ปรัชญาของตาอ้วน : v Aston Villa@14/08/15
ณ เวลานี้ แฟนปีศาจแดงคงเอือมระอาเต็มที กับฟอร์มการเล่นของทีม เรียกได้ว่า จะบุกก็ไม่เอา จะเผาก็ไม่ไหว จะส่งก็ไม่ตรง จะรับก็ยังเหวอ เห้อ... ตกลงจะเอายังไงกันแน่เนี่ยผี?
ผมเองก็หนึ่งในสาวกปีศาจที่เฝ้าติดตาม และพยายามจะทำความเข้าใจ "ปรัชญา" ที่แม่ทัพพุงพลุ้ย ผู้ที่กำความหวังของมวลมุษยชาติเอาไว้ แต่กลับผู้นั่งชิลล์จุ้มปุ้กอยู่กะม้านั่งตลอด 90 นาที "หลุยส์ ฟาล ฮัล" ผู้ที่ตะบี้ตะบันยืนยันแทคติคทรงนี้เอาไว้ปีกว่าๆ เริ่มตั้งแต่ฤดูกาลก่อน
ภาพที่เราได้เห็นคือ ผู้เล่นทุกตำแหน่ง "ยืนถ่าง" ประจำอยู่ที่ตำแหน่งตัวเอง ตามกระดานวางแทคติคเป๊ะๆ ไม่มีการวิ่งเข้าหาบอล หาช่อง เพื่อที่จะต่อบอลกันสั้นๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้การส่งบอลแต่ละครั้ง ไกลกว่าปกติ ...แน่นอน มันทำให้ฝ่ายตรงข้าม สามารถแย่งได้โดยง่าย ถ้าน้ำหนักขาด หรือทิศทางเป๋ และนั่นพาไปสู่การเสียประตู
การเข้าทำประตู แทบจะไร้ซึ่งจินตนาการใดๆ บวกกับฟอร์มกองหน้าค่าเหนื่อยแพงระยับอย่างเวย์น รูนีย์ ที่แทบจะไม่เหลือวิญญาณกองหน้าอาชีพอยู่
ทำให้เกมส์รุกของอสูรแดง ดูน่ารัก กุ๊กกิ๊ก ไร้ซึ่งความน่าเกรงขาม...
ภาพที่เห็นจนชินตาของฤดูกาลที่แล้วคือ การส่งบอลไปมาซ้าย-ขวา-คืนหลัง(เลวร้ายถึงขนาดบุกๆอยู่หน้าประตูคู่แข่ง ส่งไปมาจนคืนไปถึงโกล์ตัวเอง) สุดท้ายจบด้วยการออกไปปีกซ้าย ให้แอชลีย์ ยัง เปิดเข้ามาหน้าประตู โหม่งได้ก็โหม่ง โหม่งไม่ได้? ก็เรื่องของ... และจบคอมโบด้วยท่าไม้ตาย แก้เกมส์ด้วยการส่งมารูยาน เฟลไลนี่มายืนหน้าเป้า รอลูกโหม่งของ อ.ยัง ...พระสงฆ์ นี่มันฟุตบอลสมัยไหนกัน??
เริ่มฤดูกาลกับแทคติคเดิมครับ เราจะได้เห็นภาพเดิมอีกหนึ่งฤดูกาล ถ้าไม่เลวร้ายถึงขนาดตกไปที่โหล่ของตารางตั้งแต่ครึ่งฤดูกาลแรก จน อ.หลุยส์ โดนไล่ออกไปเสียก่อนนะ แต่ปรากฏว่า ดูไปดูมา ทรงสองเกมส์แรก นักบอลแต่ละคนดูมั่นใจในการส่งบอลไปมา และยืนถ่างประจำตำแหน่ง!
