จขกท.อายุ 21 กำลังขึ้นปี 3 และมีการตัดสินใจที่(คิดว่า)หนัก(มาก)ในชีวิตค่ะ
ตอนนี้ทำงานออฟฟิศแห่งหนึ่ง เงินเดือน 15K (เพิ่งปรับเป็นฟูลไทม์เมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนหน้านี้ทำพาร์ทไทม์สลับกับเรียน แต่พี่เขาต้องการให้ทำแบบประจำค่ะ)
และกำลังเรียนคุณครูอนุบาลอยู่ที่สถาบันในรั้ววังแห่งหนึ่ง ซึ่งจขกท.ภูมิใจนะคะที่ได้เรียนที่นี่ เพราะคณะที่เรียนถือว่ามีชื่อค่ะ
จะขอเล่ารายละเอียดนะคะ
บ้านของจขกท.มองจากภายนอกไม่ได้ลำบากอะไร มีกิจการที่ทำภายในครัวเรือน เป็นครอบครัวค่อนข้างใหญ่ที่มีเชื้อจีนแต่ไม่ลงรอยรักใคร่สามัคคีกันเลย (หักกันเมื่อ4ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน) การได้รายได้จากเรา คือได้มาจากแม่ ซึ่งแม่ก้ได้มาจากก๋งเท่านั้น ซึ่งก๋งก็ให้ไม่สม่ำเสมอ ต้องรอลุ้นว่าจะให้หรือไม่ ให้แบ่งเป็น 3 งวดต่อเดือน คือ 4000-3000-3000 รวมเป้น 10000 ต่อเดือน ส่งให้ยายเดือนละ 2000 บางเดือน 3000 ส่วนตัวเรา ได้จากก๋งไม่สม่ำเสมอค่ะ คือแกนึกขึ้นได้แกก็ให้ ถ้าแกลืมคือไม่ได้ มีเรื่องให้ลุ้นใจหายใจคว่ำตลอดว่าพรุ่งนี้จะเอาเงินที่ไหนไปเรียน และอย่าถามถึงเงินเก็บนะคะ ไม่มีแน่นอน คือแม่เราและเราเป็นประเภทเกรงใจปนเกรงกลัว ขนาดบางทีป่วยไปหาหมอ ไม่มีเงินไป ต้องแคะกระปุกเราไปอ่ะค่ะ ขอเล่าแบบไม่อายเลยนะ อึดอัดคดแค้นใจมาก ณ จุดนี้
เงิน 10000 ต่อเดือน ใช้กัน 3 คน.... ส่วนเรื่องข้าวปลาอาหาร ยายเลี้ยงเราไม่ค่อยนึกถึงเท่าไหร่ค่ะ ส่วนใหญ่ทำให้แต่ก๋ง ลมเพลมพัดวันดีคืนดีเท่านั้นที่นึกทำอาหารเผื่อทุกคน
