หนังญี่ปุ่นที่หนวกหูที่สุดตลอดกาล !
เรื่องนี้จริงๆ โดนน้องบังคับไปดูครับ เพราะภาคแรกไปดูกันมาแล้ว แต่ผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ อย่างอื่นยังพอไหวแต่อีพระเอกนี่ไม่ได้ดั่งใจเลยจริงๆ มันช่างต่างกับในหนังสือการ์ตูน แบบหาที่เปรียบไม่ได้
ภาคนี้คือบทสรุปครับ ถึงจะสรุปได้ห้วนไปหน่อยก็เถอะ ยังไงซะเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับที่จะต้องเปรียบเทียบกับการ์ตูน ทั้งมังงะ ทั้งอนิเมะ ที่สร้างกันก่อนหมดแล้ว สำหรับผม คนข้างผิดหวังกับหนังคนแสดงเรื่องนี้นะ
ชมก่อนละกัน เดี๋ยวค่อยติแบบถล่มทลาย ในส่วนของการคัดเลือกนักแสดงถือว่าทำได้ดีครับ หลายๆ คนเหมาะสมกับบทบาทดี ก็ให้ความรู้สึกเหมือนในหนังสือการ์ตูนอยู่ ยกเว้นพระเอก ส่วนเรื่องการดัดแปลงบทก็ทำได้ดีครับ รวบจากหนังสือ 8 เล่ม ให้เหลือเป็นหนังสองภาคได้ ก็ตัดไปเยอะเหมือนกันครับ ตัวละครหายไปหลายตัว ถ้านับแต่เรื่องบทก็ถือว่าลงตัวดีครับ ตัดได้ดี เนื้อหาหลักอยู่ครบ และนักแสดงก็เล่นกันได้ดี ยกเว้นพระเอก (อีกแล้ว ?)
ต่อไปจะขอติให้สาแก่ใจ สิ่งแรกที่ผมรู้สึกว่ามันผิดที่ผิดทางมากสำหรับหนังเรื่องนี้คือดนตรีประกอบครับ มันช่างไม่สร้างอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ในหนังซะเลย แต่กลับก่อให้เกิดความรำคาญด้วยซ้ำ ให้ผลได้ตรงข้ามดี 555+ ไอ้เสียง วื้ด วื้ด นี่จะใส่มาทำไมเยอะแยะครับ ทำเป็นหนังสยองขวัญไปได้ แกเป็นหนังแอคชั่น ดราม่า ไซไฟ นะเว้ย สงสัยจะลืมตัว แล้วดนตรีที่ใช่ในฉากจะซึ้ง จะตรึงใจ จะระเบิดความรู้สึก เอ่อ ใช้เสียงระฆังโบสถ์ มันคืออะไรครับ เหง่ง เหง่ง เนี่ย ? มันไม่ได้ให้อารมณ์ร่วมกันซีนนั้นๆ เลยนะครับ เป็นอะไรที่ผมรู้สึกว่ามันผิดที่ผิดทางอย่างที่สุดอ่ะ หนวกหูอีกตังหาก
ซีจี ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานของหนังญี่ปุ่นครับ ไม่เนียนมาก แต่มีเอกลักษณ์ ก็โอเค
ฉากแอคชั่น แน่นอนครับ ในมังงะมันเป็นอะไรที่ดีงามมาก มีทั้งความรวดเร็วและใช้สมอง แต่พอทำเป็นหนัง แล้วมันไม่ค่อยเท่าไหร่อ่ะ คือ พอมันเร็วมากแล้วมันเลยดูไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วยังจะชอบไปสู้กันตอนมืดๆ อี๊ก ฉากสู้กันก็น้อยลง เห็นแต่เลือดอ่ะ ภาคแรกผมว่ายังพอได้นะ แต่ภาคนี้นี่ขอยอมแพ้จริงๆ
ตั้งแต่ตอนที่เป็นมังงะ เรื่องนี้จะเน้นถึงเรื่องความแตกต่างของวรรณะ และคุณค่าความเป็นคนครับ อะไรคือคน อะไรคือปีศาจ พอทำเป็นหนังก็พยายามเอาส่วนนี้มาขยายแหละครับ แต่ผมว่าเอามาทำได้ยืดเยื้อเกินไป และมันก็ไม่ได้กระแทกอารมณ์แต่ประการใดเลย
สรุป ถ้าดูภาคแรกแล้ว จะไป Mission Complete กับภาคนี้ก็ได้นะครับ แต่อย่าคาดหวังอะไรมาก เพราะสำหรับผม มันเป็นหนังที่ไม่ค่อยจะมีอารมณ์ร่วมเลยครับ ถ้าเทียบกับหนังที่ทำมาจากมังงะเรื่องอื่น อย่างเช่น ซามูไรพเนจร หรือ Gantz ผมให้เรื่องนี้อยู่ที่โหล่ในใจเลยล่ะ แต่กับ ทามิยะ เรียวโกะ นี่ผมยอมใจจริงๆ ครับ นี่คือส่วนดีของหนังที่ทำให้ผมดูได้จนจบ ใครที่เป็นสาวกอาเจ้ ตั้งใจจะไปดูอาเจ้โดยเฉพาะ รับรองเลยครับว่าไม่ผิดหวัง
