ขอโทษทีนะคะที่ไม่ได้มีเนื้อคงเนื้อความอะไรเลย ตอนนั้นในหัวมันว่างๆ มีแค่คำถามของเค้าที่ถามเรามาคำเดียวที่มันวิ่งชนสมองซ้ายทีขวาที เราเองก็ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไร แค่คิดว่าการอ่านความคิดเห็นของใครต่อใครคงจะทำให้ดีขึ้นมาหน่อยล่ะมั้ง อย่างน้อยก็ต้องได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์เจ็บสิน่า555
เรากับเค้าคบกันมาได้ไม่นานเท่าไหร่หรอกค่ะ อยู่ในช่วงเดือนที่7ย่างเข้าสู่เดือนที่8 ช่วงเดือนที่แล้วเค้าต้องย้ายไปเรียนต่างจังหวัดค่ะ ส่วนเราเรียนอยู่ที่กรุงเทพ ห่างกันไกลตั้ง449กิโล ด้วยความที่เราเป็นคนค่อนข้างคิดเล็กคิดน้อย มักจะทะเลาะกันบ่อยๆเรื่องที่เค้าไม่ยอมทักมา หรือเค้าไม่โทรหา ไม่มีเวลาให้ อ่านไม่ตอบ ไม่อ่านไม่ตอบ เค้าก็ถามเราบ่อยๆ ว่าเราเนี่ย จะทนไหวเร้อ เค้าไปตั้งไกล เรียนก็หนัก กิจกรรมก็เยอะ ปิดเทอมไม่ค่อยมีเวลาให้กันก็ทะเลาะกันมากครั้งขึ้นอยู่แล้ว แต่นี่เค้าไปไกลขึ้นไปอีก คงจะทะเลาะกันหนักมากขึ้นแน่ๆ ไอ้เราณ ตอนนั้นยังไม่เจอกับตัว คำตอบที่ให้เค้าไปก็คือไหวสิ เราเองก็คิดว่าต่างคนคงต่างไม่มีเวลาอยู่แล้ว แล้วเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ก็เยอะแยะ เราก็แค่คุยกันเป็นวันๆ เล่าให้กันและกันฟังผ่านข้อความ ถ้าโต้ตอบไม่ได้ก็เป็นข้อความยาวๆไปเลย ยังไงก็เหมือนเราได้คุยกันอยู่แล้วแหละ แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นสิคะ
ด้วยนิสัยผู้ชายไม่มุ้งมิ้ง เค้าติดต่อเราผ่านข้อความน้อยมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าขี้เกียจพิมบ้างล่ะ เล่าโดยการพิมมันไม่มันบ้างล่ะ แล้วการจะโทรหากันก็เป็นเรื่องที่ลำบากเพราะเวลาของเค้าทุ่มเทให้กีฬาสีของคณะ เราก็เลยได้แต่เป็นฝ่ายรอ รอจนบางทีก็ดึกดื่น เค้าเลิกซ้อม5ทุ่ม เราต้องเรียน8โมงเช้า ก็เลยกลายเป็นค่อยๆหายไปจากกัน ปกติเราก็งอนรายวันอยู่แล้ว แต่เค้าก็ยังพอจะมีเวลาโทรมาบอกเราว่าวันนี้เลิกดึกนะ นอนไปก่อนเลย บ๊ายบายภายใน2นาทีแล้วก็วาง แต่ช่วงอาทิตย์นี้เป็นช่วงที่หนักหน่วงมาก เราเริ่มรู้สึกหายไปจากชีวิตเค้า ข้อความเราเค้าแทบไม่ตอบ หรือบางทีตอบด้วยพยางค์เดียวหรือ2พยางค์ เราเลยนอยด์หนักมาก นึกไปต่างๆนานา เริ่มรู้สึกถึงคำว่ามีเหมือนไม่มี เริ่มนอยด์ ร้องไห้กับตัวเองบ่อย แม้แต่วันเสาร์อาทิตย์เค้ายังไม่มีเวลาให้เลย แล้วทุกครั้งที่คุยกัน เราก็จะนอยด์ใส่ทุกครั้ง แบบว่าเป็นคนรู้สึกร้อยแต่พูดแค่สิบน่ะค่ะ ทำให้ยิ่งไม่เข้าใจกันเข้าไปใหญ่
