คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
จากประสบการณ์ที่เคยใช้เครื่องซักผ้าทั้งฝาหน้า ฝาบนถังเดียวอัตโนมัติ ฝาบนสองถัง ขอตอบเป็นข้อๆ เลยแล้วกัน
ฝาหน้า ข้อดีคือ ใส่ผ้าได้เยอะ ด้วยกลไกการหมุนของถังซักที่ไม่ต้องใช้จานซักเหมือนกับฝาบน และหมุนแบบแนวตะแคง ทำให้ไม่ต้องใช้น้ำมาก และใส่ผ้าปริมาณเท่าไหร่ ถังซักก็ยังคงหมุนให้ได้ ไม่โหลดน้ำเหมือนฝาบน เครื่องส่วนใหญ่มีระบบน้ำอุ่นน้ำร้อน บางรุ่นสามารถเป็นเครื่องอบผ้าได้ และเนื่องจากไม่มีระบบจานซัก ทำให้ไม่มีอะไรไปตีผ้าให้มันเสียครับ มีแต่ยับเพราะผ้ามันทับๆ กัน
ข้อเสียคือ ใช้เวลาซักนานมาก นานถึงที่สุดสำหรับโปรแกรมปกติ ซักโปรแกรมด่วนยังรู้สึกว่านาน กลไกในการทำงานจุกจิก มีระบบปั๊มน้ำด้วย (เครื่องเก่าผมเคยเสียที่ระบบปั๊มน้ำเนี่ยแหละ) เวลาซักแล้วลืมแบงค์พันในกางเกง หรือต้องการจะเอาผ้าใส่เพิ่มเติมต้องยกเลิกโปรแกรมแล้วทิ้งน้ำออกทั้งหมด (ยกเว้นรุ่นที่เป็นถังเอียงบางรุ่น ที่จะสามารถหยุดการซักชั่วคราวและเปิดประตูเครื่องได้ และน้ำจะไม่ไหลออกมา) และถ้าเกิดซวยใช้ได้ไม่นาน เวลาเสียก็ต้องจำใจซ่อม เพราะซื้อมาแพงเสียดายเงิน ยิ่งขนาดความจุกิโลกรัมเยอะเยอะยิ่งราคาแพงแบบก้าวกระโดด ฝาหน้าผมยอมจ่ายเงินซ่อมสองครั้งเพราะเสียดายเงินค่าตัวมันเนี่ยแหละ สุดท้ายไม่ไหวก็ต้องตัดใจทิ้งไป
ฝาบนอัตโนมัติ ข้อดีคือ ราคาถูก เดี๋ยวนี้ถังใบโตๆ 12 - 15 โล ที่แบบซักผ้านวมผืนใหญ่ได้ ราคาหลักพันปลายๆ ถึงหมื่นต้นๆ ก็ซื้อได้แล้ว (ถ้าเป็นระบบมอเตอร์ปกติก็ถูกหน่อย แต่ถ้าเป็นระบบ Inverter ก็ราคาสูงหน่อย) และเนื่องจากราคาถูกหากเสียและซ่อมเกินงบก็ตัดใจทิ้งได้แบบไม่เสียดายเงิน กลไกไม่มีอะไรซับซ้อนมากมายนัก ระบบการซักจะต้องใช้น้ำเป็นส่วนประกอบเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผ้าทุกชิ้นก็จะจมน้ำเหมือนกับแช่ผ้าไปในตัว ใช้ระยะเวลาในการซักไม่นานสำหรับโปรแกรมปกติ และโปรแกรมด่วนนี่เร็วแบบน่าสงสัยว่าแล้วมันจะสะอาดจริงหรือเปล่า เวลาลืมของในกางเกงก็สั่งหยุดโปรแกรม หรือสามารถเปิดฝาเอาผ้าออกมาหรือเติมผ้าเองขณะซักได้ โดยไม่ต้องยกเลิกโปรแกรมซัก
ข้อเสียคือ ภาระของการซักนอกจากผ้าแล้วต้องบวกน้ำเข้าไปด้วย ยิ่งผ้ามาก น้ำก็ยิ่งเติมมาก ถังก็ยิ่งหนัก ถ้าใส่ผ้าเยอะๆ บางทีหมุนแบบไม่มีแรง และเหมือนว่าจะซักไม่สะอาดเท่าที่ควร หากใส่ผ้ามากจนเกินไป และบางรุ่นหากออกแบบกลไกในการหมุนของจานซักไม่ดี ก็อาจจะทำให้ผ้าเสียหายได้ แต่เห็นโฆษณาส่วนใหญ่สมัยนี้ก็เอาคำว่าถนอมผ้ามาเป็นตัวชูโรง พอเอาเข้าจริงไม่รู้จะถนอมได้จริงหรือเปล่า
