เชื่อว่าหลายคนที่ได้ไปดู Our Little Sister หนังญี่ปุ่นฟีลกู้ดเรื่องล่าสุดของ ผกก.โคเรเอดะ คงจะได้ความประทับใจกันกลับมาพอสมควร
วันนี้เลยอยากแนะนำหนังอีกเรื่องของผกก.คนนี้ครับ I Wish(Kiseki) [2011] หนังอีกเรื่องในดวงใจของผมเลย ชอบมากกว่า Our little Sister ซะอีก
เป็นเรื่องราวของเด็กน้อย 2 คนพี่น้องที่ต้องแยกกันอยู่ หนึ่งอยู่กับพ่อ อีกคนอยู่กับแม่ โดยที่ผู้พี่อยากให้ครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
หนังเล่าเกี่ยวกับประเด็นครอบครัว คำอธิษฐานของเด็กๆ ผ่านความเป็นธรรมชาติของเด็กๆ และบรรยากาศน่าอยู่ของเมืองในญี่ปุ่นครับ เป็นหนังฟีลกู้ดประเด็นดี เรียบง่ายแต่ได้มากและลึกซึ้งอีกเรื่องที่อยากแนะนำเลยครับ
I Wish(Kiseki) [2011] - เรียบง่าย ลึกซึ้ง เติมเต็มหัวใจ
.
[10/10]
.
ความรู้สึกหลังจากได้ชมหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้...
ราวกับว่า ความฝัน ความสุข ลอยคลุ้งอยู่ในบรรยากาศ
ราวกับว่า ก้อนความสุขหรือบางอย่างค่อยๆก่อตัวข้างในอก แล้วมันค่อยๆพองขึ้นอย่างช้าๆ
ราวกับว่า หนังเรื่องนี้สามารถเติมหัวใจให้เต็มได้ยังไงยังงั้น
.
ณ แห่งหนึ่งที่รถไฟวิ่งสวนกัน... ปาฏิหาริย์จะบังเกิด...
I Wish กับเรื่องราวของสองพี่น้องที่ต้องแยกกันอยู่คนละเมือง เพราะพ่อกับแม่เลิกกัน
พี่ชาย...โคะอิจิอยู่กับแม่ น้องชาย...ริวโนะสุเกะอยู่กับพ่อ
.
นี่ถือเป็นหนังที่ดูแล้วสร้างความรู้สึกสุขใจออกมาทีละน้อยๆ มากขึ้นๆได้อย่างน่าประหลาด
นี่คงเป็นความรู้สึกจำเพาะเวลาได้ดูหนังญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับวิถีชีวิต ครอบครัว ความฝัน ความตั้งใจแล้วล่ะครับ เพราะหนังญี่ปุ่นที่เคยดูไล่ตั้งแต่ ALWAYS, Be With You, Departures นั้นล้วนสร้างความรู้สึกที่ดีที่น่าแปลกใจนี้ออกมาได้ทุกเรื่อง และ I Wish ก็เช่นกัน
.
การเล่าเรื่องเป็นสไตล์ไม่รีบ ช้าๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น แบบว่ากูไม่รีบ ถ้ารีบก็ไปทำอย่างอื่นเถิด(55) แต่เต็มไปด้วยเรื่องราว ความเอาใจใส่ ความลึกซึ้ง และสิ่งเหล่านี้สร้างความรู้สึกเหมือนมีพลังงานแฝงในแง่ความสุข ความอบอุ่นออกมาได้อย่างน่าประหลาด ช่างน่าพิศวงยิ่งนัก
.
ยกตัวอย่างจากจุดเล็กๆ เช่นฉากง่ายๆอย่างการทำขนมคารุคัง ก็ค่อยๆทำให้ดู(บอกแล้วไง กูไม่รีบ) ทำให้เห็นทีละขั้นตอน กระบวนการกันไป ว่าเขาใส่ความใส่ใจลงไปในสิ่งที่ทำนั้นอย่างไร ซึ่งการเล่าเรื่องแบบนี้มันทำให้เราซึมลึกไปกับตัวตน บุคลิก ความมุ่งมั่น นิสัยใจคอของแต่ละคนได้อย่างดีเลยทีเดียว
.
อย่าเพิ่งคิดว่าหนังเอาแต่นิ่งละมุนละม่อมอย่างเดียวตลอดเท่านั้น
แต่ I Wish มีเสน่ห์อย่างมากในด้านการนำเสนอความสดใส ความเป็นธรรมชาติ ความตั้งใจของเด็กๆ เรียกได้ว่าสนุกเพลิดเพลินมากที่ได้เห็นการแสดงอันเป็นธรรมชาติของเด็กๆกลุ่มนี้
.