[CR] ไก่การีวิว : Parasyte Part 2 - ปรสิต เพื่อนรักเขมือบโลก 2
เรื่องนี้จริงๆ โดนน้องบังคับไปดูครับ เพราะภาคแรกไปดูกันมาแล้ว แต่ผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ อย่างอื่นยังพอไหวแต่อีพระเอกนี่ไม่ได้ดั่งใจเลยจริงๆ มันช่างต่างกับในหนังสือการ์ตูน แบบหาที่เปรียบไม่ได้
ภาคนี้คือบทสรุปครับ ถึงจะสรุปได้ห้วนไปหน่อยก็เถอะ ยังไงซะเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับที่จะต้องเปรียบเทียบกับการ์ตูน ทั้งมังงะ ทั้งอนิเมะ ที่สร้างกันก่อนหมดแล้ว สำหรับผม คนข้างผิดหวังกับหนังคนแสดงเรื่องนี้นะ
ชมก่อนละกัน เดี๋ยวค่อยติแบบถล่มทลาย ในส่วนของการคัดเลือกนักแสดงถือว่าทำได้ดีครับ หลายๆ คนเหมาะสมกับบทบาทดี ก็ให้ความรู้สึกเหมือนในหนังสือการ์ตูนอยู่ ยกเว้นพระเอก ส่วนเรื่องการดัดแปลงบทก็ทำได้ดีครับ รวบจากหนังสือ 8 เล่ม ให้เหลือเป็นหนังสองภาคได้ ก็ตัดไปเยอะเหมือนกันครับ ตัวละครหายไปหลายตัว ถ้านับแต่เรื่องบทก็ถือว่าลงตัวดีครับ ตัดได้ดี เนื้อหาหลักอยู่ครบ และนักแสดงก็เล่นกันได้ดี ยกเว้นพระเอก (อีกแล้ว ?)
ต่อไปจะขอติให้สาแก่ใจ สิ่งแรกที่ผมรู้สึกว่ามันผิดที่ผิดทางมากสำหรับหนังเรื่องนี้คือดนตรีประกอบครับ มันช่างไม่สร้างอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ในหนังซะเลย แต่กลับก่อให้เกิดความรำคาญด้วยซ้ำ ให้ผลได้ตรงข้ามดี 555+ ไอ้เสียง วื้ด วื้ด นี่จะใส่มาทำไมเยอะแยะครับ ทำเป็นหนังสยองขวัญไปได้ แกเป็นหนังแอคชั่น ดราม่า ไซไฟ นะเว้ย สงสัยจะลืมตัว แล้วดนตรีที่ใช่ในฉากจะซึ้ง จะตรึงใจ จะระเบิดความรู้สึก เอ่อ ใช้เสียงระฆังโบสถ์ มันคืออะไรครับ เหง่ง เหง่ง เนี่ย ? มันไม่ได้ให้อารมณ์ร่วมกันซีนนั้นๆ เลยนะครับ เป็นอะไรที่ผมรู้สึกว่ามันผิดที่ผิดทางอย่างที่สุดอ่ะ หนวกหูอีกตังหาก
ซีจี ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานของหนังญี่ปุ่นครับ ไม่เนียนมาก แต่มีเอกลักษณ์ ก็โอเค
ฉากแอคชั่น แน่นอนครับ ในมังงะมันเป็นอะไรที่ดีงามมาก มีทั้งความรวดเร็วและใช้สมอง แต่พอทำเป็นหนัง แล้วมันไม่ค่อยเท่าไหร่อ่ะ คือ พอมันเร็วมากแล้วมันเลยดูไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วยังจะชอบไปสู้กันตอนมืดๆ อี๊ก ฉากสู้กันก็น้อยลง เห็นแต่เลือดอ่ะ ภาคแรกผมว่ายังพอได้นะ แต่ภาคนี้นี่ขอยอมแพ้จริงๆ
ตั้งแต่ตอนที่เป็นมังงะ เรื่องนี้จะเน้นถึงเรื่องความแตกต่างของวรรณะ และคุณค่าความเป็นคนครับ อะไรคือคน อะไรคือปีศาจ พอทำเป็นหนังก็พยายามเอาส่วนนี้มาขยายแหละครับ แต่ผมว่าเอามาทำได้ยืดเยื้อเกินไป และมันก็ไม่ได้กระแทกอารมณ์แต่ประการใดเลย
สรุป ถ้าดูภาคแรกแล้ว จะไป Mission Complete กับภาคนี้ก็ได้นะครับ แต่อย่าคาดหวังอะไรมาก เพราะสำหรับผม มันเป็นหนังที่ไม่ค่อยจะมีอารมณ์ร่วมเลยครับ ถ้าเทียบกับหนังที่ทำมาจากมังงะเรื่องอื่น อย่างเช่น ซามูไรพเนจร หรือ Gantz ผมให้เรื่องนี้อยู่ที่โหล่ในใจเลยล่ะ แต่กับ ทามิยะ เรียวโกะ นี่ผมยอมใจจริงๆ ครับ นี่คือส่วนดีของหนังที่ทำให้ผมดูได้จนจบ ใครที่เป็นสาวกอาเจ้ ตั้งใจจะไปดูอาเจ้โดยเฉพาะ รับรองเลยครับว่าไม่ผิดหวัง