แบบสองฝา ข้อดีคือราคาถูก อิสระในการซักเพราะสามารถกำหนดระยะเวลาในการซักได้เอง ไม่ต้องทำงานอิงกับโปรแกรมเหมือนพวกระบบอัตโนมัติ ระบบกลไกไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ข้อเสียคือไม่สามารถตั้งโปรแกรมซักแล้วออกไปลั้นลาข้างนอก พอกลับมาถึงบ้านผ้าก็หมาดรอตากแล้วเหมือนกับพวกระบบอัตโนมัติ เพราะถ้าเราจะปั่นหมาดก็ต้องมีการยกผ้าย้ายไปที่โถปั่น และที่สำคัญโถปั่นหมาดส่วนใหญ่จะเล็กครับ
ปัจจุบันผมก็มาลงตัวอยู่ที่ฝาบนถังเดียวอัตโนมัติ 13 กิโลนี่แหละครับ ซื้อมาหมื่นต้นๆ มอเตอร์แบบปกติไม่ Inverter ซักได้ทุกอย่าง ผ้านวมใหญ่ก็ซักได้ ค่อนข้างจะสะดวกและคล่องตัว ทั้งระยะเวลาในการซัก ความยืดหยุ่นในการเอาผ้าเข้าออกขณะกำลังซัก หรือตั้งโปรแกรมไว้แล้วก็ออกไปทำอะไรข้างนอกได้ ราคาถูก ถ้าใช้ได้ซัก 5 ปีแล้วพัง และถ้าซ่อมแพง ก็คงตัดใจโยนทิ้งซื้อใหม่ได้ไม่ยากครับ ถ้าควบคุมปริมาณผ้าในขณะซักให้อยู่ปริมาณที่พอเหมาะได้ ความสะอาดก็ไม่ได้แพ้ฝาหน้าเท่าไหร่ แถมประหยัดไฟกว่า เพราะใช้เวลาซักเร็วกกว่าครับ
ลองพิจารณาดูครับ แต่ละแบบต่างก็มีข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเองครับ ลงตัวแบบไหนก็เลือกแบบนั้นเลยครับ
ฝาหน้า ข้อดีคือ ใส่ผ้าได้เยอะ ด้วยกลไกการหมุนของถังซักที่ไม่ต้องใช้จานซักเหมือนกับฝาบน และหมุนแบบแนวตะแคง ทำให้ไม่ต้องใช้น้ำมาก และใส่ผ้าปริมาณเท่าไหร่ ถังซักก็ยังคงหมุนให้ได้ ไม่โหลดน้ำเหมือนฝาบน เครื่องส่วนใหญ่มีระบบน้ำอุ่นน้ำร้อน บางรุ่นสามารถเป็นเครื่องอบผ้าได้ และเนื่องจากไม่มีระบบจานซัก ทำให้ไม่มีอะไรไปตีผ้าให้มันเสียครับ มีแต่ยับเพราะผ้ามันทับๆ กัน
ข้อเสียคือ ใช้เวลาซักนานมาก นานถึงที่สุดสำหรับโปรแกรมปกติ ซักโปรแกรมด่วนยังรู้สึกว่านาน กลไกในการทำงานจุกจิก มีระบบปั๊มน้ำด้วย (เครื่องเก่าผมเคยเสียที่ระบบปั๊มน้ำเนี่ยแหละ) เวลาซักแล้วลืมแบงค์พันในกางเกง หรือต้องการจะเอาผ้าใส่เพิ่มเติมต้องยกเลิกโปรแกรมแล้วทิ้งน้ำออกทั้งหมด (ยกเว้นรุ่นที่เป็นถังเอียงบางรุ่น ที่จะสามารถหยุดการซักชั่วคราวและเปิดประตูเครื่องได้ และน้ำจะไม่ไหลออกมา) และถ้าเกิดซวยใช้ได้ไม่นาน เวลาเสียก็ต้องจำใจซ่อม เพราะซื้อมาแพงเสียดายเงิน ยิ่งขนาดความจุกิโลกรัมเยอะเยอะยิ่งราคาแพงแบบก้าวกระโดด ฝาหน้าผมยอมจ่ายเงินซ่อมสองครั้งเพราะเสียดายเงินค่าตัวมันเนี่ยแหละ สุดท้ายไม่ไหวก็ต้องตัดใจทิ้งไป