หลังจากได้ดูจบ ความรู้สึกต่างๆมากมายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย หลักๆคือความสุขที่ได้รับ
และรู้สึกทึ่งว่า เขาทำได้อย่างไรในการเล่า ร้อยเรียงเรื่องราวต่างๆ ทั้งเรื่องหลัก เรื่องรองให้เกิดความรู้สึกต่างๆ ได้ในทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในนั้นได้...ทั้งความผูกพันของเด็กกับหมาที่เขารัก, ความรัก ความห่วงใยที่สองพี่น้องมีให้แก่กัน, ความตั้งใจ แรงปรารถนาในแบบเด็กๆ ของผู้เป็นพี่ที่อยากเห็นครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง, ความฝันในแบบเด็กๆของแต่ละคนที่ดูแล้วต้องอมยิ้ม, ชีวิต ตัวตน การใช้ชีวิต ในสถานการณ์ที่ต้องแยกกันอยู่ในมุมมองของเด็กทั้งสอง, การเรียนรู้ การเติบโต การเข้าใจโลกของเด็กทั้งสอง ฯลฯ
.
ชีวิตที่มีบาดแผล ผิดเพี้ยน บิดเบี้ยว แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่เป็นไรหรอกนะ
อย่าเศร้าไปเลย บาดแผลมันก็แค่เพียงอุบัติเหตุ บางครั้งก็เป็นสิ่งที่เราเลือกไม่ได้ ทำได้เพียงเข้าใจ และยอมรับ แค่ปล่อยให้มันเป็นไป
ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้น ยังมีโลกทั้งใบให้เรารัก ได้ใส่ใจ ได้ค้นหา ได้ใช้ชีวิตนะ...
.
.
.
.
ไอติมแท่งสีฟ้า มันฝรั่งทอดก้นถุง ปรอทวัดไข้ ถาดสีเลอะ ชุดนักเรียน กางเกงว่ายน้ำ ชามบะหมี่ ท้องฟ้าสีคราม ต้นถั่วสูงสี่เซ็นต์ เหรียญร้อยเยนใต้ตู้หยอดเหรียญ รอยขีดเบสเบสบอล มาเบิ้ลหลับอยู่ในกระเป๋า ขนมคารุคัง ฝาครอบกริ่งจักรยาน ท่าเต้นสายน้ำของคุณยาย มือที่ตบไหล่ ดอกไม้สีสวย โคะอิจิ... ริวโนะสุเกะ... ปกซีดีเพลงของคุณพ่อ และคำอธิษฐาน...
สิ่งเหล่านี้จะสร่างความสุขให้ ความประทับใจให้กับความทรงจำของคุณครับ
.
สำหรับแฟนๆ ALWAYS: Sunset on The Third Street น่าจะชอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน ไม่มากก็น้อย เนื่องจากเป็นหนังเกี่ยวกับความฝัน ครอบครัว วิถีชิวิตของหลายๆคนเหมือนกัน
แต่ I Wish แตกต่างที่ไม่บิ๊วต์ ไม่ขยี้อารมณ์เหมือน ALWAYS แต่เน้นความเป็นธรรมชาติ สดใส ความเป็นเด็ก เีรียบง่าย จริงใจ และลึกซึ้งครับ
.
ตัวละครที่ชอบที่สุดในเรื่องสำหรับผมคือ ริวโนะสุเกะ เนื่องจากดูเป็นตัวละครที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข สนุกสนาน แม้ต้องผ่านเรื่องยากๆมาก็ตาม...
.
ป.ล.ได้มาทราบในภายหลังว่า เด็กทั้งสองเป็นพี่น้องกันจริงๆ ยิ่งรู้สึกชอบขึ้นไปอีก
.
