ก่อนเริ่มทำสตาร์ทอัพคุณควรพิสูจน์ให้ได้เสียก่อนว่า Product ที่คุณจะสร้างมีความต้องการในตลาดอยู่จริงไม่อิงมโน จากการลงภาคสนามไปคลุกคลีลูกค้าเพื่อเสาะหาความต้องการ รวมถึงนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาให้
ดังนั้นการพิสูจน์ไอเดียของคุณให้ได้ก่อนที่จะเริ่มทำ Product จึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการแปลงไอเดียให้กลายเป็นธุรกิจ และส่งผลให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาว
บทความนี้ผมพาคุณมารู้จักอีกแง่มุมหนึ่งของ Kickstarter เว็บระดมทุนจากมวลชนชื่อดัง ซึ่งถูกใช้ในฐานะเวทีพิสูจน์ไอเดียของชายหนุ่มที่ชื่อว่า Nick Walter ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ พร้อมให้แง่คิดดี ๆ แก่ผู้ประกอบการ และสตาร์ทอัพสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการทำธุรกิจได้
More than Crowdfunding
ถ้าเราพูดถึง Kickstarter เว็บไซต์ระดมทุ่มจากมวลชน (Crowdfunding) ชื่อดัง หลายคนมักนึกถึงฮาร์ดแวร์สตาร์ทอัพ (Hardware Startup) ที่ต้องการสร้าง Product ที่จับต้องได้ มานำเสนอในรูปของแคมเปญ เพื่อระดมทุนให้เกิด Product จริง (ตัวอย่างเช่น Pebble นาฬิกาอัจฉริยะ)
แทนที่จะระดมทุน Nick Walter กลับใช้ Kickstarter เป็นเวทีเพื่อทดสอบว่าไอเดียที่เขาจะทำเป็นที่ต้องการในตลาดหรือไม่ ชายหนุ่มได้สร้างแคมเปญคอร์สเรียนขึ้นมาตัวหนึ่ง ชื่อ
"How to Make a Freaking iPhone App" หรือ สอนวิธีสร้างแอพไอโฟนเจ๋ง ๆ
Walter เสนอราคาคอร์สเรียนแบบ Presell โดยซอยย่อยเป็น 29, 39 และ 49 เหรียญ จากราคาเต็มที่ 199 เหรียญ เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ชายหนุ่มยังได้เรียนรู้อีกว่าตลาดต้องการ Product ของเขามากทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในช่วงตระเตรียมหลักสูตร และเนื้อหาสำหรับสอน
ในตลาดมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ฝันอยากจะมีแอพสักตัว Walter ไม่เพียงแค่สร้างคอร์สเพื่อสอนผู้ประกอบการเท่านั้น แต่เขายังมองไปถึงการสอนให้คนที่ไม่มีทักษะการเขียนโปรแแกรมมาก่อนให้รู้ว่าการเขียนแอพนั้นมันไม่ใช่เรื่องยาก
การตั้งราคาแบบ Presell
Dane Maxwell จากสตาร์ทอัพ The Foundation กล่าวว่า
"การกำหนดราคาแบบ Presell เป็นวิธีผูกมิตรที่เรียบง่ายกับใครสักคนที่กำลังมีปัญหา และพยายามมองหาทางออกอยู่"
ทาง The Foundation เสนอคอร์สเรียนออนไลน์ 6 เดือน เพื่อสอนวิธีการสร้างซอฟต์แวร์แก่ผู้ประกอบการโดยเริ่มจากศูนย์ ผู้เข้าเรียนไม่จำเป็นต้องมีไอเดีย ทักษะการเขียนโค้ด หรือเงินทุนมาก่อน ในคอร์ส Maxwell จะสอนพื้นฐานที่จำเป็นให้ 6 อย่าง เพื่อให้ผู้เรียนที่จ่าย Presell มีความพร้อมก่อนที่จะออกไปสร้าง Product
Maxwell เคี่ยวกับคอร์สนี้มาก ถ้าผู้เรียนถูกจับได้ว่ากำลังสร้าง Product ในช่วงที่ยังเรียนอยู่ พวกเขาจะถูกไล่ออกทันที Maxwell เชื่อว่าการทำแบบนี้เท่ากับทำลายตัวเองก่อนที่จะมีคนมาซื้อ Product
