พ่อขุนรามคำแหงมหาราช หรือ พญาร่วง เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 ในราชวงศ์พระร่วงแห่งราชอาณาจักรสุโขทัย เสวยราชย์ประมาณ พ.ศ. 1822 ถึงประมาณ พ.ศ. 1841 พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของไทยที่ได้รับการยกย่องเป็น "มหาราช" ด้วยทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันทรงคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน ทรงรวบรวมอาณาจักรไทยจนเป็นปึกแผ่นกว้างขวาง ทั้งยังได้ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไทยขึ้น ทำให้ชาติไทยได้สะสมความรู้ทางศิลปะ วัฒนธรรม และวิชาการต่าง ๆ สืบทอดกันมากว่าเจ็ดร้อยปี
พระราชประวัติ
พระประสูติกาล
พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 3 ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์กับนางเสือง พระเชษฐาองค์แรกสิ้นพระชนม์ตั้งแต่พ่อขุนรามคำแหง ยังทรงพระเยาว์ พระเชษฐาองค์ที่สองทรงพระนามตามศิลาจารึกว่า "พระยาบานเมือง" ซึ่งได้เสวยราชย์ต่อจากพระราชบิดา และเมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว พ่อขุนรามคำแหงมหาราชก็เสวยราชย์แทนต่อมา
ตามพงศาวดารโยนก พ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งกรุงสุโขทัย พญามังรายมหาราชแห่งล้านนา และพญางำเมืองแห่งพะเยา เป็นศิษย์ร่วมพระอาจารย์เดียวกัน ณ สำนักพระสุกทันตฤๅษี ที่เมืองละโว้ จึงน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน โดยพญามังรายประสูติเมื่อ พ.ศ. 1782 พ่อขุนรามฯ น่าจะประสูติในปีใกล้เคียงกันนี้
ศิลาจารึกที่ 1
#ประวัติ
(ด้านที่๑ บรรทัดที่๑-๓)
บิดาขอพ่อขุนรามคำแหงชื่อ ศรีอินทราทิตย์ มารดาชื่อ นางเสือง พี่ชายชื่อ บานเมือง พ่อขุนรามคำแหงมีพี่น้องท้องเดียวกันทั้งหมดห้าคน เป็นผู้ชายสามคน ผู้หญิงสองคน พี่ชายคนโตของพ่อขุนรามคำแหงได้ตายจากไปตั้งแต่พ่อขุนรามคำแหงยังเป็นเด็กอยู่
#สงคราม
(ด้านที่ ๑ บรรทัดที่ ๓-๑๐)
เมื่อพ่อขุนรามคำแหงอายุได้สิบเก้าปี ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดได้ยกทัพมาตีเมืองตาก พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ไปออกรบกับขุนสามชน เมื่อทหารปีกซ้ายและปีกขวาของขุนสามชนขี่ช้างจะขับมาชนช้างของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ไพร่พลต่างวิ่งหนีกันชลมุน เพราะว่ากลัวแพ้ แต่พ่อขุนรามคำแหงไม่ได้หนี กลับขึ้นขี่ช้างแล้วเข้าพุ่งชนกับช้างมาสเมือง ซึ่งเป็นช้างของขุนสามชนแทนพ่อขุนศรีอินทราทิตย์จนช้างมาสเมืองแพ้ ขุนสามชนก็ได้แพ้แล้วหนีเตลิดไป ด้วยเหตุนี้ทำให้พ่อขุนศรีอินทราทิตย์สถาปนาพ่อขุนรามคำแหงเป็น พระรามคำแหง
#ลักษณะนิสัย
(ด้านที่ ๑ บรรทัดที่ ๑๐-๑๘)