ป.ล.2 ทางเราทราบมาอีกว่า เด็กๆทุกคนเป็นนักแสดงหน้าใหม่ยกชุด แล้วผกก.ก็ลองให้เด็กกลุ่มนี้แสดง เล่นร่วมกัน จากนั้นพอเลือกได้ว่าจะเลือกเด็กเหล่านี้มาเล่น จากนั้นจึงเอาตัวตน บุคลิกของเด็กแต่ละคนมีส่วนในการเขียนเป็นบทต่อให้เสร็จ โถ มิน่าเล่า หนังถึงได้ดูสดใสเป็นธรรมชาติขนาดนั้น
หากถูกใจบทความ ฝากติดตามผลงานจาก [เครื่องกรองหนัง] ด้วยครับผม
สามารถกดติดตามได้ที่นี่ครับ >>> https://www.facebook.com/filmfilter
ถือเป็นสมาชิกรุ่นบุกเบิก คนสำคัญของเราเลยนะครับ 55
[แนะนำหนัง] I Wish อีกหนังดีที่อยากแนะนำสำหรับแฟนๆ Our Little Sister ครับ
วันนี้เลยอยากแนะนำหนังอีกเรื่องของผกก.คนนี้ครับ I Wish(Kiseki) [2011] หนังอีกเรื่องในดวงใจของผมเลย ชอบมากกว่า Our little Sister ซะอีก
เป็นเรื่องราวของเด็กน้อย 2 คนพี่น้องที่ต้องแยกกันอยู่ หนึ่งอยู่กับพ่อ อีกคนอยู่กับแม่ โดยที่ผู้พี่อยากให้ครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
หนังเล่าเกี่ยวกับประเด็นครอบครัว คำอธิษฐานของเด็กๆ ผ่านความเป็นธรรมชาติของเด็กๆ และบรรยากาศน่าอยู่ของเมืองในญี่ปุ่นครับ เป็นหนังฟีลกู้ดประเด็นดี เรียบง่ายแต่ได้มากและลึกซึ้งอีกเรื่องที่อยากแนะนำเลยครับ
I Wish(Kiseki) [2011] - เรียบง่าย ลึกซึ้ง เติมเต็มหัวใจ
.
[10/10]
.
ความรู้สึกหลังจากได้ชมหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้...
ราวกับว่า ความฝัน ความสุข ลอยคลุ้งอยู่ในบรรยากาศ
ราวกับว่า ก้อนความสุขหรือบางอย่างค่อยๆก่อตัวข้างในอก แล้วมันค่อยๆพองขึ้นอย่างช้าๆ
ราวกับว่า หนังเรื่องนี้สามารถเติมหัวใจให้เต็มได้ยังไงยังงั้น
.
ณ แห่งหนึ่งที่รถไฟวิ่งสวนกัน... ปาฏิหาริย์จะบังเกิด...
I Wish กับเรื่องราวของสองพี่น้องที่ต้องแยกกันอยู่คนละเมือง เพราะพ่อกับแม่เลิกกัน
พี่ชาย...โคะอิจิอยู่กับแม่ น้องชาย...ริวโนะสุเกะอยู่กับพ่อ
.
นี่ถือเป็นหนังที่ดูแล้วสร้างความรู้สึกสุขใจออกมาทีละน้อยๆ มากขึ้นๆได้อย่างน่าประหลาด
นี่คงเป็นความรู้สึกจำเพาะเวลาได้ดูหนังญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับวิถีชีวิต ครอบครัว ความฝัน ความตั้งใจแล้วล่ะครับ เพราะหนังญี่ปุ่นที่เคยดูไล่ตั้งแต่ ALWAYS, Be With You, Departures นั้นล้วนสร้างความรู้สึกที่ดีที่น่าแปลกใจนี้ออกมาได้ทุกเรื่อง และ I Wish ก็เช่นกัน
.
การเล่าเรื่องเป็นสไตล์ไม่รีบ ช้าๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น แบบว่ากูไม่รีบ ถ้ารีบก็ไปทำอย่างอื่นเถิด(55) แต่เต็มไปด้วยเรื่องราว ความเอาใจใส่ ความลึกซึ้ง และสิ่งเหล่านี้สร้างความรู้สึกเหมือนมีพลังงานแฝงในแง่ความสุข ความอบอุ่นออกมาได้อย่างน่าประหลาด ช่างน่าพิศวงยิ่งนัก
.
ยกตัวอย่างจากจุดเล็กๆ เช่นฉากง่ายๆอย่างการทำขนมคารุคัง ก็ค่อยๆทำให้ดู(บอกแล้วไง กูไม่รีบ) ทำให้เห็นทีละขั้นตอน กระบวนการกันไป ว่าเขาใส่ความใส่ใจลงไปในสิ่งที่ทำนั้นอย่างไร ซึ่งการเล่าเรื่องแบบนี้มันทำให้เราซึมลึกไปกับตัวตน บุคลิก ความมุ่งมั่น นิสัยใจคอของแต่ละคนได้อย่างดีเลยทีเดียว
.
อย่าเพิ่งคิดว่าหนังเอาแต่นิ่งละมุนละม่อมอย่างเดียวตลอดเท่านั้น
แต่ I Wish มีเสน่ห์อย่างมากในด้านการนำเสนอความสดใส ความเป็นธรรมชาติ ความตั้งใจของเด็กๆ เรียกได้ว่าสนุกเพลิดเพลินมากที่ได้เห็นการแสดงอันเป็นธรรมชาติของเด็กๆกลุ่มนี้
.