ดังนั้น อย่าเพิ่งสร้างสินค้าหรือบริการ โดยที่ยังไม่ได้ทดสอบตลาดด้วยวิธีการที่เหมาะสมก่อนเด็ดขาด ในบทความนี้ การพิสูจน์ได้ว่าไอเดียนี้ work ดูได้จากจำนวนเงินที่ Walter ได้รับก่อนที่จะลงมือทำ Product จริง และวิธีการกำหนดราคาแบบ Presell ก็เป็นวิธีที่เรียบง่ายในการรวบรวมเงินจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
วิธีแก้ปัญหาไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของจับต้องได้เสมอไป
อะไรคือปัญหาที่ลูกค้าหรือตลาดกำลังประสบอยู่ และคุณจะเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาให้กับคนเหล่านั้นได้อย่างไร นี่คือโจทย์ที่คุณต้องหาคำตอบให้พบ
จำไว้ว่า Walter ไม่ได้ใช้ Kickstarter ระดมทุนเพื่อสร้างสิ่งของจับต้องได้ อย่าง เคสไอโฟนหรือกล้อง แต่เขาขายทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property: IP) ซึ่งก็คือคอร์สสอนทำแอพ
กุญแจสำคัญที่ช่วยยกระดับ Kickstarter และแหล่งระดมทุนจากมวลชนอื่น ๆ คือ ความน่าสนใจของ Product ที่เสนอเข้ามา ก่อนที่จะลงมือทำจริง ถ้าคุณได้ยอดผู้สนใจออกทุนให้บน Kickstarter จำนวนมาก นั่นหมายถึงคุณได้พิสูจน์แล้วว่า ไอเดียของคุณมีศักยภาพที่จะทำเงินล้าน แคมเปญที่ประสบความสำเร็จได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความต้องการในตลาดจริง และนั่นคือคุณพร้อมที่จะเดินหน้าทำมันให้เต็มที่
ข้อคิดดี ๆ สำหรับผู้ประกอบการจาก Nick Walter
1. น้ำขึ้นให้รีบตัก
Walter เห็นว่ามีคนต้องการเรียนวิธีทำแอพไอโฟน ด้วยภาษาใหม่อย่าง Swift ดังนั้นเขาจึงกระโจนเข้าหาโอกาสนั้นทันที แล้วคุณล่ะจะเริ่มทำเร็วแค่ไหน
2. ลุยได้เลย อย่ามัวแต่รอความสมบูรณ์แบบ
ผู้ประกอบการหลายคนมั่วแต่ รอ รอ รอ แล้วก็รอ เพื่อให้ทุกอย่างพร้อมเข้าที่ ก่อนจะเข็น Product ออกสู่ตลาด แต่ Walter ไม่รอ เขาเรียนรู้ภาษา Swift และปล่อยข้อเสนอออกไปทันที แล้วคุณล่ะจะรอหรือจะสร้าง
3. เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์
ผู้คนมักกังขาในความสามารถของตัวเอง แต่ Walter ไม่ปล่อยให้ความคิดนั้นมาหยุดตัวเขาได้ เขามุ่งไปข้างหน้า โดยพิจารณาตัวเองในปัจจุบัน ซึ่งคุณก็สามารถเป็น Kickstarter ที่ประสบความสำเร็จคนต่อไปได้ ดังที่ Oprah กล่าวว่า "คุณจะเป็นในสิ่งที่คุณเชื่อ"
4. อย่าขาย แต่ให้แก้ปัญหา
จงโฟกัสไปที่การแก้ปัญหาที่ลูกค้าของคุณประสบอยู่ แทนที่จะสร้างสิ่งที่คุณคิดว่าพวกเขาต้องการ สำรวจลูกค้าและสอบถามถึงความช่วยเหลือที่พวกเขาต้องการมากที่สุด จากนั้นจึงแก้ปัญหาให้พวกเขา
สรุป
บทความนี้ Nick Walter แสดงให้พวกเราเห็นว่า Kickstarter ไม่เป็นเพียงแค่แหล่งระดมทุนจากมวลชนเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพที่ใช้พิสูจน์ไอเดียของเขาเองอีกด้วย นอกจากนี้แคมเปญที่นำเสนอยังเปิดกว้างให้กับทรัพย์สินทางปัญญา อย่างคอร์สเรียนที่ช่วยแก้ปัญหาให้ผู้คนได้ หากมีความต้องการในตลาดอยู่จริง วิธีการทดสอบเพื่อดูว่ามีคนพร้อมจ่ายเงินให้อย่างรวดเร็วหรือไม่นั้น คือ การกำหนดราคาแบบ Presell และเขาก็ใช้พิสูจน์ได้ว่าไอเดียนี้มีคนซื้อจริง และมีโอกาสเป็นไอเดียเงินล้านได้
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับสตาร์ทอัพดี ๆ ได้ที่
https://www.facebook.com/startitupth
สุดเจ๋ง Nick Walter ใช้ Kickstarter พิสูจน์ไอเดียเงินล้าน
ก่อนเริ่มทำสตาร์ทอัพคุณควรพิสูจน์ให้ได้เสียก่อนว่า Product ที่คุณจะสร้างมีความต้องการในตลาดอยู่จริงไม่อิงมโน จากการลงภาคสนามไปคลุกคลีลูกค้าเพื่อเสาะหาความต้องการ รวมถึงนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาให้
ดังนั้นการพิสูจน์ไอเดียของคุณให้ได้ก่อนที่จะเริ่มทำ Product จึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการแปลงไอเดียให้กลายเป็นธุรกิจ และส่งผลให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาว
บทความนี้ผมพาคุณมารู้จักอีกแง่มุมหนึ่งของ Kickstarter เว็บระดมทุนจากมวลชนชื่อดัง ซึ่งถูกใช้ในฐานะเวทีพิสูจน์ไอเดียของชายหนุ่มที่ชื่อว่า Nick Walter ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ พร้อมให้แง่คิดดี ๆ แก่ผู้ประกอบการ และสตาร์ทอัพสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการทำธุรกิจได้
More than Crowdfunding
ถ้าเราพูดถึง Kickstarter เว็บไซต์ระดมทุ่มจากมวลชน (Crowdfunding) ชื่อดัง หลายคนมักนึกถึงฮาร์ดแวร์สตาร์ทอัพ (Hardware Startup) ที่ต้องการสร้าง Product ที่จับต้องได้ มานำเสนอในรูปของแคมเปญ เพื่อระดมทุนให้เกิด Product จริง (ตัวอย่างเช่น Pebble นาฬิกาอัจฉริยะ)
แทนที่จะระดมทุน Nick Walter กลับใช้ Kickstarter เป็นเวทีเพื่อทดสอบว่าไอเดียที่เขาจะทำเป็นที่ต้องการในตลาดหรือไม่ ชายหนุ่มได้สร้างแคมเปญคอร์สเรียนขึ้นมาตัวหนึ่ง ชื่อ "How to Make a Freaking iPhone App" หรือ สอนวิธีสร้างแอพไอโฟนเจ๋ง ๆ
Walter เสนอราคาคอร์สเรียนแบบ Presell โดยซอยย่อยเป็น 29, 39 และ 49 เหรียญ จากราคาเต็มที่ 199 เหรียญ เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ชายหนุ่มยังได้เรียนรู้อีกว่าตลาดต้องการ Product ของเขามากทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในช่วงตระเตรียมหลักสูตร และเนื้อหาสำหรับสอน
ในตลาดมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ฝันอยากจะมีแอพสักตัว Walter ไม่เพียงแค่สร้างคอร์สเพื่อสอนผู้ประกอบการเท่านั้น แต่เขายังมองไปถึงการสอนให้คนที่ไม่มีทักษะการเขียนโปรแแกรมมาก่อนให้รู้ว่าการเขียนแอพนั้นมันไม่ใช่เรื่องยาก
การตั้งราคาแบบ Presell
Dane Maxwell จากสตาร์ทอัพ The Foundation กล่าวว่า
"การกำหนดราคาแบบ Presell เป็นวิธีผูกมิตรที่เรียบง่ายกับใครสักคนที่กำลังมีปัญหา และพยายามมองหาทางออกอยู่"
ทาง The Foundation เสนอคอร์สเรียนออนไลน์ 6 เดือน เพื่อสอนวิธีการสร้างซอฟต์แวร์แก่ผู้ประกอบการโดยเริ่มจากศูนย์ ผู้เข้าเรียนไม่จำเป็นต้องมีไอเดีย ทักษะการเขียนโค้ด หรือเงินทุนมาก่อน ในคอร์ส Maxwell จะสอนพื้นฐานที่จำเป็นให้ 6 อย่าง เพื่อให้ผู้เรียนที่จ่าย Presell มีความพร้อมก่อนที่จะออกไปสร้าง Product
Maxwell เคี่ยวกับคอร์สนี้มาก ถ้าผู้เรียนถูกจับได้ว่ากำลังสร้าง Product ในช่วงที่ยังเรียนอยู่ พวกเขาจะถูกไล่ออกทันที Maxwell เชื่อว่าการทำแบบนี้เท่ากับทำลายตัวเองก่อนที่จะมีคนมาซื้อ Product