เอ... ดูมีทรงครับๆ ส่งบอลกันอย่างรวดเร็ว มีจุดหมาย ไม่ได้ดูเป็นการส่งบอลไปงั้นๆ เพราะไม่รู้จะส่งใคร สุดท้ายต้องส่งคืนหลัง แบบที่แล้วๆ มา และที่สำคัญเกมส์รับแน่นปึ้ก!! ไม่ทราบว่า สมอลลิ่ง กับบลินด์ ไปกินอะไรมา กลับกลายเป็นภูผา ด้านหลังที่แข็งปัง ไว้ใจได้ ไม่มีลูกเหวอให้เห็นเลย บวกกับการมาของ มัทเตโอ ดาเมี่ยน ซึ่งประทับใจเป็นการส่วนตัวมากครับ เติมเกมส์รุกได้ไม่ขี้เหร่เลย ที่สำคัญคือแทคติกอิตาเลี่ยนแท้ๆ แข็งแกร่ง เยือกเย็น (ถ้าได้ดูกันคงจะได้เห็นช็อท 'กวนตีน' ไมก้า ริชาร์ดส์ 2 ช็อทเน้นๆ เล่นเอาริชาร์ดส์เสียทรงไปเลย
https://vine.co/v/edLvOeVKUX1)
ลุค ชอว์ ก็ดูจะเข้ารูปเข้ารอย รับส่งบอลกะเพื่อนอย่างรู้ใจมากขึ้น เติมเกมส์รุกได้เรื่อยๆ ส่วนโกล์อย่างโรเมโร่ ดูเชื่อใจได้ ไม่น่ากังวลเท่าไหร่ ต้องพิสูจน์ลูกยากๆอีกทีนึง
แผงกลางแน่นครับ ครึ่งแรกเราได้เห็นคาร์ริค คู่กับ ชไนเดอร์แลง คาร์ริคทำได้ตามมาตรฐาน ส่วนชไนเดอร์แลง แย่งบอลได้สวยๆ สองสามครั้งด้วยกัน ดูเช้าท่า ไม่มีการส่งบอลพลาดง่ายๆ ให้เห็นเลย นั่นทำให้แอสตันไม่สามารถจะเล่นเกมส์รุกได้เลย
ส่วนปีกซ้าย เดปาย ทำได้ดีน่าประทับใจทีเดียว ถ้าลูกยิงปั่นเมื่อคืนเข้าไป คงจะได้รับคำชมมากกว่านี้ แต่นี่เพิ่งเป็นนัดที่สองของฤดูกาล และเป็นนัดแรกในตำแหน่งที่ถนัด เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาครับ ดาวซัลโวจากเนเธอแลนด์ ยังมีอะไรซ่อนไว้อีกมาก ต้องรอชมกันต่อไป
ปีกขวา มาต้า ยังคงไม่โดดเด่น ตามเคย ไม่แน่ใจว่าจะต้องฝืนให้มาต้าเล่นในตำแหน่งนี้อีกนานเท่าไหร่ ในใจยังคงคิดว่าเค้าเล่นหน้าต่ำได้ดีที่สุด เห็นได้ชัดๆคือ จังหวะที่ตัดเข้ากลางไปแทงให้เดปายสอดเข้าไปปั่น ได้ลุ้นนั่นเอง
ยานาไซจ์ ดูดีขึ้นมาบ้าง จากโอกาสยิงประตู ที่ดึงบอลหลอกได้สวยงาม และจบสกอร์เข้าไปได้ แต่ที่ยังเห็นได้ตลอดเกมส์ คือการฝืนเลี้ยงบอลชนกับฝ่ายตรงข้าม หุ่นอย่างนี้ชนกะเค้าไม่ไหวแน่นอนครับ เบียดเข้าไปๆ สุดท้ายเสียบอลเพราะต้านแรงปะทะไม่ไหว
ก็แหงล่ะครับ ตัวบางอย่างนั้น พรีเมียร์ลีกกับลีกสำรอง ต่างกันคนละเรื่องครับ ถ้าไม่รู้จุดอ่อนตัวเอง จุดแข็งก็ไม่มีประโยชน์ครับ
กองหน้า ต้องพูดถึงมั้ยครับ? กองหน้าตัวความหวัง, กัปตันทีม, ค่าเหนื่อย 3 แสนปอนด์ต่อวีค ...ไม่มีอะไรน่าประทับใจเลยซักนิดครับ ผิดหวังครับ ฟอร์มอย่างนี้ควรดรอปดีกว่ามั้ยครับ? ความกระหายในการเล่นไม่มีเลย ให้โอกาสกองหน้าคนอื่นน่าจะเวิร์คกว่าครับ
