจ้งว่า รอผลอีกสามนาที ในตอนนั้น นั่ง สติแทบหลุด พร้อมกับ เร่งพนักงานว่า เข้าไปได้หรือยังค่ะ ถามซ้ำๆ จนพนักงานบอกรอปริ้นท์แปปนึงนะคะ ซึ่งตอนนั้นบอกตามตรงเลยค่ะ สมองไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว และมีอาการ จะเป็นลมขึ้นมา

พอสามนาทีผ่านไป พนักงานแจ้งว่า เข้าไปพบคุณหมอได้เลยค่ะ ในตอนนั้นดิฉันรีบเดินเข้าไป โดยไม่ฟังอะไรเลย  พอ เข้าไปถึง หมอทำท่ายิ้มๆ พร้อมกับ ไม่พูดอะไรจับซองผล อยู่ในมือ ดิฉันรีบถามอย่างทันทีว่าผลเป็นยังไงบ้างค่ะ คุณหมอแจ้ง อย่างรวดเร็วว่าผลปรกติค่ะ ทั้งสองอย่าง ไม่มีเชื้อนะคะ เชื่อไหมค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเหมือน กับความฝัน ดิฉันร้องไห้ออกมาต่อหน้าคุณหมอ แบบสะอึกสะอื้นเลยค่ะ  จนคุณหมอต้องยื่นกระดาษทิชชู่ให้ พร้อมกับ ขอบคุณยกมือไหว้คุณหมอ บอกหนูกลัวมานานแล้ว หนูดีใจมากๆ  เหมือนหมอเค้าก็ยิ้มๆ และดีใจไปกับเราด้วยพร้อมบอกว่า ผลค่อนข้างแน่นอนแล้วสบายใจได้เลยไม่ต้องมาตรวจซ้ำ เพราะ ปรกติน้ำยาเรา ค่อนข้างชัวร์ ถ้ามีความเสี่ยงครั้งสุดท้าย เพียง สามเดือน ก็สามารถตรวจพบได้แล้ว

พอเดินออกมาหาแฟน น้ำตาไหลเป็นทางเลยค่ะ แฟน นั่งรออยู่ตกใจรีบถามว่าผลเป็นยังไง ดิฉันรีบยิ้มและตอบไปว่าปรกติ ดีใจมากเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ รีบจูงมือกันไปจ่ายเงิน  พอกลับมา วันนี้ไปกินหมูกะทะเลยค่ะ ทานได้เยอะมาก เหมือน เรา โล่งใจแล้ว ดีใจมาก นึกขอบคุณทุกอย่างที่ ทำให้เรารอด และ เตือนตัวเองเสมอ ว่า ครั้งต่อไป เราอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนี้อีกแล้วก็ได้ ต่อไปจะระมัดระวังตัวเอง จะป้องกันตัวเองอย่างดีที่สุด และที่สำคัญ ถ้าจะแต่งงาน หรือ จะมีเพศสัมพันธกับใครก็ต้องตรวจเลือดก่อนอย่างแน่นอนค่ะ  เข็ดจริงๆ เหตุการณ์ครั้งนี้จะจำไปจนวันตายเลยค่ะ

สำหรับใครนะคะที่ยังลังเลว่าจะตรวจไม่ตรวจ กังวลมาก หรือน้อย หรือ กำลังชั่งใจ อยากให้กระทู้นี้นะคะเป็นอีกหนึ่ง การตัดสินใจที่ อยากให้คุณไปตรวจ อย่าได้กลัว เหมือนดิฉันเลยค่ะ ชีวิตมันไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่นิดเดียว ดิฉัน คิดว่า รู้แบบนี้ไปตรวจตั้งนานแล้วไม่ต้องเสียสุขภาพจิตจนเกือบกลายเป็นบ้าแบบนี้ แล้ว แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้มันก็ทำให้ดิฉันรู้ค่ะ ว่า ใครที่ จะอยู่ข้างๆเรา ในช่วงเวลาที่เราแย่ที่สุด ใครที่รักเราจริง  และพร้อมจะอยู่เคึยงข้างเรา ขอบคุณแฟนมากจริงๆค่ะ  ไปตรวจกันเถอะนะคะ เอาชนะความกลัวภายในใจของตัวเองให้ได้นะคะ  ถ้าตรวจแล้ว ไม่เป็นก็ดีใจด้วยนะคะ แต่ถ้าเป็นก็อย่าท้อถอย สู้ต่อไปให้ได้อย่าท้อแท้ ยอมแพ้เหมือนดิฉัน  

บทเรียนในชีวิตครั้งนี้ดิฉํน จะขอจำไว้จนตายค่ะ  ขอบคุณทุกท่านนะคะที่อ่านจนจบยาวมาก ใครอยากได้คำปรึกษา ยินดีนะคะ หรือใคร กำลังเป็นเหมือนที่ดิฉันเคยเป็นอยากระบายดิฉันยินดีรับฟังนะคะ ดิฉันเข้าใจดีค่ะว่า ความทุกข์ หรือความรู้สึก ใน ช่วงเวลาแบบนี้มัน เป็นยังไง โชคดีค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  สุขภาพกาย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่