ปีนี้ มีธุระให้ต้องไปย่างกุ้ง เพราะนับจำนวนลูกค้าพม่าที่มี ครบจำนวนนิ้วทั้งสองมือพอดี
เลยตั้งใจจะไปขอบคุณ เยี่ยมเยียน และพาน้อง ๆ ที่บริษัทแวะไปทำความรู้จักกับลูกค้าบ้าง
ก่อนจะเล่าถึงทริปนี้ ต้องขอขอบคุณเพื่อน ๆ สมาชิกที่แนะนำบริษัท และ ไกด์ที่ดีมาก ๆ ให้ เพราะเราโพสต์กระทู้ถามตั้งแต่เดือนมีนา เพิ่งสบโอกาสไปเมื่อสองสามวันมานี้เอง
จริง ๆ เพื่อน ๆ แนะนำกันมา 2-3 เจ้า เราเลือกเอาหนึ่งในนั้น บอกได้เลยว่า ไม่ผิดหวัง ยอดเยี่ยมมาก ทั้งคุณภาพรถ และ คุณภาพไกด์
ทริปนี้โฟกัสเฉพาะย่างกุ้งค่ะ 3 วัน 2 คืน ไปถึงวันอาทิตย์ กะว่า จะพาน้อง ๆ เที่ยวสัก 1 วัน อีก 2 วันทำงานให้เต็มที่ไปเลย
นั่งนกแอร์ไป เที่ยวเช้าสุด ไปถึงย่างกุ้ง ตอนเจ็ดโมง นิด ๆ ค่าตั๋ว 4 คน ไปกลับ กรุงเทพ-ย่างกุ้ง รวมภาษีสนามบินทุกสิ่งอย่างแล้ว 10,060 บาท
ช่วงนี้เงินจ๊าดอ่อนนะคะ ถ้าเทียบกับ USD ประมาณ 100 USD แลกได้ 120,000 จ๊าด
หรือ ถ้าเทียบกับเงินไทย ก็คูณด้วย 0.03
เช่น 1,000 จ๊าด ก็ประมาณ 30 บาท
ค่าใช้จ่ายในการเช่ารถตู้พร้อมคนขับ 70 USD ต่อวัน รถตู้ 9 ที่นั่ง ส่วนค่าไกด์ 50 USD ต่อวัน
ไปถึงตอน 7.00 โมงเช้า เวลาพม่า คุณบี ไกด์พม่าของเรา มารับที่สนามบินตรงเวลาเป๊ะ พร้อมขอเก็บเงินก่อนเลย (ค่าโรงแรมที่เราฝากจอง ค่ารถ และค่าไกด์) ทีแรก ก็ปอด ๆ อยู่เหมือนกัน แต่บริษัท ทัวร์แจ้งในเมล์แล้วว่า มาถึงขอเก็บก่อน เราก็โอเค ให้ไป
บอกให้คุณบี พาไปกินอาหารเช้าแบบพม่า เธอก็พาไปร้านนี้ค่ะ
ดูบรรยากาศในร้านนะคะ คึกคักทีเดียว
อาหารคล้าย ๆ ของบ้านเราค่ะ มี ซาลาเปาด้วย มีโรตีทั้งแบบจิ้มนม และกินกับแกง มีซาโมซ่าทอด
กินกับชาร้อน หรือ กาแฟร้อน พร้อมกาน้ำชาจีนให้เติมได้ตลอดแบบร้านแต่เตี้ยมบ้านเรา
ขอบอกว่า ชาร้อนพม่าอร่อยมาก ๆ คุณแฟนเรา กินกาแฟบอกว่า ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร แต่ชานมร้อนพม่านี่ เราเบิ้ลเลย หอม อร่อย จริง ๆ
ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ก็กินเสร็จ เลยถามไกด์ว่า จะไปไหนดี นอกจาก ชเวดากอง พระนอนตาหวาน เทพทันใจ คุณบี แนะนำ วัดเจดีย์กาบาเอ สถานที่สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 6 ซึ่งอยู่ใกล้กับสนามบิน และไม่ไกลจากร้าน Lucky Seven มาก
เราก็เลยไปกันเลยค่ะ วัดนี้ มี องค์จำลองของพระมหามัยมุนีอยู่ด้วย
ซึ่งไม่ได้เปิดให้เข้าสักการะได้ทุกวัน แต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่เราไป โชคดีที่เปิด และ เราได้มีโอกาสสักการะ
ภาพนี้เป็นบริเวณรอบ ๆ นะคะ
สังเกตว่า คนพม่า ต้องถอดรองเท้าตั้งแต่เข้าบริเวณลานวัดเลยค่ะ
