เกิดอะไรขึ้นกับบ้านของเรา กับโครงการSu...(อาลัย)

เกิดอะไรขึ้นกับบ้านของเรา โครงการSu... (อาลัย)


เราได้ทำการซื้อบ้านเดี่ยวกับโครงการใหญ่ระดับบริษัทมหาชนและได้รับบ้านไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่น บ้านมีการแตกร้าวตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าอยู่ ทางโครงการซ่อมแซมแก้ไขถึง 4 ครั้ง แต่ก็ยังมีรอยร้าวเกิดขึ้นอีกซ้ำๆห้องเดิม
ครั้งที่ 1 มีรอยแตกร้าวที่ผนังเป็นแนวยาวและรอบหน้าต่าง(ได้ทำการแจ้งกับทางวิศวกรประจำโครงการเพื่อทำการแก้ไขซ่อมแซมแต่ไม่หาย (ก่อนการโอนบ้าน)
ครั้งที่ 2 มีรอยแตกร้าวที่ผนัง(จุดเดิม)และทำการแก้ไขต่อเนื่องจากครั้งที่ 1 แต่ไม่หาย
ครั้งที่ 3 มีรอยแตกร้าวในห้องเดิมแต่เพิ่มรอยมากขึ้นเป็นแนวยาวทั้งแนวตั้ง และแนวขวางการแก้ไขของทางโครงการฯแจ้งว่าจะเปิดแผลรอยร้าวให้กว้างกว่าทุกครั้งแล้วฝังตาข่ายที่ผนัง(หลังจากโอนบ้านแล้วสาเหตุที่ยอมเซ็นต์โอนบ้านเนื่องจากทางโครงการขู่ว่าต้องโอนถ้าไม่โอนลูกค้าจะโดนค่าปรับแต่ถ้าบ้านมีปัญหาจะแก้ไขให้เนื่องจากยังอยู่ในประกัน)
ครั้งที่ 4 มีรอยแตกร้าวในห้องเดิมแต่เพิ่มรอยมากขึ้นและด้านนอกห้องบริเวณทางขึ้นบันได (หลังจากที่เข้าอยู่บ้านได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ )เนื่องจากเราเพิ่งคลอดน้องได้ประมาณ 1 เดือนจึงย้ายเข้าอยู่บ้านหลังใหม่ที่เราซื้อไว้เพื่อสร้างครอบครัวแต่การซ่อมแซมครั้งที่ 4 นี้เป็นการซ่อมแซมครั้งใหญ่ทางโครงการส่งช่างพม่ามา 1 คน พร้อมเครื่องมือไม่กี่ชิ้นมาเพื่อทำการซ่อมแซมบ้านโดยแจ้งลูกค้าว่าจะมีอุปกรณ์มาป้องกันข้าวของเครื่องใช้ไม่ให้เกิดความเสียหายจากฝุ่นละอองแต่ช่างมามือเปล่าไม่มีอุปกรณ์มาเก็บป้องกันให้แม้แต่ชิ้นเดียวทางเราจึงต้องขอร้องช่างให้กลับไปเอาพลาสติกมาคลุมของใช้ภายในบ้านแล้วเรายังให้เงินเป็นสินน้ำใจกับช่างที่ช่วยเหลือ เนื่องจากของใช้และเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเป็นของใหม่ทุกชิ้นรวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ของเด็กอ่อนทั้งหมด และการซ่อมแซมครั้งที่ 4 ก็ไม่หายจากการซ่อมแซมบ้านครั้งนี้ เราต้องขังลูกชายซึ่งมีอายุ 1 เดือนครึ่งกับคุณยายไว้ในห้องนอนอีกห้องและไม่สามารถออกมาได้เป็นเวลา 2 วัน 2 คืน(ให้คุณยายออกมาเฉพาะเวลาทานข้าว) เนื่องจากมีฝุ่นปูนคละคลุ้งทั้งบ้านเราต้องมาทำความสะอาดเองอีกทั้งหลังซึ่งมันไม่สะอาดทั้งหมดเหมือนบ้านใหม่แน่ๆผลที่มันเกิดจากการซ่อมบ้านของเราคือลูกชายเราซึ่งยังเป็นทารกอยู่เลยมีอาการหายใจผิดปกติต้องรับการรักษาโดยด่วน เรากับแฟนไป-กลับโรงพยาบาล 3 วันติดแต่อาการลูกไม่ดีขึ้นแพทย์สั่งให้นอนโรงพยาบาลนอนไป 6 คืน ลูกต้องล้างจมูก-พ่นยาวันละ 4 ครั้งทุกวัน เค้าร้องไห้จนไม่มีแรง
ระแวงไม่ให้ใครจับหน้าจับจมูกเราร้องไห้ทุกวันเป็นห่วงลูก สงสารลูกมากที่บ้านเรายังคิดว่าลูกเราจะรอดมั้ย หัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่จะสลายลูกคนแรกของเรา