หลังจากได้ดูจบ ความรู้สึกต่างๆมากมายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย หลักๆคือความสุขที่ได้รับ
และรู้สึกทึ่งว่า เขาทำได้อย่างไรในการเล่า ร้อยเรียงเรื่องราวต่างๆ ทั้งเรื่องหลัก เรื่องรองให้เกิดความรู้สึกต่างๆ ได้ในทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในนั้นได้...ทั้งความผูกพันของเด็กกับหมาที่เขารัก, ความรัก ความห่วงใยที่สองพี่น้องมีให้แก่กัน, ความตั้งใจ แรงปรารถนาในแบบเด็กๆ ของผู้เป็นพี่ที่อยากเห็นครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง, ความฝันในแบบเด็กๆของแต่ละคนที่ดูแล้วต้องอมยิ้ม, ชีวิต ตัวตน การใช้ชีวิต ในสถานการณ์ที่ต้องแยกกันอยู่ในมุมมองของเด็กทั้งสอง, การเรียนรู้ การเติบโต การเข้าใจโลกของเด็กทั้งสอง ฯลฯ
.
ชีวิตที่มีบาดแผล ผิดเพี้ยน บิดเบี้ยว แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่เป็นไรหรอกนะ
อย่าเศร้าไปเลย บาดแผลมันก็แค่เพียงอุบัติเหตุ บางครั้งก็เป็นสิ่งที่เราเลือกไม่ได้ ทำได้เพียงเข้าใจ และยอมรับ แค่ปล่อยให้มันเป็นไป
ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้น ยังมีโลกทั้งใบให้เรารัก ได้ใส่ใจ ได้ค้นหา ได้ใช้ชีวิตนะ...
.
.
.
.
ไอติมแท่งสีฟ้า มันฝรั่งทอดก้นถุง ปรอทวัดไข้ ถาดสีเลอะ ชุดนักเรียน กางเกงว่ายน้ำ ชามบะหมี่ ท้องฟ้าสีคราม ต้นถั่วสูงสี่เซ็นต์ เหรียญร้อยเยนใต้ตู้หยอดเหรียญ รอยขีดเบสเบสบอล มาเบิ้ลหลับอยู่ในกระเป๋า ขนมคารุคัง ฝาครอบกริ่งจักรยาน ท่าเต้นสายน้ำของคุณยาย มือที่ตบไหล่ ดอกไม้สีสวย โคะอิจิ... ริวโนะสุเกะ... ปกซีดีเพลงของคุณพ่อ และคำอธิษฐาน...
สิ่งเหล่านี้จะสร่างความสุขให้ ความประทับใจให้กับความทรงจำของคุณครับ
.
สำหรับแฟนๆ ALWAYS: Sunset on The Third Street น่าจะชอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน ไม่มากก็น้อย เนื่องจากเป็นหนังเกี่ยวกับความฝัน ครอบครัว วิถีชิวิตของหลายๆคนเหมือนกัน
แต่ I Wish แตกต่างที่ไม่บิ๊วต์ ไม่ขยี้อารมณ์เหมือน ALWAYS แต่เน้นความเป็นธรรมชาติ สดใส ความเป็นเด็ก เีรียบง่าย จริงใจ และลึกซึ้งครับ
.
ตัวละครที่ชอบที่สุดในเรื่องสำหรับผมคือ ริวโนะสุเกะ เนื่องจากดูเป็นตัวละครที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข สนุกสนาน แม้ต้องผ่านเรื่องยากๆมาก็ตาม...
.
ป.ล.ได้มาทราบในภายหลังว่า เด็กทั้งสองเป็นพี่น้องกันจริงๆ ยิ่งรู้สึกชอบขึ้นไปอีก
.
ป.ล.2 ทางเราทราบมาอีกว่า เด็กๆทุกคนเป็นนักแสดงหน้าใหม่ยกชุด แล้วผกก.ก็ลองให้เด็กกลุ่มนี้แสดง เล่นร่วมกัน จากนั้นพอเลือกได้ว่าจะเลือกเด็กเหล่านี้มาเล่น จากนั้นจึงเอาตัวตน บุคลิกของเด็กแต่ละคนมีส่วนในการเขียนเป็นบทต่อให้เสร็จ โถ มิน่าเล่า หนังถึงได้ดูสดใสเป็นธรรมชาติขนาดนั้น
หากถูกใจบทความ ฝากติดตามผลงานจาก [เครื่องกรองหนัง] ด้วยครับผม
สามารถกดติดตามได้ที่นี่ครับ >>> https://www.facebook.com/filmfilter
ถือเป็นสมาชิกรุ่นบุกเบิก คนสำคัญของเราเลยนะครับ 55