สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
บ้านใหม่ มันสวยสะอาด ตามสภาพอยู่แล้ว
จัดให้ลงตัวก็สวย แบบพอเพียง ... มันถึงจะเป็นบ้านที่อยู่แล้วเป็นสุข
ต่อไป งบเหลือ สบายๆ ก็ค่อยๆปรับ เปลี่ยน ตกแต่งได้
พ่อก็สอนแล้วว่า พอเพียงไม่ใช่ตระหนี่แต่ใช้ให้พอเหมาะกับที่มี
...ปัญหา คือ คนมีบ้านใหม่ ก็ อ่านเยอะ ค้นเยอะ ดูเยอะ ก็เกิดกิเลสตามที่เห็น
อันนี้เป็นทุกคน แน่นอน แต่อยู่ที่ใครมีสติควบคุมตัวเองให้พอเหมาะพอควร ไม่เดือดร้อนก่อหนี้ จนเป็นทุกข์
ถามว่า ทำไมบิลท์อินถึงแพง
ผมทำงานไม้เป็นhobby ตอบได้เลยว่า ค่าของ1ส่วน ค่าฝีมือแรงงาน2-3ส่วน ...แล้วแต่ช่าง
ช่างมีฝีมืองานเยอะ ต่อยังไงเขาก็แทบไม่ลดราคา
เผื่อได้ประโยชน์...,ลองอ่านดู
งานบิลท์อินแพงเพราะ ทำตามแบบ ตามขนาดพื้นที่ชิ้นเดียว เช่น ในบ้าน ราคาตกเมตรละ+/-2หมื่นบาท สำหรับความสูง2.2-2.4เมตร
(เหมือนกับคุณ สั่งกระเพาะปลาน้ำแดงในร้านอาหาร ที่ทำชามเดียว ราคา ไม่ต่ำกว่า80฿)
ราคาจะสูงตามคุณภาพไม้โครง วัสดุปิดผิวหรืองานสี และคุณภาพของฟิตติ้ง(บานพับ รางลิ้นชัก มือจับ ฯลฯ)
เช่น รางลิ้นชักแบบรับข้างตอนเดียวขนาด14นิ้วราคาคู่ละ46฿ แต่ถ้าเป็นอย่างดีแบบสองตอน +soft close ราคาอยู่ที่สามร้อยบาท .. ต่างกันเยอะมากแค่ช่องลิ้นชักเพียง1ช่อง ถ้าประตูบานเปิด2บานค่าบานพับลูกถ้วย2คู่ ไม่เกิน100฿แต่ถ้าเป็นบานเลื่อน เฉพาะชุดรางกับล้อเลื่อนไม่ต่ำกว่าสามร้อย
แต่งานบิลท์อิน ที่ทำปริมาณมาก เช่น โรงแรม จะถูกลง เพราะ วางแบบตัดไม้ ทีละหลายชิ้น ทำให้เหลือเศษน้อย ลงมือครั้งเดียวได้งานหลายชิ้นเมื่อลงมือประกอบ
(เหมือนคุณ สั่งกระเพาะปลาน้ำแดงที่ตักจากหม้อใหญ่ๆ ในร้านกระเพาะปลา ชามละ40-50฿)
งานบิลท์อินตามบ้านทั่วไป มี3 ประเภทใหญ่ๆ
1.ใช้โครงไม้จริง ปิดผิวด้วยไม้อัด4-6มม. แล้ว ทำสีไม้ หรือปิดผิวด้วยแผ่นลามิเนต/ฟอร์ไมก้า ไม่มีปัญหาเรื่องรา ปลวกกินไม้โครงแต่ไม่ชอบกินไม้อัด
2.ไม่ใช้ไม้โครง แต่ขึ้นรูปประกอบด้วยไม้แผ่นหนาเลย เช่น ไม้อัด15-20มม. จากนั้นจึงปิดผิวด้วยลามิเนต/ฟอร์ไมก้า หรือทำสี ไม่มีปัญหารา ปลวกก็ไม่ชอบกินไม้อัดเพราะมีน้ำยาที่ปลวกไม่ชอบ
3.ไม่ใช้ไม้โครง ขึ้นรูปด้วยไม้MDf15-20มม. ปิดผิว/ทำสี ถ้าเลี่ยงได้จงเลี่ยง เพราะปัญหาเยอะ ทั้งบวมจากความชื้น รา
(ช่างรุ่นใหม่ ชอบทำแบบนี้ เพราะไม้MDF ราคาถูก ตัดง่าย ประกอบง่าย ปิดผิวหรือทำสีง่าย จบงานได้เร็ว )