ครั้งที่ 5 เกิดรอยแตกร้าวบริเวณห้องเดิม มากขึ้นกว่าเดิมแทบจะทุกมุมของห้องมันร้าวจนทะลุออกไปด้านนอกของตัวบ้านไล่จากด้านบนลงมาเรื่อยๆจนถึงโรงจอดรถหน้าบ้าน ในบ้าน นอกบ้านจากหลังคาไล่ลงมาฝ้าเพดานหลุดรอบห้อง แตกร้าวบริเวณบันไดรอยแตกร้าวเกิดขึ้นทั่วไปเพิ่มขึ้นทุกวันเป็นจำนวนมาก
อาการแตกร้าวในครั้งที่ 5 เกิดขึ้นหลังจากซ่อมแซมครั้งที่ 4 ไปได้ประมาณ 2-3 เดือน ทางผู้รับเหมาเข้ามาดูอาการแตกร้าวและบอกว่ายังไม่ต้องทำการแก้ไขให้ลองปล่อยดูว่ารอยร้าวจะร้าวไปอีกมากน้อยแค่ไหน เราจึงรอตามที่ผู้รับเหมาแนะนำ และโครงการส่งวิศวกร และผู้จัดการ มาดูเค้าพูดว่าอาการแบบนี้ไม่เคยพบ เป็นกรณีที่ไม่ปกติอาจจะเกิดแค่ 1 ใน 1,000 เท่านั้น วิศวกรของโครงการยืนยันว่าเป็นที่ผนังฉาบ แต่ถ้าามีการซ่อมแซมครั้งนี้เราไม่สามารถเอาชีวิตลูกเราไปเสี่ยงได้อีกเราขอโครงการมีอะไรช่วยเหลือเกี่ยวกับการต้องย้ายที่อยู่เพื่อซ่อมแซมบ้านหรือไม่ ทางผู้จัดการปฏิเสธแบบไม่มีการคิดเลยว่าทางโครงการไม่มีนโยบาย ถ้าลูกค้าอยากได้ต้องส่งเรื่องเข้ามาเองซึ่งเรางงมากว่าทำไมไม่มีคนของโครงการประสานงานให้เราในเมื่อปัญหามันเกิดจากสินค้าของคุณไม่ได้มาตรฐาน คุณบอกว่าเคสเราไม่ปกติแล้วทำไมเราไม่ได้รับการดูแลที่เป็นพิเศษจากโครงการ เค้าส่งคนมาวัดระดับบ้าน จากนั้นอีกหลายวัน
ผู้จัดการโทรมาแจ้งว่าบ้านไม่ทรุดนะครับ จะให้แก้วันไหนครับ(พูดแค่นี้จริงๆ) และไม่มีการติดต่อกลับมาอีกเลยจนเราต้องโทรเข้าไปที่ Call Center เพื่อขอความช่วยเหลือหลังจากนั้นมีผู้ช่วยผู้อำนวยการเข้ามาที่บ้านวิเคราะห์ว่าไม่เกี่ยวกับโครงสร้าง(ขอนอกเรื่องนิดนะคะ แต่งตัวเหมือนใส่ชุดนอนมาพบลูกค้า)
และเค้าโทรตามSpecialistจากภายนอกตามเข้ามาดูหลังจากที่คุณผู้ช่วยดูอาการไปได้สัก15-20นาที สรุป Specialistตรวจบ้านด้วยอุปกรณ์ที่เค้าเตรียมมาและวิเคราะห์ว่าเป็นที่โครงสร้างทรุด(หน้าแตกซิคะคุณผู้ช่วย) คุณผู้ช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมการคุยกับเราทันทีเค้าวิเคราะห์มั่วไม่มีการตรวจสอบอะไรเลยเพราะอาการพวกนี้มันสามารถยืนยันได้หลักฐานทางวิศวกรรมมันปกปิดกันไม่ได้อยู่แล้วทางโครงการก็จะซ่อมให้เราอีกครั้งแต่ตอนนี้เรารู้สึกว่าโครงการนี้ขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆจะแก้ต่อไปเรื่อยๆงั้นหรอหรือจนกว่าเราจะชินหรือจนกว่าเราจะยอมอยู่กับรอยร้าวของบ้านไป ซึ่งตอนนี้เรารู้สึกไม่ไว้วางใจโครงการนี้และไม่อยากอยู่บ้านห่วยๆของโครงการยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท Su...(อาลัย)จำกัด มหาชน

ปล.บางทีเราก็ยังแอบคิดว่าปัญหาของบ้านเรายังถูกปิดบังไว้แค่ในระดับปฏิบัติการอาจยังไม่ถึงระดับผู้บริหารของโครงการนี้ส่วนใหญ่เจ้าของบริษัทใหญ่ขนาดนี้จะมี service mind ถ้าผู้บริหารรับทราบเราอาจได้รับการแก้ไขที่ดีกว่านี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่