ส่วนตัวที่พยายามตกตะกอนดูมาตั้งแต่ปรีซีซั่น ข้อได้เปรียบชัดๆ ของแทคติคที่เล่นอยู่ คือ คู่แข่งไม่มีโอกาสได้ครองบอลอย่างถนัดถนี่ เมื่อไม่มีบอล ก็ทำเกมส์รุกไม่ได้ โอกาสเสียประตูก็น้อยลง (ที่เป็นอย่างนี้ได้ ก็เพราะว่า ส่งบอลกันแม่นยำขึ้น มั่นใจ และกองหลังไม่พลาดเหวอง่ายๆด้วย) เมื่อคู่ต่อสู้ไม่มีโอกาสทำประตูได้ และทีมสามารถเปลี่ยนโอกาสที่มีให้กลายเป็นประตูได้ ยิงมากกว่า = ชนะครับ (แทคติคนี้อยู่ฟากตรงข้ามกับ tiki-taka อย่างสิ้นเชิง น่าสนใจทีเดียว?) แต่สุดท้ายที่ต้องพิสูจน์คือเกมส์ใหญ่ครับ รอดูเกมส์ใหญ่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ว่าจะเป็นไปอย่างที่ฝันรึเปล่า อย่างน้อย ตอนนี้เริ่มจะมองออกว่า ตาอ้วนหลุยส์ แกคิดอะไรอยู่ในใจ และมั่นใจในสิ่งนี้เอาซะมากๆ ถึงยืนกรานเล่นแบบเดิมอย่างมั่นคงมาเป็นปีที่สองติดต่อกัน นัดหน้าเจอคลับ บรูกก์ ในแชมป์เปี้ยนส์ ลีกส์ อีกหนึ่งด่านสำคัญ มาตรฐานเวทียุโรป แข็งกว่าทีมกลางตาราง BPL หลายก้าวทีเดียว รอดูกันครับ
คะแนนความสามารถผู้เล่น
Sergio Romeo : 6
Cris Smalling : 7
Daley Blind : 7
Matteo Darmian : 7
Luke Shaw : 7
Morgan Schneiderlin : 7
Michael Carrick : 7
Juan Mata : 6
Memphis : 7
Adnan Januzaj : 6
Wayne Rooney : 5
Bastien ชไวน์สไตน์เกอร์ (สะกดยากไป ยอม) : 6
Ander Herrera : 6
Ashley Young : 5
David De Gea : olo
Next Match : V Club Brugge @18 Aug, UCL
เด็กผีขี้ตู่ : ปรัชญาของตาอ้วน : v Aston Villa @14/08/15
ณ เวลานี้ แฟนปีศาจแดงคงเอือมระอาเต็มที กับฟอร์มการเล่นของทีม เรียกได้ว่า จะบุกก็ไม่เอา จะเผาก็ไม่ไหว จะส่งก็ไม่ตรง จะรับก็ยังเหวอ เห้อ... ตกลงจะเอายังไงกันแน่เนี่ยผี?
ผมเองก็หนึ่งในสาวกปีศาจที่เฝ้าติดตาม และพยายามจะทำความเข้าใจ "ปรัชญา" ที่แม่ทัพพุงพลุ้ย ผู้ที่กำความหวังของมวลมุษยชาติเอาไว้ แต่กลับผู้นั่งชิลล์จุ้มปุ้กอยู่กะม้านั่งตลอด 90 นาที "หลุยส์ ฟาล ฮัล" ผู้ที่ตะบี้ตะบันยืนยันแทคติคทรงนี้เอาไว้ปีกว่าๆ เริ่มตั้งแต่ฤดูกาลก่อน
ภาพที่เราได้เห็นคือ ผู้เล่นทุกตำแหน่ง "ยืนถ่าง" ประจำอยู่ที่ตำแหน่งตัวเอง ตามกระดานวางแทคติคเป๊ะๆ ไม่มีการวิ่งเข้าหาบอล หาช่อง เพื่อที่จะต่อบอลกันสั้นๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้การส่งบอลแต่ละครั้ง ไกลกว่าปกติ ...แน่นอน มันทำให้ฝ่ายตรงข้าม สามารถแย่งได้โดยง่าย ถ้าน้ำหนักขาด หรือทิศทางเป๋ และนั่นพาไปสู่การเสียประตู
การเข้าทำประตู แทบจะไร้ซึ่งจินตนาการใดๆ บวกกับฟอร์มกองหน้าค่าเหนื่อยแพงระยับอย่างเวย์น รูนีย์ ที่แทบจะไม่เหลือวิญญาณกองหน้าอาชีพอยู่
ทำให้เกมส์รุกของอสูรแดง ดูน่ารัก กุ๊กกิ๊ก ไร้ซึ่งความน่าเกรงขาม...