เช้าวันนี้เค้าส่งข้อความมาแบบเดิม วันนี้มีอบรมนะ ตั้งแต่เช้า เลิกดึกเลย ด้วยความที่เราชักจะอึดอัดและนอยด์เป็นมหากาฬ เราก็เลยบอกเค้า บอกนิ่มๆว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้เค้าเลยเนอะ เสาร์อาทิตย์เธอก็ไม่ว่าง จะไม่มีเวลาให้เราคุยกันได้นานๆเลยใช่มั้ย เค้าก็ถามเรา ว่าเราไหวมั้ย ไกลกันอย่างงี้ ยิ่งไกลยิ่งห่าง เราก็ได้แต่ตอบไป ว่ามันเป็นเรื่องที่แก้อะไรไม่ได้ ให้เรารอไปเรื่อยๆ นอยด์มากๆมันก็หยุดเองแหละ ทำนองนี้ เค้าบอกเราว่า เค้ากลัวว่าพอถึงวันนั้นเราจะไม่รู้สึกเลยน่ะสิ. เราได้แต่บอกเค้าคำเดิมๆ เราไม่มีทางเลือก เค้าเลือกไปไกล เลือกจะทำกิจกรรม เราเองจะไปเห็นแก่ตัวให้เค้าเลือกเราแล้วทิ้งความรับผิดชอบมันก็คงไม่ได้ สุดท้าย เค้าก็ถามเราด้วยประโยคนั้นล่ะค่ะ 'เราเลิกกันมั้ย' 'อยู่แบบนี้มันเหมือนรอเวลา ไม่มีใครเข้าใจกัน' เราก็รับประทานจุด ไม่คิดว่าเค้าจะพูดคำนี้ออกมา เราถามเค้าว่าเค้ามั่นใจแล้วใช่มั้ยที่ถามคำถามนี้ออกมา คุยกันอีกเล็กน้อย จบลงด้วยคำตอบของเราที่บอกเค้าไปว่า 'เลิกก็เลิก' เค้าเองก็ดูไม่อยากจะถามคำถามนี้ออกมาเท่าไหร่ แต่บางที การบอกเลิกมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้สำหรับเค้าก็ได้ เค้าจะได้หมดห่วงเรื่องเรา แล้วเอาเวลาไปทุ่มให้ชีวิตในมหาลัยของเค้าดีกว่า เราเองบอกได้เลยว่าโคตรเจ็บ ไม่เคยคิดว่าจะมีอะไรเจ็บกว่าการโดนก้านมะยมของแม่อีก แต่นี่เหมือนแผ่นดินไหว มีครั้งใหญ่และมีอาฟเตอร์ชอคตามมาเรื่อยๆ เค้าโทรมาหลังจากที่เราจบบทสนทนาในห้องแชทที่แสนจะเจ็บนั้นไปได้ซักพักนึง หน้าจอมือถือโชว์หรารูปของเค้าชื่อของเค้า ที่เราตั้งใจเมมมันอย่างพิเศษ มันทำให้เรารับสายไม่ได้ ได้แต่นั่งรอให้สายมันตัดไป บอกตัวเองว่าเซ็ทตัวเองให้พร้อมแล้วค่อยรับสายจะดีกว่า ร้องไห้ไป1ยก เราก็ถามเค้าไปในแชทว่ามีอะไรหรอ โทรมาทำไม เค้าบอกเราว่า อยากจะขอโทษ เผื่อว่ามีฝ่ายที่อยากจะบอกเลิกเข้ามาอ่าน บอกไว้ตรงนี้เลยนะคะ บอกเลิกกันไปแล้ว ไม่ต้องโทรมาขอโทษหรอกค่ะ มันเจ็บ โคตรเจ็บ
สุดท้ายเค้าโทรมาอีกครั้งค่ะ มาบอกขอโทษ เราก็รับฟัง ปากกล้าเป็นสาวห้าวคนเดิม บอกว่าเราโอเค โอเคทั้งน้ำตาเลยจ้า
เราคุยกันในแชทอีกครั้ง เรายืนยันว่าเราโอเค แต่ก็เนอะ เค้าก็รู้ว่ามันเป็นแค่คำโกหก เรากลับไปเรียกเค้าคำๆเดิม แบบที่ใครต่อใครเค้าเรียกกัน ละคำเรียกพิเศษไว้ ให้มันเป็นแค่อดีต
เค้าโทรมาอีกครั้ง คราวนี้เค้าบอกเรา ว่ากลับมาเถอะ เราเองเจ็บฉาดใหญ่ๆ เหมือนโดนตบด้วยพจนานุกรมเล่มหนาๆมาแล้วฉาดนึง ไม่อยากจะเจ็บอีกแล้ว เราบอกเค้าไปแล้วซะด้วย ว่าถ้าเลิกกันแล้ว เราจะไม่เดินกลับไปเจ็บตรงที่เก่าอีก เค้าถามเราอีกครั้ง บอกให้เราเป็นคนตัดสินใจ ว่าเราจะเลิกกันจริงๆมั้ย เราเองอยากจะรอเวลา อยากจะลองแค่ห่างกันสักพักดูก่อน ถามเค้าถึงเวลาที่เค้าพอจะมีให้เรา หลังกีฬาสีเค้าก็มีกิจกรรมต่อ ปี2ปี3ปี4 เค้าก็มีฝึกงานต่อ แล้วไอ้คำว่ากลับมาคบกันได้มั้ย จะมาถามเราทำไม?