พ่อขุนรามคำแหงคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และนางเสืองอย่างจงรักภักดี เมื่อหาสัตว์บกสัตว์น้ำ ผลไม้ต่าง ๆ หรืออะไรที่อร่อยจะนำมาถวายเสมอ ไปคล้องช้างได้ช้างมากี่เชือกก็จะนำมาถวาย แม้ไปตีบ้านตีเมืองอื่นได้เชลยชายหญิง ได้เงินได้ทอง ก็นำมาถวายแด่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ตลอด เมื่อพ่อขุนศรีอินทราทิตย์สิ้นพระชนม์พ่อขุนบานเมืองครองราชย์ต่อ พ่อขุนรามคำแหงก็ยังคงปฏิบัตตนเช่นเดิม ยังคงคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อขุนบานเมืองดั่งเช่นเคยทำกับพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
#เศรษฐกิจ
(ด้านที่ ๑ บรรทัดที่ ๑๐-๑๘)
พ่อขุนรามคำแหงคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และนางเสืองอย่างจงรักภักดี เมื่อหาสัตว์บกสัตว์น้ำ ผลไม้ต่าง ๆ หรืออะไรที่อร่อยจะนำมาถวายเสมอ ไปคล้องช้างได้ช้างมากี่เชือกก็จะนำมาถวาย แม้ไปตีบ้านตีเมืองอื่นได้เชลยชายหญิง ได้เงินได้ทอง ก็นำมาถวายแด่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ตลอด เมื่อพ่อขุนศรีอินทราทิตย์สิ้นพระชนม์พ่อขุนบานเมืองครองราชย์ต่อ พ่อขุนรามคำแหงก็ยังคงปฏิบัตตนเช่นเดิม ยังคงคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อขุนบานเมืองดั่งเช่นเคยทำกับพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
#กฎหมาย
ด้านที่ ๑ บรรทัดที่ ๒๒ ถึง ด้านที่ ๒ บรรทัดที่ ๑)
เมื่อมีการทะเลาะกันเกิดขึ้นพ่อขุนรามคำแหงก็จะสอบสวนด้วยความยุติธรรม ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแม้ว่าจะเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็ตาม ราษฎรที่มีเรื่องร้องทุกข์สามารถจะมาสั่นกระดิ่งที่แขวนไว้ที่ประตูเพื่อให้พ่อขุนรามคำแหงตัดสินแต่ไต่สวนได้ทุกเมื่อ และหากเจ้าเมืองไหนอยากจะตั้งเมืองเป็นของตนเอง พ่อขุนรามคำแหงก็ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่มีช้าง ก็ให้ช้าง ไม่มีเงินทองก็ให้ไปจนสามารถตั้งเป็นเมืองได้
ข้อมูลของพ่อขุนรามกับคำแปลหลักศิลาจารึกที่1 ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือเปล่าคะ
พระราชประวัติ
พระประสูติกาล
พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 3 ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์กับนางเสือง พระเชษฐาองค์แรกสิ้นพระชนม์ตั้งแต่พ่อขุนรามคำแหง ยังทรงพระเยาว์ พระเชษฐาองค์ที่สองทรงพระนามตามศิลาจารึกว่า "พระยาบานเมือง" ซึ่งได้เสวยราชย์ต่อจากพระราชบิดา และเมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว พ่อขุนรามคำแหงมหาราชก็เสวยราชย์แทนต่อมา
ตามพงศาวดารโยนก พ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งกรุงสุโขทัย พญามังรายมหาราชแห่งล้านนา และพญางำเมืองแห่งพะเยา เป็นศิษย์ร่วมพระอาจารย์เดียวกัน ณ สำนักพระสุกทันตฤๅษี ที่เมืองละโว้ จึงน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน โดยพญามังรายประสูติเมื่อ พ.ศ. 1782 พ่อขุนรามฯ น่าจะประสูติในปีใกล้เคียงกันนี้
ศิลาจารึกที่ 1
#ประวัติ
(ด้านที่๑ บรรทัดที่๑-๓)