ภาพที่เห็นจนชินตาของฤดูกาลที่แล้วคือ การส่งบอลไปมาซ้าย-ขวา-คืนหลัง(เลวร้ายถึงขนาดบุกๆอยู่หน้าประตูคู่แข่ง ส่งไปมาจนคืนไปถึงโกล์ตัวเอง) สุดท้ายจบด้วยการออกไปปีกซ้าย ให้แอชลีย์ ยัง เปิดเข้ามาหน้าประตู โหม่งได้ก็โหม่ง โหม่งไม่ได้? ก็เรื่องของ... และจบคอมโบด้วยท่าไม้ตาย แก้เกมส์ด้วยการส่งมารูยาน เฟลไลนี่มายืนหน้าเป้า รอลูกโหม่งของ อ.ยัง ...พระสงฆ์ นี่มันฟุตบอลสมัยไหนกัน??
เริ่มฤดูกาลกับแทคติคเดิมครับ เราจะได้เห็นภาพเดิมอีกหนึ่งฤดูกาล ถ้าไม่เลวร้ายถึงขนาดตกไปที่โหล่ของตารางตั้งแต่ครึ่งฤดูกาลแรก จน อ.หลุยส์ โดนไล่ออกไปเสียก่อนนะ แต่ปรากฏว่า ดูไปดูมา ทรงสองเกมส์แรก นักบอลแต่ละคนดูมั่นใจในการส่งบอลไปมา และยืนถ่างประจำตำแหน่ง!
เอ... ดูมีทรงครับๆ ส่งบอลกันอย่างรวดเร็ว มีจุดหมาย ไม่ได้ดูเป็นการส่งบอลไปงั้นๆ เพราะไม่รู้จะส่งใคร สุดท้ายต้องส่งคืนหลัง แบบที่แล้วๆ มา และที่สำคัญเกมส์รับแน่นปึ้ก!! ไม่ทราบว่า สมอลลิ่ง กับบลินด์ ไปกินอะไรมา กลับกลายเป็นภูผา ด้านหลังที่แข็งปัง ไว้ใจได้ ไม่มีลูกเหวอให้เห็นเลย บวกกับการมาของ มัทเตโอ ดาเมี่ยน ซึ่งประทับใจเป็นการส่วนตัวมากครับ เติมเกมส์รุกได้ไม่ขี้เหร่เลย ที่สำคัญคือแทคติกอิตาเลี่ยนแท้ๆ แข็งแกร่ง เยือกเย็น (ถ้าได้ดูกันคงจะได้เห็นช็อท 'กวนตีน' ไมก้า ริชาร์ดส์ 2 ช็อทเน้นๆ เล่นเอาริชาร์ดส์เสียทรงไปเลย https://vine.co/v/edLvOeVKUX1)
ลุค ชอว์ ก็ดูจะเข้ารูปเข้ารอย รับส่งบอลกะเพื่อนอย่างรู้ใจมากขึ้น เติมเกมส์รุกได้เรื่อยๆ ส่วนโกล์อย่างโรเมโร่ ดูเชื่อใจได้ ไม่น่ากังวลเท่าไหร่ ต้องพิสูจน์ลูกยากๆอีกทีนึง
แผงกลางแน่นครับ ครึ่งแรกเราได้เห็นคาร์ริค คู่กับ ชไนเดอร์แลง คาร์ริคทำได้ตามมาตรฐาน ส่วนชไนเดอร์แลง แย่งบอลได้สวยๆ สองสามครั้งด้วยกัน ดูเช้าท่า ไม่มีการส่งบอลพลาดง่ายๆ ให้เห็นเลย นั่นทำให้แอสตันไม่สามารถจะเล่นเกมส์รุกได้เลย
ส่วนปีกซ้าย เดปาย ทำได้ดีน่าประทับใจทีเดียว ถ้าลูกยิงปั่นเมื่อคืนเข้าไป คงจะได้รับคำชมมากกว่านี้ แต่นี่เพิ่งเป็นนัดที่สองของฤดูกาล และเป็นนัดแรกในตำแหน่งที่ถนัด เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาครับ ดาวซัลโวจากเนเธอแลนด์ ยังมีอะไรซ่อนไว้อีกมาก ต้องรอชมกันต่อไป
