ผมว่าผม เข้าใจแล้วล่ะครับ
ไม่ว่าจะขับเคลื่อนแบบใด เราควรจะเปลี่ยนยางหลังก่อน
ถ้าขับหน้า ก็ย้ายยางหลังมาหน้า แล้วเปลี่ยน
ถ้าขับหลังก็ต้องเปลี่ยนยางหลังอยู่แล้ว
ทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดอาการ Oversteer เพราะเมื่อเกิด Oversteer เราจะสูญเสียการควบคุมรถไปเกือบจะสมบูรณ์แบบ
ในขณะ Understeer เราเพียงลดความเร็วลงให้มากพอ เราก็จะกลับมาควบคุมรถได้อีกครับ
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

มันเป็นเรื่องของ ค่าความเสียดทานของยางหน้า กับยางหลังครับ

ถ้าเราเปลี่ยนยางหน้าก่อน นั่นคือเรากำลังทำให้ยางหน้าของเรา มีค่าความเสียดทานสูงกว่ายางหลัง
เพื่อจะทำให้ยางหน้าเราเกาะถนนมากกว่ายางหลัง ที่เรามองว่าไม่สำคัญ
เวลาที่เราเข้าโค้งนั้น ยางหน้าก็จะเกาะถนนอยู่ และเหวี่ยง CG ของรถที่อยู่หลังล้อหน้าไป ซึ่งโดยปกตินั้น
ค่าความเสียดทานของยางหลังจะมากพอที่จะไม่ทำให้รถเกิดการเหวี่ยงออกได้ และนั่นจะทำให้รถยังคงเสถียรภาพของมันได้
แต่ถ้ายางหลังมีค่าความเสียดทานต่ำเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการ Oversteer ได้ เพราะความเสียดทานของยางไม่มากพอ
ที่จะหยุดการเหวี่ยงของ CG ของรถได้ ซึ่งกรณีนี้การแก้ไขจะยากมาก เพราะรถได้สูญเสียเสถียรภาพในการเคลื่อนที่ไปแล้ว



แต่ถ้าเราย้ายยางหลังมาใว้ข้างหน้า แล้วเปลี่ยนยางหลัง(ซึ่งคืออดีตยางหน้า)
เราก็จะได้ยางหลังที่เกาะถนนมากขึ้น มากกว่ายางหน้า ในกรณ๊ที่เลวร้ายที่สุด หากยางหน้าไม่เกาะถนน เลี้ยวไม่ไป หรือเกิด Understeer
นั่นเป็นเพราะว่า ค่าความเร็วของรถ ทำให้พลังงานการเคลื่อนที่ของรถ สูงกว่าค่าเสียดทานของยางหน้า
วิธีแก้เราเพียงลดพลังงานการเคลื่อนที่ของรถลง โดยการลดความเร็วลง เพื่อให้ไม่เกินค่าความเสียดทานของยางหน้า
รถก็จะกลับมาอยู่ในการควบคุมอีกครั้งหนึ่ง เพราะ CG ของรถยังคงอยู่ในแนวการเคลื่อนที่ของรถอยู่ครับ


ดังนั้นผมเห็นด้วยกับ คห.21 และ Michelin ครับ
ทั้งหมดผมเดาเอานะครับ อย่างเชื่อทั้งหมดแล้วกัน แค่พยายามอธิบายตามกฏฟิสิกส์เท่านั้น

ปล. ขอบคุณภาพจาก http://www.johnnyoconnell.com/tips3.html