บิดาขอพ่อขุนรามคำแหงชื่อ ศรีอินทราทิตย์ มารดาชื่อ นางเสือง พี่ชายชื่อ บานเมือง พ่อขุนรามคำแหงมีพี่น้องท้องเดียวกันทั้งหมดห้าคน เป็นผู้ชายสามคน ผู้หญิงสองคน พี่ชายคนโตของพ่อขุนรามคำแหงได้ตายจากไปตั้งแต่พ่อขุนรามคำแหงยังเป็นเด็กอยู่
#สงคราม
(ด้านที่ ๑ บรรทัดที่ ๓-๑๐)
เมื่อพ่อขุนรามคำแหงอายุได้สิบเก้าปี ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดได้ยกทัพมาตีเมืองตาก พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ไปออกรบกับขุนสามชน เมื่อทหารปีกซ้ายและปีกขวาของขุนสามชนขี่ช้างจะขับมาชนช้างของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ไพร่พลต่างวิ่งหนีกันชลมุน เพราะว่ากลัวแพ้ แต่พ่อขุนรามคำแหงไม่ได้หนี กลับขึ้นขี่ช้างแล้วเข้าพุ่งชนกับช้างมาสเมือง ซึ่งเป็นช้างของขุนสามชนแทนพ่อขุนศรีอินทราทิตย์จนช้างมาสเมืองแพ้ ขุนสามชนก็ได้แพ้แล้วหนีเตลิดไป ด้วยเหตุนี้ทำให้พ่อขุนศรีอินทราทิตย์สถาปนาพ่อขุนรามคำแหงเป็น พระรามคำแหง
#ลักษณะนิสัย
(ด้านที่ ๑ บรรทัดที่ ๑๐-๑๘)
พ่อขุนรามคำแหงคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และนางเสืองอย่างจงรักภักดี เมื่อหาสัตว์บกสัตว์น้ำ ผลไม้ต่าง ๆ หรืออะไรที่อร่อยจะนำมาถวายเสมอ ไปคล้องช้างได้ช้างมากี่เชือกก็จะนำมาถวาย แม้ไปตีบ้านตีเมืองอื่นได้เชลยชายหญิง ได้เงินได้ทอง ก็นำมาถวายแด่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ตลอด เมื่อพ่อขุนศรีอินทราทิตย์สิ้นพระชนม์พ่อขุนบานเมืองครองราชย์ต่อ พ่อขุนรามคำแหงก็ยังคงปฏิบัตตนเช่นเดิม ยังคงคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อขุนบานเมืองดั่งเช่นเคยทำกับพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
#เศรษฐกิจ
(ด้านที่ ๑ บรรทัดที่ ๑๐-๑๘)
พ่อขุนรามคำแหงคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และนางเสืองอย่างจงรักภักดี เมื่อหาสัตว์บกสัตว์น้ำ ผลไม้ต่าง ๆ หรืออะไรที่อร่อยจะนำมาถวายเสมอ ไปคล้องช้างได้ช้างมากี่เชือกก็จะนำมาถวาย แม้ไปตีบ้านตีเมืองอื่นได้เชลยชายหญิง ได้เงินได้ทอง ก็นำมาถวายแด่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ตลอด เมื่อพ่อขุนศรีอินทราทิตย์สิ้นพระชนม์พ่อขุนบานเมืองครองราชย์ต่อ พ่อขุนรามคำแหงก็ยังคงปฏิบัตตนเช่นเดิม ยังคงคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อขุนบานเมืองดั่งเช่นเคยทำกับพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
#กฎหมาย
ด้านที่ ๑ บรรทัดที่ ๒๒ ถึง ด้านที่ ๒ บรรทัดที่ ๑)
เมื่อมีการทะเลาะกันเกิดขึ้นพ่อขุนรามคำแหงก็จะสอบสวนด้วยความยุติธรรม ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแม้ว่าจะเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็ตาม ราษฎรที่มีเรื่องร้องทุกข์สามารถจะมาสั่นกระดิ่งที่แขวนไว้ที่ประตูเพื่อให้พ่อขุนรามคำแหงตัดสินแต่ไต่สวนได้ทุกเมื่อ และหากเจ้าเมืองไหนอยากจะตั้งเมืองเป็นของตนเอง พ่อขุนรามคำแหงก็ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่มีช้าง ก็ให้ช้าง ไม่มีเงินทองก็ให้ไปจนสามารถตั้งเป็นเมืองได้