ในเขตวัดนี้ มีสถานที่สำคัญที่ใช้สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 6 เรียกว่า “ถ้ำมหาปัสนา”
เป็นถ้ำที่กรุด้วยหยกโดยรอบ และด้านในมีเสาขนาดใหญ่ยักษ์กรุด้วยหยกโดยรอบถึง 6 ต้น เป็นเครื่องหมาย ว่า เป็นสถานที่ ที่ใช้ทำการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 6
นี่คือ กำแพงทางเข้านะคะ สังเกตหินที่กรุบนกำแพง นั่นคือ หยกทั้งนั้น ๆ เลยนะคะ
ในรูปเป็น คุณบี ไกด์คนเก่งของเราค่ะ
เราไปรอเจ้าหน้าที่เปิดประตูค่ะ เพราะเค้าเปิดตอน 9 โมง
ในรูปจะเห็นบานประตูใหญ่ยักษ์ปิดทอง นั่นคือ ไม้สักแผ่นเดียวนะคะ ใหญ่อลังการดีจริง ๆ
ด้านในมีเสาใหญ่ยักษ์กรุด้วยหยก เขียนลายประดับอย่างสวยงาม 6 ต้น
ดูใกล้ ๆ กันอีกสักนิดนะคะ ที่เห็นประดับอยู่กับเสานั่นคือหยกทั้งหมดค่ะ
ที่นี่ใช้เป็นสนามสอบนักธรรมของพม่าด้วยนะคะ
หลังจาก คณะเราเข้ามาสักพัก ก็เริ่มมีคนทยอยเข้ามาไหว้พระกันแล้วค่ะ
อีกสักรูปนะคะ สำหรับวัดกาบาเอ ( Kaba Aye) แห่งนี้ คุณบี อธิบายให้เราฟังว่า คำว่า กาบา ( kaba) แปลว่า โลก และ เอ (aye) แปลว่า สันติภาพ ชื่อนี้ อาจจะแปลเป็นไทยได้ว่า โลกแห่งสันติภาพ หรือ สันติภาพแห่งโลกได้ นะคะ
จบจากที่นี่แล้ว เราไปไหว้ วัดพระนอนตาหวาน หรือ เชาทัตจีค่ะ วัดนี้อยู่ใกล้ ๆ กับ วัดพระทรงกษัตริย์ หรือ งาทัตจี มีพระนอนตาหวานซึ้งตั้งประทับอยู่ภายใน
ใครที่ชอบงานไม้หอมแกะสลัก ให้ซื้อที่ร้านในวัดพระนอนตาหวานเลยนะคะ ถูกกว่าที่ตลาดสก็อตพอสมควรทีเดียวค่ะ แต่คำว่า ถูกกว่าในที่นี้หมายถึงต้องต่อรองราคาด้วยนะคะ
ไม้หอมแกะสลักที่พม่าสวยงามค่ะ เวลาเดินเข้าร้านจะได้กลิ่นหอม ๆ ของไม้อวลตลบไปหมด
อันนี้ เป็นของที่ดิฉัน เช่ามาจากที่นี่ค่ะ
พระบัวเข็ม และ พระอุปคุต
สังเกตว่า งานแกะไม้หอมของที่นี่ ค่อนข้างจะอิงลูกค้าคนไทยเป็นหลักค่ะ ช่วงที่ทางเมืองไทย ฮิตพระพิฆเนศวร เวลามาจะเห็นรูปแกะพระพิฆเนศวร เต็มไปหมด
แต่ปกติที่พม่า นอกจากพระพุทธรูปแล้ว เรามักเห็น พระบัวเข็ม พระสิวลี และ พระอุปคุตค่ะ
รูปพระนอนตาหวานค่ะ
นี่เป็นรูปด้านพระบาทของพระพุทธรูปนะคะ เป็นสัญลักษณ์มงคล 108 ประการ
จากคำอธิบายของไกด์ พระนอนนั้น ได้รับการปั้นหลายครั้งก่อนจะสำเร็จเป็นรูปทรงที่สวยงาม สมัยที่อยู่ภายใต้อำนาจอังกฤษ ไม่ว่าจะปั้นอย่างไร ก็ไม่ได้ลักษณะที่งดงาม จนเมื่อพม่าได้อิสระแล้ว ช่างจึงสามารถปั้นท่านให้งดงามสำเร็จลงได้ แก้วตาท่าน เป็นแก้วจากญี่ปุ่น
ลองดูรูปกันนะคะ นี่เป็นรูปปั้นของท่านในสมัยก่อน
กับรูปปั้นของท่านหลังเมียนมาร์ ได้เอกราช
งามผิดกันเลย
พูดถึงเรื่องการเป็นอาณานิคม สัมผัสได้เลยค่ะว่า คนเมียนมาร์ เจ็บช้ำน้ำใจกับอังกฤษมากพอสมควร ดังจะเห็นได้จากรูปถ่ายที่วัดโบตาเตา ที่เราจะไปต่อกัน