เราได้คำตอบที่ควรจะตอบเค้าแบบจริงๆจังๆแล้วล่ะค่ะ เราบอกเค้า ว่าเลิกกันเถอะ ด่าว่าเค้าด้วยความเจ็บปวดของคนอกหัก1ชุด แต่ก็ด่าได้ไม่เยอะ ไม่รู้จะด่าว่าอะไร ถ้าจะโทษว่าใครผิด เราเองก็รู้ดีกว่าเราก็มีส่วนผิดด้วย ตอนนี้เก็บของเท่าที่จะนึกถึงตัวเค้าออกไปให้ไกลจากสายตาค่ะ อะไรที่เค้าให้ ก็เก็บไว้ไกลๆ ใส่กล่องไว้ ให้มันอยู่แค่ในกล่อง ไม่ออกมาทำร้ายความรู้สึกในตอนที่เรายังอ่อนแออยู่ เรายังอวยพรเค้าไป ถึงเวลาแล้วถ้ามันจะต้องจบ เราก็อยากจะจบมันด้วยดี ไม่อยากให้มันเลวร้ายไปกว่านี้ เค้าก็อวยพรเรากลับ ร้องไห้กันไปร้องไห้กันมา ความรับผิดชอบก็มาเรียกเค้าซะแล้ว ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ามันเป็นเสียงสุดท้ายที่เราจะได้คุยกันรึเปล่า
'เราเลิกกันมั้ย' ...
'เราเลิกกันมั้ย' มันมีคำตอบอื่นให้เราเลือกได้ด้วยหรอคะ
ขอโทษทีนะคะที่ไม่ได้มีเนื้อคงเนื้อความอะไรเลย ตอนนั้นในหัวมันว่างๆ มีแค่คำถามของเค้าที่ถามเรามาคำเดียวที่มันวิ่งชนสมองซ้ายทีขวาที เราเองก็ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไร แค่คิดว่าการอ่านความคิดเห็นของใครต่อใครคงจะทำให้ดีขึ้นมาหน่อยล่ะมั้ง อย่างน้อยก็ต้องได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์เจ็บสิน่า555
เรากับเค้าคบกันมาได้ไม่นานเท่าไหร่หรอกค่ะ อยู่ในช่วงเดือนที่7ย่างเข้าสู่เดือนที่8 ช่วงเดือนที่แล้วเค้าต้องย้ายไปเรียนต่างจังหวัดค่ะ ส่วนเราเรียนอยู่ที่กรุงเทพ ห่างกันไกลตั้ง449กิโล ด้วยความที่เราเป็นคนค่อนข้างคิดเล็กคิดน้อย มักจะทะเลาะกันบ่อยๆเรื่องที่เค้าไม่ยอมทักมา หรือเค้าไม่โทรหา ไม่มีเวลาให้ อ่านไม่ตอบ ไม่อ่านไม่ตอบ เค้าก็ถามเราบ่อยๆ ว่าเราเนี่ย จะทนไหวเร้อ เค้าไปตั้งไกล เรียนก็หนัก กิจกรรมก็เยอะ ปิดเทอมไม่ค่อยมีเวลาให้กันก็ทะเลาะกันมากครั้งขึ้นอยู่แล้ว แต่นี่เค้าไปไกลขึ้นไปอีก คงจะทะเลาะกันหนักมากขึ้นแน่ๆ ไอ้เราณ ตอนนั้นยังไม่เจอกับตัว คำตอบที่ให้เค้าไปก็คือไหวสิ เราเองก็คิดว่าต่างคนคงต่างไม่มีเวลาอยู่แล้ว แล้วเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ก็เยอะแยะ เราก็แค่คุยกันเป็นวันๆ เล่าให้กันและกันฟังผ่านข้อความ ถ้าโต้ตอบไม่ได้ก็เป็นข้อความยาวๆไปเลย ยังไงก็เหมือนเราได้คุยกันอยู่แล้วแหละ แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นสิคะ
