ก่อนแบ่งปันประสบการณ์การเปลี่ยนตึกร้างๆที่ไม่มีใครสนใจเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่สร้างเงินนับล้าน
ผมขอเล่าเรื่องราวชีวิตก่อนนะคับ ผมเป็นเด็กบ้านอกจบประถมต้องมาช่วยพ่อทำสวน ทำงานก่อสร้าง กรีดยาง บอกตรงๆว่าเหนื่อยมาก และอยากหาอะไรทำที่สบาย
เห็นในหนังสือมีรับสมัครทำงานในห้างที่กรุงเทพก็สนใจคิดว่าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย แต่ด้วยความเป็นเด็กก็ไม่กล้าที่จะออกจากบ้าน
พอดีมีโอกาสเรียนต่อควบคู่กับการทำงานและในที่สุดก็จบ ม.ปลาย เลยไปสมัครเรียนต่อระดับ ปวส. ที่วิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่ง พอเรียนจบก็สมัครเรียนทุนอาชีวะในระดับเทียบเท่าปริญญาตรีเมื่อจบแล้วจะได้บรรจุเป็นครูสังกัดกรมอาชีวศึกษาในสมัยนั้น
แต่เรื่องก็ไม่ได้สวยหรูตามนั้น พอเข้าไปเรียนได้เทอมแรกสถานศึกษาก็แจ้งว่ารัฐบาลงดการให้ทุนในปีนี้เนื่องจากถูกจำกัดอัตราข้าราชการ และไม่มีงบประมาณในการให้ทุนเรียน
อารมณ์ตอนนั้นเหมือนโดนหลอกให้ไปเรียน แต่ไหนๆก็เริ่มเรียนแล้วคงไม่ถอยแล้ว ก็ต้องกู้เงิน กยศ. เรียน พอเรียนจบ เลยไปสมัครเป็นครูอัตราจ้างที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี
ทำงานได้สองปีคิดว่าไม่มั่นคงเพราะเราเป็นแค่อัตราจ้าง เลยเข้ากรุงเทพมาสอบบรรจุทำงานในมหาวิยาลัยชื่อดังของประเทศแถวสามย่าน
ก็ต้องย้ายครอบครัวเข้ากรุงเทพ (แต่งงานตอนเป็นครูอัตราจ้างภรรยาตั้งท้องได้สองเดือน) เริ่มลำบากอีกครั้งกับการใช้ชีวิตในกรุงเทพ ต้องทำงานคนเดียวภรรยาตกงานไม่มีที่ไหนรับคนท้องทำงาน ส่วนผมเองทำงานในห้องแลป
แต่ด้วยความเป็นคนเรียนรู้งานทุกอย่างเลยได้รับโอกาสก้าวสู่งานด้านบริหาร และเข้าศึกษาต่อจนจบปริญญาโทด้านการบริหารในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ระหว่างทำงานมีเวลาว่างเสาร์อาทิตย์ และจากอยู่บ้านเช่าก็เริ่มอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เลยรวบรวมเงินได้ 20,000 บาท เพื่อไปประมูลบ้านที่กรมบังคับคดี สมัยนั้นต้องว่างหลักประกันการประมูล 50,000 บาท
ทำไงละทีนี้เลยขอยืมเงินหลานซึ่งเรียนชั้นประถมซึ่งได้เงินเก็บจากการเป็นนักมวยอีก 30,000 บาท ก็ดอาไปประมูลบ้านแต่บ้านที่อยากได้กลับประมูลสู้เขาไม่ได้
กลับกลายเป็นโชคดี มีการประมูลที่ดินอีกสองแปลงติดกันแปลงแรกเป็นที่ดินผืนใหญ่ราคาสูงเรายังนั้งดูอยู่มีคนประมูลได้ไป พอเริ่มแปลงที่สองเป็นที่ดินแปลงเล็กๆ แค่ 11 ตารางวา คนที่ประมูลได้แปลงแรกเขาก็จะประมูลต่อเพราะถ้าเขาไม่ประมูลที่ดินที่เขาประมูลได้แปลงแรกจะเป็นที่ตาบอดทันที่
แต่เขากลับเข้าประมูลไม่ได้เพราะได้บัตรประมูลใบเดียววางประกันไว้แค่ 50,00 บาท เลยเป็นโอกาสของเราทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าที่ 11 ตารางวาจะเอาไปทำอะไรได้ แต่รู้ว่ามันคือโอกาส
เลยประมูลได้โดยไม่มีคู่แข่ง (ไม่มีคนแข่งเพราะที่น้อยมากทำอะไรไม่ได้) พอประมูลเสร็จในราคาแสนต้นๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งประมูลที่ผืนใหญ่แปลงด้านในตามประกบเราทันที และขอซื้อเราสูงกว่าราคาที่เราประมูลหลายเท่า
และนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่อาชีพเสริมเงินล้าน
จากนั้นมาก็เริ่มไปประมูลบ้าน ที่ดิน คอนโด ได้มาก็ขายไป ยอมรับว่าได้เงินดีมากๆ ระยะหลังๆ การแข่งขันในการประมูลมีมากขึ้น
ซึ่งเรารู้แล้วว่าการทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาฯ มันทำให้เรามีโอกาสรวยได้แน่ๆ แต่เราจะเริ่มเป็นนักพัฒนาอสังหาฯ ได้อย่างไร และนี้คือสิ่งที่จะวิเคราะห์และแบ่งปันประสบการณ์ให้ทราบกัน
ถ้าเพื่อนๆท่านใดสนใจประสบการณ์สร้างเงินล้านง่ายๆ รอติดตามนะคับผมจะแบ่งปันในตอนต่อไป