ถ้าบ้านอยู่เลยเส้นรุ้งที่30องศาเหนือหรือใต้ พอโอเค กับไม้พาติเคิลหรือMDF
เฟอร์ถ้าซื้อสำเร็จรูป ลอยตัวได้ จะประหยัดไปมาก แต่คุณต้องทำใจเรื่องการเสาะหาทั้งขนาดและรูปแบบที่ตรงใจ และลงตัวกับพื้นที่
และโปรดอย่าดูแต่ความสวยภายนอกหรือแบรนด์ โปรดพิจารณาถึงวัสดุ ไม่งั้นจะเสียเงินแล้วต้องมานั่งเสียใจกับปัญหา บวมและรา และเสียสุขภาพด้วย
( เพราะเฟอร์ฯส่วนใหญ่จะเป็นไม้พาติเคิลหรือMDF ) และโปรดพิจารณารายละเอียดการรับประกันให้ดีๆ บางเจ้าให้10ปี แต่เฉพาะส่วนที่ป็นฟิตติ้ง เช่น บานพับ รางเลื่อน บางรายก็ใจดีถ้าบวมเปลี่ยนให้ใหม่ แต่ ถ้าใช้ผิดวิธีแล้วบวม เช่น น้ำท่วมขังก็ไม่อยู่ในประกัน
หากคิดจะซื้อเฟอร์ฯลอยตัว ควรเลี่ยงไม้พาติเคิลและMDF โดยเฉพาะบริเวณที่ความชื้นสูงหรือการถ่ายเทอากาศไม่ดี เช่น ครัว ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องเก็บของ เว้นแต่คิดว่าซื้อมาใช้สักพักก็จะเปลี่ยน
จัดให้ลงตัวก็สวย แบบพอเพียง ... มันถึงจะเป็นบ้านที่อยู่แล้วเป็นสุข
ต่อไป งบเหลือ สบายๆ ก็ค่อยๆปรับ เปลี่ยน ตกแต่งได้
พ่อก็สอนแล้วว่า พอเพียงไม่ใช่ตระหนี่แต่ใช้ให้พอเหมาะกับที่มี
...ปัญหา คือ คนมีบ้านใหม่ ก็ อ่านเยอะ ค้นเยอะ ดูเยอะ ก็เกิดกิเลสตามที่เห็น
อันนี้เป็นทุกคน แน่นอน แต่อยู่ที่ใครมีสติควบคุมตัวเองให้พอเหมาะพอควร ไม่เดือดร้อนก่อหนี้ จนเป็นทุกข์
ถามว่า ทำไมบิลท์อินถึงแพง
ผมทำงานไม้เป็นhobby ตอบได้เลยว่า ค่าของ1ส่วน ค่าฝีมือแรงงาน2-3ส่วน ...แล้วแต่ช่าง
ช่างมีฝีมืองานเยอะ ต่อยังไงเขาก็แทบไม่ลดราคา
เผื่อได้ประโยชน์...,ลองอ่านดู
งานบิลท์อินแพงเพราะ ทำตามแบบ ตามขนาดพื้นที่ชิ้นเดียว เช่น ในบ้าน ราคาตกเมตรละ+/-2หมื่นบาท สำหรับความสูง2.2-2.4เมตร
(เหมือนกับคุณ สั่งกระเพาะปลาน้ำแดงในร้านอาหาร ที่ทำชามเดียว ราคา ไม่ต่ำกว่า80฿)
ราคาจะสูงตามคุณภาพไม้โครง วัสดุปิดผิวหรืองานสี และคุณภาพของฟิตติ้ง(บานพับ รางลิ้นชัก มือจับ ฯลฯ)
เช่น รางลิ้นชักแบบรับข้างตอนเดียวขนาด14นิ้วราคาคู่ละ46฿ แต่ถ้าเป็นอย่างดีแบบสองตอน +soft close ราคาอยู่ที่สามร้อยบาท .. ต่างกันเยอะมากแค่ช่องลิ้นชักเพียง1ช่อง ถ้าประตูบานเปิด2บานค่าบานพับลูกถ้วย2คู่ ไม่เกิน100฿แต่ถ้าเป็นบานเลื่อน เฉพาะชุดรางกับล้อเลื่อนไม่ต่ำกว่าสามร้อย