ฝาบนอัตโนมัติ ข้อดีคือ ราคาถูก เดี๋ยวนี้ถังใบโตๆ 12 - 15 โล ที่แบบซักผ้านวมผืนใหญ่ได้ ราคาหลักพันปลายๆ ถึงหมื่นต้นๆ ก็ซื้อได้แล้ว (ถ้าเป็นระบบมอเตอร์ปกติก็ถูกหน่อย แต่ถ้าเป็นระบบ Inverter ก็ราคาสูงหน่อย) และเนื่องจากราคาถูกหากเสียและซ่อมเกินงบก็ตัดใจทิ้งได้แบบไม่เสียดายเงิน กลไกไม่มีอะไรซับซ้อนมากมายนัก ระบบการซักจะต้องใช้น้ำเป็นส่วนประกอบเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผ้าทุกชิ้นก็จะจมน้ำเหมือนกับแช่ผ้าไปในตัว ใช้ระยะเวลาในการซักไม่นานสำหรับโปรแกรมปกติ และโปรแกรมด่วนนี่เร็วแบบน่าสงสัยว่าแล้วมันจะสะอาดจริงหรือเปล่า เวลาลืมของในกางเกงก็สั่งหยุดโปรแกรม หรือสามารถเปิดฝาเอาผ้าออกมาหรือเติมผ้าเองขณะซักได้ โดยไม่ต้องยกเลิกโปรแกรมซัก
ข้อเสียคือ ภาระของการซักนอกจากผ้าแล้วต้องบวกน้ำเข้าไปด้วย ยิ่งผ้ามาก น้ำก็ยิ่งเติมมาก ถังก็ยิ่งหนัก ถ้าใส่ผ้าเยอะๆ บางทีหมุนแบบไม่มีแรง และเหมือนว่าจะซักไม่สะอาดเท่าที่ควร หากใส่ผ้ามากจนเกินไป และบางรุ่นหากออกแบบกลไกในการหมุนของจานซักไม่ดี ก็อาจจะทำให้ผ้าเสียหายได้ แต่เห็นโฆษณาส่วนใหญ่สมัยนี้ก็เอาคำว่าถนอมผ้ามาเป็นตัวชูโรง พอเอาเข้าจริงไม่รู้จะถนอมได้จริงหรือเปล่า
แบบสองฝา ข้อดีคือราคาถูก อิสระในการซักเพราะสามารถกำหนดระยะเวลาในการซักได้เอง ไม่ต้องทำงานอิงกับโปรแกรมเหมือนพวกระบบอัตโนมัติ ระบบกลไกไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ข้อเสียคือไม่สามารถตั้งโปรแกรมซักแล้วออกไปลั้นลาข้างนอก พอกลับมาถึงบ้านผ้าก็หมาดรอตากแล้วเหมือนกับพวกระบบอัตโนมัติ เพราะถ้าเราจะปั่นหมาดก็ต้องมีการยกผ้าย้ายไปที่โถปั่น และที่สำคัญโถปั่นหมาดส่วนใหญ่จะเล็กครับ
ปัจจุบันผมก็มาลงตัวอยู่ที่ฝาบนถังเดียวอัตโนมัติ 13 กิโลนี่แหละครับ ซื้อมาหมื่นต้นๆ มอเตอร์แบบปกติไม่ Inverter ซักได้ทุกอย่าง ผ้านวมใหญ่ก็ซักได้ ค่อนข้างจะสะดวกและคล่องตัว ทั้งระยะเวลาในการซัก ความยืดหยุ่นในการเอาผ้าเข้าออกขณะกำลังซัก หรือตั้งโปรแกรมไว้แล้วก็ออกไปทำอะไรข้างนอกได้ ราคาถูก ถ้าใช้ได้ซัก 5 ปีแล้วพัง และถ้าซ่อมแพง ก็คงตัดใจโยนทิ้งซื้อใหม่ได้ไม่ยากครับ ถ้าควบคุมปริมาณผ้าในขณะซักให้อยู่ปริมาณที่พอเหมาะได้ ความสะอาดก็ไม่ได้แพ้ฝาหน้าเท่าไหร่ แถมประหยัดไฟกว่า เพราะใช้เวลาซักเร็วกกว่าครับ
ลองพิจารณาดูครับ แต่ละแบบต่างก็มีข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเองครับ ลงตัวแบบไหนก็เลือกแบบนั้นเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องซักผ้า
งบ 25000 ช่วยแนะนำเครื่องซักผ้าหน่อยครับ
สิ่งที่ต้องการใช้เป็นส่วนใหญ่ : สามารถซักผ้านวมขนาด 6 ฟุต ได้
ยังไงรบกวนช่วยแนะนำหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