[CR] รีวิวย่อ ๆ ทำงาน ทำบุญ แวะเที่ยวที่ย่างกุ้ง
เลยตั้งใจจะไปขอบคุณ เยี่ยมเยียน และพาน้อง ๆ ที่บริษัทแวะไปทำความรู้จักกับลูกค้าบ้าง
ก่อนจะเล่าถึงทริปนี้ ต้องขอขอบคุณเพื่อน ๆ สมาชิกที่แนะนำบริษัท และ ไกด์ที่ดีมาก ๆ ให้ เพราะเราโพสต์กระทู้ถามตั้งแต่เดือนมีนา เพิ่งสบโอกาสไปเมื่อสองสามวันมานี้เอง
จริง ๆ เพื่อน ๆ แนะนำกันมา 2-3 เจ้า เราเลือกเอาหนึ่งในนั้น บอกได้เลยว่า ไม่ผิดหวัง ยอดเยี่ยมมาก ทั้งคุณภาพรถ และ คุณภาพไกด์
ทริปนี้โฟกัสเฉพาะย่างกุ้งค่ะ 3 วัน 2 คืน ไปถึงวันอาทิตย์ กะว่า จะพาน้อง ๆ เที่ยวสัก 1 วัน อีก 2 วันทำงานให้เต็มที่ไปเลย
นั่งนกแอร์ไป เที่ยวเช้าสุด ไปถึงย่างกุ้ง ตอนเจ็ดโมง นิด ๆ ค่าตั๋ว 4 คน ไปกลับ กรุงเทพ-ย่างกุ้ง รวมภาษีสนามบินทุกสิ่งอย่างแล้ว 10,060 บาท
ช่วงนี้เงินจ๊าดอ่อนนะคะ ถ้าเทียบกับ USD ประมาณ 100 USD แลกได้ 120,000 จ๊าด
หรือ ถ้าเทียบกับเงินไทย ก็คูณด้วย 0.03
เช่น 1,000 จ๊าด ก็ประมาณ 30 บาท
ค่าใช้จ่ายในการเช่ารถตู้พร้อมคนขับ 70 USD ต่อวัน รถตู้ 9 ที่นั่ง ส่วนค่าไกด์ 50 USD ต่อวัน
ไปถึงตอน 7.00 โมงเช้า เวลาพม่า คุณบี ไกด์พม่าของเรา มารับที่สนามบินตรงเวลาเป๊ะ พร้อมขอเก็บเงินก่อนเลย (ค่าโรงแรมที่เราฝากจอง ค่ารถ และค่าไกด์) ทีแรก ก็ปอด ๆ อยู่เหมือนกัน แต่บริษัท ทัวร์แจ้งในเมล์แล้วว่า มาถึงขอเก็บก่อน เราก็โอเค ให้ไป
บอกให้คุณบี พาไปกินอาหารเช้าแบบพม่า เธอก็พาไปร้านนี้ค่ะ
ดูบรรยากาศในร้านนะคะ คึกคักทีเดียว
อาหารคล้าย ๆ ของบ้านเราค่ะ มี ซาลาเปาด้วย มีโรตีทั้งแบบจิ้มนม และกินกับแกง มีซาโมซ่าทอด
กินกับชาร้อน หรือ กาแฟร้อน พร้อมกาน้ำชาจีนให้เติมได้ตลอดแบบร้านแต่เตี้ยมบ้านเรา
ขอบอกว่า ชาร้อนพม่าอร่อยมาก ๆ คุณแฟนเรา กินกาแฟบอกว่า ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร แต่ชานมร้อนพม่านี่ เราเบิ้ลเลย หอม อร่อย จริง ๆ
ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ก็กินเสร็จ เลยถามไกด์ว่า จะไปไหนดี นอกจาก ชเวดากอง พระนอนตาหวาน เทพทันใจ คุณบี แนะนำ วัดเจดีย์กาบาเอ สถานที่สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 6 ซึ่งอยู่ใกล้กับสนามบิน และไม่ไกลจากร้าน Lucky Seven มาก
เราก็เลยไปกันเลยค่ะ วัดนี้ มี องค์จำลองของพระมหามัยมุนีอยู่ด้วย ซึ่งไม่ได้เปิดให้เข้าสักการะได้ทุกวัน แต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่เราไป โชคดีที่เปิด และ เราได้มีโอกาสสักการะ
ภาพนี้เป็นบริเวณรอบ ๆ นะคะ สังเกตว่า คนพม่า ต้องถอดรองเท้าตั้งแต่เข้าบริเวณลานวัดเลยค่ะ