แต่งานบิลท์อิน ที่ทำปริมาณมาก เช่น โรงแรม จะถูกลง เพราะ วางแบบตัดไม้ ทีละหลายชิ้น ทำให้เหลือเศษน้อย ลงมือครั้งเดียวได้งานหลายชิ้นเมื่อลงมือประกอบ
(เหมือนคุณ สั่งกระเพาะปลาน้ำแดงที่ตักจากหม้อใหญ่ๆ ในร้านกระเพาะปลา ชามละ40-50฿)
งานบิลท์อินตามบ้านทั่วไป มี3 ประเภทใหญ่ๆ
1.ใช้โครงไม้จริง ปิดผิวด้วยไม้อัด4-6มม. แล้ว ทำสีไม้ หรือปิดผิวด้วยแผ่นลามิเนต/ฟอร์ไมก้า ไม่มีปัญหาเรื่องรา ปลวกกินไม้โครงแต่ไม่ชอบกินไม้อัด
2.ไม่ใช้ไม้โครง แต่ขึ้นรูปประกอบด้วยไม้แผ่นหนาเลย เช่น ไม้อัด15-20มม. จากนั้นจึงปิดผิวด้วยลามิเนต/ฟอร์ไมก้า หรือทำสี ไม่มีปัญหารา ปลวกก็ไม่ชอบกินไม้อัดเพราะมีน้ำยาที่ปลวกไม่ชอบ
3.ไม่ใช้ไม้โครง ขึ้นรูปด้วยไม้MDf15-20มม. ปิดผิว/ทำสี ถ้าเลี่ยงได้จงเลี่ยง เพราะปัญหาเยอะ ทั้งบวมจากความชื้น รา
(ช่างรุ่นใหม่ ชอบทำแบบนี้ เพราะไม้MDF ราคาถูก ตัดง่าย ประกอบง่าย ปิดผิวหรือทำสีง่าย จบงานได้เร็ว )
ถ้าบ้านอยู่เลยเส้นรุ้งที่30องศาเหนือหรือใต้ พอโอเค กับไม้พาติเคิลหรือMDF
เฟอร์ถ้าซื้อสำเร็จรูป ลอยตัวได้ จะประหยัดไปมาก แต่คุณต้องทำใจเรื่องการเสาะหาทั้งขนาดและรูปแบบที่ตรงใจ และลงตัวกับพื้นที่
และโปรดอย่าดูแต่ความสวยภายนอกหรือแบรนด์ โปรดพิจารณาถึงวัสดุ ไม่งั้นจะเสียเงินแล้วต้องมานั่งเสียใจกับปัญหา บวมและรา และเสียสุขภาพด้วย
( เพราะเฟอร์ฯส่วนใหญ่จะเป็นไม้พาติเคิลหรือMDF ) และโปรดพิจารณารายละเอียดการรับประกันให้ดีๆ บางเจ้าให้10ปี แต่เฉพาะส่วนที่ป็นฟิตติ้ง เช่น บานพับ รางเลื่อน บางรายก็ใจดีถ้าบวมเปลี่ยนให้ใหม่ แต่ ถ้าใช้ผิดวิธีแล้วบวม เช่น น้ำท่วมขังก็ไม่อยู่ในประกัน
หากคิดจะซื้อเฟอร์ฯลอยตัว ควรเลี่ยงไม้พาติเคิลและMDF โดยเฉพาะบริเวณที่ความชื้นสูงหรือการถ่ายเทอากาศไม่ดี เช่น ครัว ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องเก็บของ เว้นแต่คิดว่าซื้อมาใช้สักพักก็จะเปลี่ยน
สมาชิกหมายเลข 1550766 ถูกใจ, ยืนงงในดงกล้วย ถูกใจ, minipam ถูกใจ, sleepy society ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2546283 สยอง, สมาชิกหมายเลข 2499752 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1778326 ถูกใจ, Lady1412 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1008529 ถูกใจ, hit on me ถูกใจรวมถึงอีก 17 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
มีใครไม่ Build in บ้านบ้างครับ ขอความเห็นหน่อยครับ
ขอบคุณครับ