ด้วยประการฉะนี้ที่ทำให้เราเริ่มมองหางาน ซึ่งประจวบเหมาะกับร้านอาหารพี่เราต้องการออฟฟิศพาร์ทไทม์ เราก็ได้สมัครไป ซึ่งมันก็โอเคมากสำหรับเรา คือได้ทำกับพี่ที่รู้จัก ในออฟฟิศมีอยู่ 4 คน คือตัวเรา พี่เราสองคน และเจ้านายที่เป็นฝรั่ง ก็โอเคชีวิตแฮปปี้ จนเมื่อสองเดือนที่แล้วพี่เขาบอกว่าอยากได้พนักงานแบบฟูลไทม์เนื่องจากเคลียร์เอกสารไม่ทัน เพราะเราจะไปอาทิตย์ละแค่ 2-3 วัน เราก็เลยบอกว่า ถ้างั้นช่วงปิดเทอมหนูสามารถไปทำได้ทุกวันค่ะ ก็ตัดสินใจไปเรื่อยๆว่า จะดรอปที่มหา'ลัย แล้วไปลงเรียนม.สุโขทัย ควบคู่กับทำงาน ซึ่งตอนแรกทุกอย่างก็เหมือนจะโอเค
จนช่วงนี้เปิดเทอม ญาติโกโหติกาเริ่มถาม ว่าทำไมไม่ไปเรียน ก๋งก็ถาม คนข้างบ้านก็ถาม กลายเป็นสร้างแรงกดดันให้แม่หนูมาก (สไตล์ผู้ใหญ่อ่ะค่ะ เรื่องเรียนและใบปริญญาถือว่าทำคัญมาก บ้านไหนลูกหลานมีปริญญาแปะฝาบ้านคือหน้าชื่นตาบาน) และแรงกดดันทั้งหมด ก็ท่วมท้นมาอยู่ที่หนูค่ะ
ซึ่งตอนนี้เครียดหนักมากว่า ควรจะเรียนก่อน หรือทำงานก่อนดี หนูเบื่อที่จะกลับไปอยู่ ณ จุดๆเดิม ที่ต้องแคะกระปุกไปเรียน บางวันไม่มีต้องแอ๊บใส่เพื่อนว่าลืมกระเป๋าสตางค์มาขอยืมก่อน พรุ่งนี้คืน เบื่อเมื่อโดนบ่นว่าไม่มีเงินพาหมาไปหาหมอ ยกให้คนอื่นไปดีมั้ย(น้ำตาแตกทุกครั้งเมื่อได้ยินคำนี้ ไม่ยกให้ใครแน่นอน รักมาก ตะเตือนไตมากเช่นกัน) แต่พอมาคิดอีกมุม ใช่ว่าหนูจะไม่อยากไปเรียน หนูก็อยากมีโมเม้นท์ใส่ชุดนักศึกษาไปนั่งเรียน เลิกเรียนนั่งกินไอติม เม้ามอย เรื่อยเปื่อย อยากใช้ชีวิตช่วงมหา'ลัย อยากมีชีวิตตามเสต็ปเหมือนคนอื่นบ้าง......แต่หลายๆอย่างมันไม่เอื้ออำนวย
สองจิตสองใจ เอนเอียงไปฝั่งทำงานมากกว่า แต่ก็ไม่อยากให้ที่บ้านเป็นทุกข์ เพราะสำหรับผู้ใหญ่มันเหมือนเอาศักดิ์ศรีครอบครัวไปเดิมพันเวลาพบปะสังสรรค์กันวันเชงเม้งหรือตรุษจีนเลยค่ะ เพราะเขาจะต้องมานั่งคุยกันเรื่องลูกหลานแน่นอน แต่ในบางมุม เขาก็ไม่ได้ซัพพอร์ตหนูได้มากขนาดนั้น....ทำไมหนูต้องเอาโอกาสมาทำลายลงด้วย หนูทำงานไปเรียนไป ก็จบได้เหมือนกัน อนาคตอาจจะดีกว่าตรงที่ได้เริ่มก่อนเขา....