ในเขตวัดนี้ มีสถานที่สำคัญที่ใช้สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 6 เรียกว่า “ถ้ำมหาปัสนา” เป็นถ้ำที่กรุด้วยหยกโดยรอบ และด้านในมีเสาขนาดใหญ่ยักษ์กรุด้วยหยกโดยรอบถึง 6 ต้น เป็นเครื่องหมาย ว่า เป็นสถานที่ ที่ใช้ทำการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 6
นี่คือ กำแพงทางเข้านะคะ สังเกตหินที่กรุบนกำแพง นั่นคือ หยกทั้งนั้น ๆ เลยนะคะ
ในรูปเป็น คุณบี ไกด์คนเก่งของเราค่ะ
เราไปรอเจ้าหน้าที่เปิดประตูค่ะ เพราะเค้าเปิดตอน 9 โมง ในรูปจะเห็นบานประตูใหญ่ยักษ์ปิดทอง นั่นคือ ไม้สักแผ่นเดียวนะคะ ใหญ่อลังการดีจริง ๆ
ด้านในมีเสาใหญ่ยักษ์กรุด้วยหยก เขียนลายประดับอย่างสวยงาม 6 ต้น
ดูใกล้ ๆ กันอีกสักนิดนะคะ ที่เห็นประดับอยู่กับเสานั่นคือหยกทั้งหมดค่ะ
ที่นี่ใช้เป็นสนามสอบนักธรรมของพม่าด้วยนะคะ
หลังจาก คณะเราเข้ามาสักพัก ก็เริ่มมีคนทยอยเข้ามาไหว้พระกันแล้วค่ะ
อีกสักรูปนะคะ สำหรับวัดกาบาเอ ( Kaba Aye) แห่งนี้ คุณบี อธิบายให้เราฟังว่า คำว่า กาบา ( kaba) แปลว่า โลก และ เอ (aye) แปลว่า สันติภาพ ชื่อนี้ อาจจะแปลเป็นไทยได้ว่า โลกแห่งสันติภาพ หรือ สันติภาพแห่งโลกได้ นะคะ
จบจากที่นี่แล้ว เราไปไหว้ วัดพระนอนตาหวาน หรือ เชาทัตจีค่ะ วัดนี้อยู่ใกล้ ๆ กับ วัดพระทรงกษัตริย์ หรือ งาทัตจี มีพระนอนตาหวานซึ้งตั้งประทับอยู่ภายใน
ใครที่ชอบงานไม้หอมแกะสลัก ให้ซื้อที่ร้านในวัดพระนอนตาหวานเลยนะคะ ถูกกว่าที่ตลาดสก็อตพอสมควรทีเดียวค่ะ แต่คำว่า ถูกกว่าในที่นี้หมายถึงต้องต่อรองราคาด้วยนะคะ
ไม้หอมแกะสลักที่พม่าสวยงามค่ะ เวลาเดินเข้าร้านจะได้กลิ่นหอม ๆ ของไม้อวลตลบไปหมด
อันนี้ เป็นของที่ดิฉัน เช่ามาจากที่นี่ค่ะ
พระบัวเข็ม และ พระอุปคุต
สังเกตว่า งานแกะไม้หอมของที่นี่ ค่อนข้างจะอิงลูกค้าคนไทยเป็นหลักค่ะ ช่วงที่ทางเมืองไทย ฮิตพระพิฆเนศวร เวลามาจะเห็นรูปแกะพระพิฆเนศวร เต็มไปหมด
แต่ปกติที่พม่า นอกจากพระพุทธรูปแล้ว เรามักเห็น พระบัวเข็ม พระสิวลี และ พระอุปคุตค่ะ
รูปพระนอนตาหวานค่ะ
นี่เป็นรูปด้านพระบาทของพระพุทธรูปนะคะ เป็นสัญลักษณ์มงคล 108 ประการ
จากคำอธิบายของไกด์ พระนอนนั้น ได้รับการปั้นหลายครั้งก่อนจะสำเร็จเป็นรูปทรงที่สวยงาม สมัยที่อยู่ภายใต้อำนาจอังกฤษ ไม่ว่าจะปั้นอย่างไร ก็ไม่ได้ลักษณะที่งดงาม จนเมื่อพม่าได้อิสระแล้ว ช่างจึงสามารถปั้นท่านให้งดงามสำเร็จลงได้ แก้วตาท่าน เป็นแก้วจากญี่ปุ่น
ลองดูรูปกันนะคะ นี่เป็นรูปปั้นของท่านในสมัยก่อน กับรูปปั้นของท่านหลังเมียนมาร์ ได้เอกราช
งามผิดกันเลย
พูดถึงเรื่องการเป็นอาณานิคม สัมผัสได้เลยค่ะว่า คนเมียนมาร์ เจ็บช้ำน้ำใจกับอังกฤษมากพอสมควร ดังจะเห็นได้จากรูปถ่ายที่วัดโบตาเตา ที่เราจะไปต่อกัน