นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. ชี้แจงถึงกรณีมติเรื่องใช้คอมพิวเตอร์ของพระสงฆ์ว่า ที่จริงแล้ว มตินี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2547 ซึ่งมาจากเหตุการณ์ที่มีพระภิกษุรูปหนึ่งโพสต์ข้อความบางอย่างที่ไม่เหมาะสม โดยหลังจากนั้นได้ลาสิกขาออกไป แต่ก็ยืนยันว่ามตินี้ไม่ใช่การห้ามพระสงฆ์เล่นโซเชียล แต่เพียงต้องการให้พระสงฆ์เล่นอย่างเหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าอาวาสและคณะผู้ปกครองแต่ละวัดในการดูแลพระสงฆ์ในสังกัดอยู่แล้ว
นอกจากนี้นายชยพล ระบุว่า การใช้โซเชียลของพระสงฆ์ที่นำไปสู่การศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำ แต่หากใช้ไปในทางที่นำไปสู่ความผิดทางพระธรรมวินัย หรือทางกฎหมาย เช่น เกิดคดีความทางอาญา หรือผิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ จนทำให้ทางโลกติเตียนก็ถือเป็นกระบวนการของศาลสงฆ์ที่จะนำไปพิจารณาสละสมณเพศ
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1439799519
ไม่ได้ห้ามพระเล่นโซเชียล หลังคนวิจารณ์มติคาดโทษ พศ.ชี้ใช้เผยแพร่ทางศาสนาได้
นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. ชี้แจงถึงกรณีมติเรื่องใช้คอมพิวเตอร์ของพระสงฆ์ว่า ที่จริงแล้ว มตินี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2547 ซึ่งมาจากเหตุการณ์ที่มีพระภิกษุรูปหนึ่งโพสต์ข้อความบางอย่างที่ไม่เหมาะสม โดยหลังจากนั้นได้ลาสิกขาออกไป แต่ก็ยืนยันว่ามตินี้ไม่ใช่การห้ามพระสงฆ์เล่นโซเชียล แต่เพียงต้องการให้พระสงฆ์เล่นอย่างเหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าอาวาสและคณะผู้ปกครองแต่ละวัดในการดูแลพระสงฆ์ในสังกัดอยู่แล้ว
นอกจากนี้นายชยพล ระบุว่า การใช้โซเชียลของพระสงฆ์ที่นำไปสู่การศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำ แต่หากใช้ไปในทางที่นำไปสู่ความผิดทางพระธรรมวินัย หรือทางกฎหมาย เช่น เกิดคดีความทางอาญา หรือผิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ จนทำให้ทางโลกติเตียนก็ถือเป็นกระบวนการของศาลสงฆ์ที่จะนำไปพิจารณาสละสมณเพศ
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1439799519