หากถามว่าทำไมไม่คุยกับก๋งไปตรงๆ....ก็จะมีคนจ้องเขม่นอยู่ค่ะ อยู่ในสถานะที่ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้จริงๆ เรียนก็ต้องกู้ ขอค่าเทอมยังไม่ได้เลยค่ะ
หนูควรจะต้องทำยังไงดีคะ อยากฟังหลายๆความคิดเห็นและหลายๆมุม และมีเวลา 1 อาทิตย์ในการตัดสินใจ (เด๊ดไลน์ลงทะเบียนเรียนค่ะ) สับสนจนไม่รู้ว่าความคิดไหนถูกไหนผิดแล้วจริงๆ เครียดมากจนร้องไห้ทุกคืน กลัวก้าวพลาด กลัวหมดโอกาส กลัวกลับไปอยู่จุดลำบาก ..... ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
ปล.แท็กห้องไม่เป็น หากผิดขออภัยค่ะ
ถ้าต้องเลือกระหว่าง เรียนล่าใบปริญญา..กับ..ทำงานเก็บเงิน
ตอนนี้ทำงานออฟฟิศแห่งหนึ่ง เงินเดือน 15K (เพิ่งปรับเป็นฟูลไทม์เมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนหน้านี้ทำพาร์ทไทม์สลับกับเรียน แต่พี่เขาต้องการให้ทำแบบประจำค่ะ)
และกำลังเรียนคุณครูอนุบาลอยู่ที่สถาบันในรั้ววังแห่งหนึ่ง ซึ่งจขกท.ภูมิใจนะคะที่ได้เรียนที่นี่ เพราะคณะที่เรียนถือว่ามีชื่อค่ะ
จะขอเล่ารายละเอียดนะคะ
บ้านของจขกท.มองจากภายนอกไม่ได้ลำบากอะไร มีกิจการที่ทำภายในครัวเรือน เป็นครอบครัวค่อนข้างใหญ่ที่มีเชื้อจีนแต่ไม่ลงรอยรักใคร่สามัคคีกันเลย (หักกันเมื่อ4ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน) การได้รายได้จากเรา คือได้มาจากแม่ ซึ่งแม่ก้ได้มาจากก๋งเท่านั้น ซึ่งก๋งก็ให้ไม่สม่ำเสมอ ต้องรอลุ้นว่าจะให้หรือไม่ ให้แบ่งเป็น 3 งวดต่อเดือน คือ 4000-3000-3000 รวมเป้น 10000 ต่อเดือน ส่งให้ยายเดือนละ 2000 บางเดือน 3000 ส่วนตัวเรา ได้จากก๋งไม่สม่ำเสมอค่ะ คือแกนึกขึ้นได้แกก็ให้ ถ้าแกลืมคือไม่ได้ มีเรื่องให้ลุ้นใจหายใจคว่ำตลอดว่าพรุ่งนี้จะเอาเงินที่ไหนไปเรียน และอย่าถามถึงเงินเก็บนะคะ ไม่มีแน่นอน คือแม่เราและเราเป็นประเภทเกรงใจปนเกรงกลัว ขนาดบางทีป่วยไปหาหมอ ไม่มีเงินไป ต้องแคะกระปุกเราไปอ่ะค่ะ ขอเล่าแบบไม่อายเลยนะ อึดอัดคดแค้นใจมาก ณ จุดนี้
เงิน 10000 ต่อเดือน ใช้กัน 3 คน.... ส่วนเรื่องข้าวปลาอาหาร ยายเลี้ยงเราไม่ค่อยนึกถึงเท่าไหร่ค่ะ ส่วนใหญ่ทำให้แต่ก๋ง ลมเพลมพัดวันดีคืนดีเท่านั้นที่นึกทำอาหารเผื่อทุกคน