ดังนั้น อย่าเพิ่งสร้างสินค้าหรือบริการ โดยที่ยังไม่ได้ทดสอบตลาดด้วยวิธีการที่เหมาะสมก่อนเด็ดขาด ในบทความนี้ การพิสูจน์ได้ว่าไอเดียนี้ work ดูได้จากจำนวนเงินที่ Walter ได้รับก่อนที่จะลงมือทำ Product จริง และวิธีการกำหนดราคาแบบ Presell ก็เป็นวิธีที่เรียบง่ายในการรวบรวมเงินจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
วิธีแก้ปัญหาไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของจับต้องได้เสมอไป
อะไรคือปัญหาที่ลูกค้าหรือตลาดกำลังประสบอยู่ และคุณจะเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาให้กับคนเหล่านั้นได้อย่างไร นี่คือโจทย์ที่คุณต้องหาคำตอบให้พบ
จำไว้ว่า Walter ไม่ได้ใช้ Kickstarter ระดมทุนเพื่อสร้างสิ่งของจับต้องได้ อย่าง เคสไอโฟนหรือกล้อง แต่เขาขายทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property: IP) ซึ่งก็คือคอร์สสอนทำแอพ
กุญแจสำคัญที่ช่วยยกระดับ Kickstarter และแหล่งระดมทุนจากมวลชนอื่น ๆ คือ ความน่าสนใจของ Product ที่เสนอเข้ามา ก่อนที่จะลงมือทำจริง ถ้าคุณได้ยอดผู้สนใจออกทุนให้บน Kickstarter จำนวนมาก นั่นหมายถึงคุณได้พิสูจน์แล้วว่า ไอเดียของคุณมีศักยภาพที่จะทำเงินล้าน แคมเปญที่ประสบความสำเร็จได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความต้องการในตลาดจริง และนั่นคือคุณพร้อมที่จะเดินหน้าทำมันให้เต็มที่
ข้อคิดดี ๆ สำหรับผู้ประกอบการจาก Nick Walter
1. น้ำขึ้นให้รีบตัก
Walter เห็นว่ามีคนต้องการเรียนวิธีทำแอพไอโฟน ด้วยภาษาใหม่อย่าง Swift ดังนั้นเขาจึงกระโจนเข้าหาโอกาสนั้นทันที แล้วคุณล่ะจะเริ่มทำเร็วแค่ไหน
2. ลุยได้เลย อย่ามัวแต่รอความสมบูรณ์แบบ
ผู้ประกอบการหลายคนมั่วแต่ รอ รอ รอ แล้วก็รอ เพื่อให้ทุกอย่างพร้อมเข้าที่ ก่อนจะเข็น Product ออกสู่ตลาด แต่ Walter ไม่รอ เขาเรียนรู้ภาษา Swift และปล่อยข้อเสนอออกไปทันที แล้วคุณล่ะจะรอหรือจะสร้าง
3. เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์
ผู้คนมักกังขาในความสามารถของตัวเอง แต่ Walter ไม่ปล่อยให้ความคิดนั้นมาหยุดตัวเขาได้ เขามุ่งไปข้างหน้า โดยพิจารณาตัวเองในปัจจุบัน ซึ่งคุณก็สามารถเป็น Kickstarter ที่ประสบความสำเร็จคนต่อไปได้ ดังที่ Oprah กล่าวว่า "คุณจะเป็นในสิ่งที่คุณเชื่อ"
4. อย่าขาย แต่ให้แก้ปัญหา
จงโฟกัสไปที่การแก้ปัญหาที่ลูกค้าของคุณประสบอยู่ แทนที่จะสร้างสิ่งที่คุณคิดว่าพวกเขาต้องการ สำรวจลูกค้าและสอบถามถึงความช่วยเหลือที่พวกเขาต้องการมากที่สุด จากนั้นจึงแก้ปัญหาให้พวกเขา
สรุป
บทความนี้ Nick Walter แสดงให้พวกเราเห็นว่า Kickstarter ไม่เป็นเพียงแค่แหล่งระดมทุนจากมวลชนเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพที่ใช้พิสูจน์ไอเดียของเขาเองอีกด้วย นอกจากนี้แคมเปญที่นำเสนอยังเปิดกว้างให้กับทรัพย์สินทางปัญญา อย่างคอร์สเรียนที่ช่วยแก้ปัญหาให้ผู้คนได้ หากมีความต้องการในตลาดอยู่จริง วิธีการทดสอบเพื่อดูว่ามีคนพร้อมจ่ายเงินให้อย่างรวดเร็วหรือไม่นั้น คือ การกำหนดราคาแบบ Presell และเขาก็ใช้พิสูจน์ได้ว่าไอเดียนี้มีคนซื้อจริง และมีโอกาสเป็นไอเดียเงินล้านได้
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับสตาร์ทอัพดี ๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/startitupth