ด้วยนิสัยผู้ชายไม่มุ้งมิ้ง เค้าติดต่อเราผ่านข้อความน้อยมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าขี้เกียจพิมบ้างล่ะ เล่าโดยการพิมมันไม่มันบ้างล่ะ แล้วการจะโทรหากันก็เป็นเรื่องที่ลำบากเพราะเวลาของเค้าทุ่มเทให้กีฬาสีของคณะ เราก็เลยได้แต่เป็นฝ่ายรอ รอจนบางทีก็ดึกดื่น เค้าเลิกซ้อม5ทุ่ม เราต้องเรียน8โมงเช้า ก็เลยกลายเป็นค่อยๆหายไปจากกัน ปกติเราก็งอนรายวันอยู่แล้ว แต่เค้าก็ยังพอจะมีเวลาโทรมาบอกเราว่าวันนี้เลิกดึกนะ นอนไปก่อนเลย บ๊ายบายภายใน2นาทีแล้วก็วาง แต่ช่วงอาทิตย์นี้เป็นช่วงที่หนักหน่วงมาก เราเริ่มรู้สึกหายไปจากชีวิตเค้า ข้อความเราเค้าแทบไม่ตอบ หรือบางทีตอบด้วยพยางค์เดียวหรือ2พยางค์ เราเลยนอยด์หนักมาก นึกไปต่างๆนานา เริ่มรู้สึกถึงคำว่ามีเหมือนไม่มี เริ่มนอยด์ ร้องไห้กับตัวเองบ่อย แม้แต่วันเสาร์อาทิตย์เค้ายังไม่มีเวลาให้เลย แล้วทุกครั้งที่คุยกัน เราก็จะนอยด์ใส่ทุกครั้ง แบบว่าเป็นคนรู้สึกร้อยแต่พูดแค่สิบน่ะค่ะ ทำให้ยิ่งไม่เข้าใจกันเข้าไปใหญ่
เช้าวันนี้เค้าส่งข้อความมาแบบเดิม วันนี้มีอบรมนะ ตั้งแต่เช้า เลิกดึกเลย ด้วยความที่เราชักจะอึดอัดและนอยด์เป็นมหากาฬ เราก็เลยบอกเค้า บอกนิ่มๆว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้เค้าเลยเนอะ เสาร์อาทิตย์เธอก็ไม่ว่าง จะไม่มีเวลาให้เราคุยกันได้นานๆเลยใช่มั้ย เค้าก็ถามเรา ว่าเราไหวมั้ย ไกลกันอย่างงี้ ยิ่งไกลยิ่งห่าง เราก็ได้แต่ตอบไป ว่ามันเป็นเรื่องที่แก้อะไรไม่ได้ ให้เรารอไปเรื่อยๆ นอยด์มากๆมันก็หยุดเองแหละ ทำนองนี้ เค้าบอกเราว่า เค้ากลัวว่าพอถึงวันนั้นเราจะไม่รู้สึกเลยน่ะสิ. เราได้แต่บอกเค้าคำเดิมๆ เราไม่มีทางเลือก เค้าเลือกไปไกล เลือกจะทำกิจกรรม เราเองจะไปเห็นแก่ตัวให้เค้าเลือกเราแล้วทิ้งความรับผิดชอบมันก็คงไม่ได้ สุดท้าย เค้าก็ถามเราด้วยประโยคนั้นล่ะค่ะ 'เราเลิกกันมั้ย' 'อยู่แบบนี้มันเหมือนรอเวลา ไม่มีใครเข้าใจกัน' เราก็รับประทานจุด ไม่คิดว่าเค้าจะพูดคำนี้ออกมา เราถามเค้าว่าเค้ามั่นใจแล้วใช่มั้ยที่ถามคำถามนี้ออกมา คุยกันอีกเล็กน้อย จบลงด้วยคำตอบของเราที่บอกเค้าไปว่า 'เลิกก็เลิก' เค้าเองก็ดูไม่อยากจะถามคำถามนี้ออกมาเท่าไหร่ แต่บางที การบอกเลิกมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้สำหรับเค้าก็ได้ เค้าจะได้หมดห่วงเรื่องเรา แล้วเอาเวลาไปทุ่มให้ชีวิตในมหาลัยของเค้าดีกว่า เราเองบอกได้เลยว่าโคตรเจ็บ ไม่เคยคิดว่าจะมีอะไรเจ็บกว่าการโดนก้านมะยมของแม่อีก แต่นี่เหมือนแผ่นดินไหว มีครั้งใหญ่และมีอาฟเตอร์ชอคตามมาเรื่อยๆ เค้าโทรมาหลังจากที่เราจบบทสนทนาในห้องแชทที่แสนจะเจ็บนั้นไปได้ซักพักนึง หน้าจอมือถือโชว์หรารูปของเค้าชื่อของเค้า ที่เราตั้งใจเมมมันอย่างพิเศษ มันทำให้เรารับสายไม่ได้ ได้แต่นั่งรอให้สายมันตัดไป บอกตัวเองว่าเซ็ทตัวเองให้พร้อมแล้วค่อยรับสายจะดีกว่า ร้องไห้ไป1ยก เราก็ถามเค้าไปในแชทว่ามีอะไรหรอ โทรมาทำไม เค้าบอกเราว่า อยากจะขอโทษ เผื่อว่ามีฝ่ายที่อยากจะบอกเลิกเข้ามาอ่าน บอกไว้ตรงนี้เลยนะคะ บอกเลิกกันไปแล้ว ไม่ต้องโทรมาขอโทษหรอกค่ะ มันเจ็บ โคตรเจ็บ สุดท้ายเค้าโทรมาอีกครั้งค่ะ มาบอกขอโทษ เราก็รับฟัง ปากกล้าเป็นสาวห้าวคนเดิม บอกว่าเราโอเค โอเคทั้งน้ำตาเลยจ้า เราคุยกันในแชทอีกครั้ง เรายืนยันว่าเราโอเค แต่ก็เนอะ เค้าก็รู้ว่ามันเป็นแค่คำโกหก เรากลับไปเรียกเค้าคำๆเดิม แบบที่ใครต่อใครเค้าเรียกกัน ละคำเรียกพิเศษไว้ ให้มันเป็นแค่อดีต
เค้าโทรมาอีกครั้ง คราวนี้เค้าบอกเรา ว่ากลับมาเถอะ เราเองเจ็บฉาดใหญ่ๆ เหมือนโดนตบด้วยพจนานุกรมเล่มหนาๆมาแล้วฉาดนึง ไม่อยากจะเจ็บอีกแล้ว เราบอกเค้าไปแล้วซะด้วย ว่าถ้าเลิกกันแล้ว เราจะไม่เดินกลับไปเจ็บตรงที่เก่าอีก เค้าถามเราอีกครั้ง บอกให้เราเป็นคนตัดสินใจ ว่าเราจะเลิกกันจริงๆมั้ย เราเองอยากจะรอเวลา อยากจะลองแค่ห่างกันสักพักดูก่อน ถามเค้าถึงเวลาที่เค้าพอจะมีให้เรา หลังกีฬาสีเค้าก็มีกิจกรรมต่อ ปี2ปี3ปี4 เค้าก็มีฝึกงานต่อ แล้วไอ้คำว่ากลับมาคบกันได้มั้ย จะมาถามเราทำไม?
เราได้คำตอบที่ควรจะตอบเค้าแบบจริงๆจังๆแล้วล่ะค่ะ เราบอกเค้า ว่าเลิกกันเถอะ ด่าว่าเค้าด้วยความเจ็บปวดของคนอกหัก1ชุด แต่ก็ด่าได้ไม่เยอะ ไม่รู้จะด่าว่าอะไร ถ้าจะโทษว่าใครผิด เราเองก็รู้ดีกว่าเราก็มีส่วนผิดด้วย ตอนนี้เก็บของเท่าที่จะนึกถึงตัวเค้าออกไปให้ไกลจากสายตาค่ะ อะไรที่เค้าให้ ก็เก็บไว้ไกลๆ ใส่กล่องไว้ ให้มันอยู่แค่ในกล่อง ไม่ออกมาทำร้ายความรู้สึกในตอนที่เรายังอ่อนแออยู่ เรายังอวยพรเค้าไป ถึงเวลาแล้วถ้ามันจะต้องจบ เราก็อยากจะจบมันด้วยดี ไม่อยากให้มันเลวร้ายไปกว่านี้ เค้าก็อวยพรเรากลับ ร้องไห้กันไปร้องไห้กันมา ความรับผิดชอบก็มาเรียกเค้าซะแล้ว ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ามันเป็นเสียงสุดท้ายที่เราจะได้คุยกันรึเปล่า
'เราเลิกกันมั้ย' ...