"จากร้อยสู่ล้าน : เปลี่ยนตึกร้างกลางกรุงเป็นอพาร์ทเม้นท์"
ก่อนแบ่งปันประสบการณ์การเปลี่ยนตึกร้างๆที่ไม่มีใครสนใจเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่สร้างเงินนับล้าน
ผมขอเล่าเรื่องราวชีวิตก่อนนะคับ ผมเป็นเด็กบ้านอกจบประถมต้องมาช่วยพ่อทำสวน ทำงานก่อสร้าง กรีดยาง บอกตรงๆว่าเหนื่อยมาก และอยากหาอะไรทำที่สบาย
เห็นในหนังสือมีรับสมัครทำงานในห้างที่กรุงเทพก็สนใจคิดว่าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย แต่ด้วยความเป็นเด็กก็ไม่กล้าที่จะออกจากบ้าน
พอดีมีโอกาสเรียนต่อควบคู่กับการทำงานและในที่สุดก็จบ ม.ปลาย เลยไปสมัครเรียนต่อระดับ ปวส. ที่วิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่ง พอเรียนจบก็สมัครเรียนทุนอาชีวะในระดับเทียบเท่าปริญญาตรีเมื่อจบแล้วจะได้บรรจุเป็นครูสังกัดกรมอาชีวศึกษาในสมัยนั้น
แต่เรื่องก็ไม่ได้สวยหรูตามนั้น พอเข้าไปเรียนได้เทอมแรกสถานศึกษาก็แจ้งว่ารัฐบาลงดการให้ทุนในปีนี้เนื่องจากถูกจำกัดอัตราข้าราชการ และไม่มีงบประมาณในการให้ทุนเรียน
อารมณ์ตอนนั้นเหมือนโดนหลอกให้ไปเรียน แต่ไหนๆก็เริ่มเรียนแล้วคงไม่ถอยแล้ว ก็ต้องกู้เงิน กยศ. เรียน พอเรียนจบ เลยไปสมัครเป็นครูอัตราจ้างที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี
ทำงานได้สองปีคิดว่าไม่มั่นคงเพราะเราเป็นแค่อัตราจ้าง เลยเข้ากรุงเทพมาสอบบรรจุทำงานในมหาวิยาลัยชื่อดังของประเทศแถวสามย่าน
ก็ต้องย้ายครอบครัวเข้ากรุงเทพ (แต่งงานตอนเป็นครูอัตราจ้างภรรยาตั้งท้องได้สองเดือน) เริ่มลำบากอีกครั้งกับการใช้ชีวิตในกรุงเทพ ต้องทำงานคนเดียวภรรยาตกงานไม่มีที่ไหนรับคนท้องทำงาน ส่วนผมเองทำงานในห้องแลป
แต่ด้วยความเป็นคนเรียนรู้งานทุกอย่างเลยได้รับโอกาสก้าวสู่งานด้านบริหาร และเข้าศึกษาต่อจนจบปริญญาโทด้านการบริหารในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ระหว่างทำงานมีเวลาว่างเสาร์อาทิตย์ และจากอยู่บ้านเช่าก็เริ่มอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เลยรวบรวมเงินได้ 20,000 บาท เพื่อไปประมูลบ้านที่กรมบังคับคดี สมัยนั้นต้องว่างหลักประกันการประมูล 50,000 บาท
ทำไงละทีนี้เลยขอยืมเงินหลานซึ่งเรียนชั้นประถมซึ่งได้เงินเก็บจากการเป็นนักมวยอีก 30,000 บาท ก็ดอาไปประมูลบ้านแต่บ้านที่อยากได้กลับประมูลสู้เขาไม่ได้
กลับกลายเป็นโชคดี มีการประมูลที่ดินอีกสองแปลงติดกันแปลงแรกเป็นที่ดินผืนใหญ่ราคาสูงเรายังนั้งดูอยู่มีคนประมูลได้ไป พอเริ่มแปลงที่สองเป็นที่ดินแปลงเล็กๆ แค่ 11 ตารางวา คนที่ประมูลได้แปลงแรกเขาก็จะประมูลต่อเพราะถ้าเขาไม่ประมูลที่ดินที่เขาประมูลได้แปลงแรกจะเป็นที่ตาบอดทันที่
แต่เขากลับเข้าประมูลไม่ได้เพราะได้บัตรประมูลใบเดียววางประกันไว้แค่ 50,00 บาท เลยเป็นโอกาสของเราทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าที่ 11 ตารางวาจะเอาไปทำอะไรได้ แต่รู้ว่ามันคือโอกาส
เลยประมูลได้โดยไม่มีคู่แข่ง (ไม่มีคนแข่งเพราะที่น้อยมากทำอะไรไม่ได้) พอประมูลเสร็จในราคาแสนต้นๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งประมูลที่ผืนใหญ่แปลงด้านในตามประกบเราทันที และขอซื้อเราสูงกว่าราคาที่เราประมูลหลายเท่า
และนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่อาชีพเสริมเงินล้าน
จากนั้นมาก็เริ่มไปประมูลบ้าน ที่ดิน คอนโด ได้มาก็ขายไป ยอมรับว่าได้เงินดีมากๆ ระยะหลังๆ การแข่งขันในการประมูลมีมากขึ้น
ซึ่งเรารู้แล้วว่าการทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาฯ มันทำให้เรามีโอกาสรวยได้แน่ๆ แต่เราจะเริ่มเป็นนักพัฒนาอสังหาฯ ได้อย่างไร และนี้คือสิ่งที่จะวิเคราะห์และแบ่งปันประสบการณ์ให้ทราบกัน
ถ้าเพื่อนๆท่านใดสนใจประสบการณ์สร้างเงินล้านง่ายๆ รอติดตามนะคับผมจะแบ่งปันในตอนต่อไป