ปีกขวา มาต้า ยังคงไม่โดดเด่น ตามเคย ไม่แน่ใจว่าจะต้องฝืนให้มาต้าเล่นในตำแหน่งนี้อีกนานเท่าไหร่ ในใจยังคงคิดว่าเค้าเล่นหน้าต่ำได้ดีที่สุด เห็นได้ชัดๆคือ จังหวะที่ตัดเข้ากลางไปแทงให้เดปายสอดเข้าไปปั่น ได้ลุ้นนั่นเอง
ยานาไซจ์ ดูดีขึ้นมาบ้าง จากโอกาสยิงประตู ที่ดึงบอลหลอกได้สวยงาม และจบสกอร์เข้าไปได้ แต่ที่ยังเห็นได้ตลอดเกมส์ คือการฝืนเลี้ยงบอลชนกับฝ่ายตรงข้าม หุ่นอย่างนี้ชนกะเค้าไม่ไหวแน่นอนครับ เบียดเข้าไปๆ สุดท้ายเสียบอลเพราะต้านแรงปะทะไม่ไหว
ก็แหงล่ะครับ ตัวบางอย่างนั้น พรีเมียร์ลีกกับลีกสำรอง ต่างกันคนละเรื่องครับ ถ้าไม่รู้จุดอ่อนตัวเอง จุดแข็งก็ไม่มีประโยชน์ครับ
กองหน้า ต้องพูดถึงมั้ยครับ? กองหน้าตัวความหวัง, กัปตันทีม, ค่าเหนื่อย 3 แสนปอนด์ต่อวีค ...ไม่มีอะไรน่าประทับใจเลยซักนิดครับ ผิดหวังครับ ฟอร์มอย่างนี้ควรดรอปดีกว่ามั้ยครับ? ความกระหายในการเล่นไม่มีเลย ให้โอกาสกองหน้าคนอื่นน่าจะเวิร์คกว่าครับ
ส่วนตัวที่พยายามตกตะกอนดูมาตั้งแต่ปรีซีซั่น ข้อได้เปรียบชัดๆ ของแทคติคที่เล่นอยู่ คือ คู่แข่งไม่มีโอกาสได้ครองบอลอย่างถนัดถนี่ เมื่อไม่มีบอล ก็ทำเกมส์รุกไม่ได้ โอกาสเสียประตูก็น้อยลง (ที่เป็นอย่างนี้ได้ ก็เพราะว่า ส่งบอลกันแม่นยำขึ้น มั่นใจ และกองหลังไม่พลาดเหวอง่ายๆด้วย) เมื่อคู่ต่อสู้ไม่มีโอกาสทำประตูได้ และทีมสามารถเปลี่ยนโอกาสที่มีให้กลายเป็นประตูได้ ยิงมากกว่า = ชนะครับ (แทคติคนี้อยู่ฟากตรงข้ามกับ tiki-taka อย่างสิ้นเชิง น่าสนใจทีเดียว?) แต่สุดท้ายที่ต้องพิสูจน์คือเกมส์ใหญ่ครับ รอดูเกมส์ใหญ่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ว่าจะเป็นไปอย่างที่ฝันรึเปล่า อย่างน้อย ตอนนี้เริ่มจะมองออกว่า ตาอ้วนหลุยส์ แกคิดอะไรอยู่ในใจ และมั่นใจในสิ่งนี้เอาซะมากๆ ถึงยืนกรานเล่นแบบเดิมอย่างมั่นคงมาเป็นปีที่สองติดต่อกัน นัดหน้าเจอคลับ บรูกก์ ในแชมป์เปี้ยนส์ ลีกส์ อีกหนึ่งด่านสำคัญ มาตรฐานเวทียุโรป แข็งกว่าทีมกลางตาราง BPL หลายก้าวทีเดียว รอดูกันครับ
คะแนนความสามารถผู้เล่น
Sergio Romeo : 6
Cris Smalling : 7
Daley Blind : 7
Matteo Darmian : 7
Luke Shaw : 7
Morgan Schneiderlin : 7
Michael Carrick : 7
Juan Mata : 6
Memphis : 7
Adnan Januzaj : 6
Wayne Rooney : 5
Bastien ชไวน์สไตน์เกอร์ (สะกดยากไป ยอม) : 6
Ander Herrera : 6
Ashley Young : 5
David De Gea : olo
Next Match : V Club Brugge @18 Aug, UCL