ด้วยประการฉะนี้ที่ทำให้เราเริ่มมองหางาน ซึ่งประจวบเหมาะกับร้านอาหารพี่เราต้องการออฟฟิศพาร์ทไทม์ เราก็ได้สมัครไป ซึ่งมันก็โอเคมากสำหรับเรา คือได้ทำกับพี่ที่รู้จัก ในออฟฟิศมีอยู่ 4 คน คือตัวเรา พี่เราสองคน และเจ้านายที่เป็นฝรั่ง ก็โอเคชีวิตแฮปปี้ จนเมื่อสองเดือนที่แล้วพี่เขาบอกว่าอยากได้พนักงานแบบฟูลไทม์เนื่องจากเคลียร์เอกสารไม่ทัน เพราะเราจะไปอาทิตย์ละแค่ 2-3 วัน เราก็เลยบอกว่า ถ้างั้นช่วงปิดเทอมหนูสามารถไปทำได้ทุกวันค่ะ ก็ตัดสินใจไปเรื่อยๆว่า จะดรอปที่มหา'ลัย แล้วไปลงเรียนม.สุโขทัย ควบคู่กับทำงาน ซึ่งตอนแรกทุกอย่างก็เหมือนจะโอเค
จนช่วงนี้เปิดเทอม ญาติโกโหติกาเริ่มถาม ว่าทำไมไม่ไปเรียน ก๋งก็ถาม คนข้างบ้านก็ถาม กลายเป็นสร้างแรงกดดันให้แม่หนูมาก (สไตล์ผู้ใหญ่อ่ะค่ะ เรื่องเรียนและใบปริญญาถือว่าทำคัญมาก บ้านไหนลูกหลานมีปริญญาแปะฝาบ้านคือหน้าชื่นตาบาน) และแรงกดดันทั้งหมด ก็ท่วมท้นมาอยู่ที่หนูค่ะ
ซึ่งตอนนี้เครียดหนักมากว่า ควรจะเรียนก่อน หรือทำงานก่อนดี หนูเบื่อที่จะกลับไปอยู่ ณ จุดๆเดิม ที่ต้องแคะกระปุกไปเรียน บางวันไม่มีต้องแอ๊บใส่เพื่อนว่าลืมกระเป๋าสตางค์มาขอยืมก่อน พรุ่งนี้คืน เบื่อเมื่อโดนบ่นว่าไม่มีเงินพาหมาไปหาหมอ ยกให้คนอื่นไปดีมั้ย(น้ำตาแตกทุกครั้งเมื่อได้ยินคำนี้ ไม่ยกให้ใครแน่นอน รักมาก ตะเตือนไตมากเช่นกัน) แต่พอมาคิดอีกมุม ใช่ว่าหนูจะไม่อยากไปเรียน หนูก็อยากมีโมเม้นท์ใส่ชุดนักศึกษาไปนั่งเรียน เลิกเรียนนั่งกินไอติม เม้ามอย เรื่อยเปื่อย อยากใช้ชีวิตช่วงมหา'ลัย อยากมีชีวิตตามเสต็ปเหมือนคนอื่นบ้าง......แต่หลายๆอย่างมันไม่เอื้ออำนวย
สองจิตสองใจ เอนเอียงไปฝั่งทำงานมากกว่า แต่ก็ไม่อยากให้ที่บ้านเป็นทุกข์ เพราะสำหรับผู้ใหญ่มันเหมือนเอาศักดิ์ศรีครอบครัวไปเดิมพันเวลาพบปะสังสรรค์กันวันเชงเม้งหรือตรุษจีนเลยค่ะ เพราะเขาจะต้องมานั่งคุยกันเรื่องลูกหลานแน่นอน แต่ในบางมุม เขาก็ไม่ได้ซัพพอร์ตหนูได้มากขนาดนั้น....ทำไมหนูต้องเอาโอกาสมาทำลายลงด้วย หนูทำงานไปเรียนไป ก็จบได้เหมือนกัน อนาคตอาจจะดีกว่าตรงที่ได้เริ่มก่อนเขา....
หากถามว่าทำไมไม่คุยกับก๋งไปตรงๆ....ก็จะมีคนจ้องเขม่นอยู่ค่ะ อยู่ในสถานะที่ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้จริงๆ เรียนก็ต้องกู้ ขอค่าเทอมยังไม่ได้เลยค่ะ
หนูควรจะต้องทำยังไงดีคะ อยากฟังหลายๆความคิดเห็นและหลายๆมุม และมีเวลา 1 อาทิตย์ในการตัดสินใจ (เด๊ดไลน์ลงทะเบียนเรียนค่ะ) สับสนจนไม่รู้ว่าความคิดไหนถูกไหนผิดแล้วจริงๆ เครียดมากจนร้องไห้ทุกคืน กลัวก้าวพลาด กลัวหมดโอกาส กลัวกลับไปอยู่จุดลำบาก ..... ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
ปล.แท็กห้องไม่เป็น หากผิดขออภัยค่ะ