ประสบการณ์ 8 ปีกับชีวิตพ่อค้าในอีเบย์แบบ Full Time

สวัสดีครับ
วันนี้ว่างๆ เลยจะมาขอแชร์ประสบการณ์การเป็นพ่อค้าในอีเบย์มาให้เพื่อนๆ ที่สนใจได้อ่านกันครับ
เริ่มเลยนะครับ ..

ปี 2549 ผมได้มีโอกาสไปทำงานกับบริษัทฝรั่งที่นึง แต่เป็นบริษัทเล็กๆ มีพนักงานไม่ถึงสิบคน ตอนไปสมัครงานที่นี่ผมยังไม่รู้จักอีเบย์ด้วยซ้ำ คนสัมภาษณ์ถามผมว่ารู้จักอีเบย์มั้ย 55555 ตอนไปทำตำแหน่งผมก็เล็กๆ ไม่ได้แตะอะไรเกี่ยวกับอีเบย์หรือpaypal เลย แต่ก็เห็นหัวหน้าทำอยู่ทุกวัน ก็พอซึมซับมาบ้าง
พอทำได้ซักพักก็บอกกับตัวเองเลยว่า นี่แหละงานที่ผมต้องการ (คือผมเป็นไม่คนไม่ชอบคุยเลยคิดว่าการทำงานกับคอมและติดต่อลูกค้าทางเมล์น่าจะเหมาะกับเราที่สุดแล้ว) ตอนที่ทำงานที่นี่แรกๆ บริษัทก็ขายดีมากๆ ครับ เดือนๆ หนึ่งก็ได้เยอะอยู่

ด้วยความสนใจ ผมก็เลยไปลองซื้อหนังสือมาอ่าน ชื่อหนังสือ รวยด้วยอีเบย์ พออ่านแล้วก็เข้าใจเร็วขึ้นเนื่องจากเราทำงานตรงนี้อยู่แล้ว แม้จะไม่ได้มีหน้าที่ตรงนั้นโดยตรง

ประมาณต้นปี 2550 ผมก็เริ่มย้ายหอที่สามารถขอติดตั้ง internet ได้ และเริ่มผ่อนคอมและกล้องถ่ายรูปเพื่อมาใช้ทำงานอีเบย์โดยเฉพาะ กลางปีผมก็เริ่มเปิด account อีเบย์เป็นของตัวเอง (แต่ก็ยังทำงานอยู่ที่บริษัทฯ ด้วย) พอเปิด account ทั้ง eBay และ Paypal เสร็จ (paypal คือเวบสำหรับการรับจ่ายเงินเวลาซื้อของหรือขายของได้ ซึ่งคนทำอีเบย์คงจะรู้กันดีนะครับ) แรกๆ ผมก็หาข้อมูลว่าจะขายอะไรดี หาไปหามาก็ลองขายสิ่งที่ใกล้ๆ ตัวเรา ที่เราใช้อยู่ แรกๆ ก็ลองลงขายแบบ auction (ประมูล) ตอนที่มีคนมาบิดชิ้นแรกความรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ครับ (ทุกคนที่ขายครั้งแรกน่าจะเป็นกันนะครับ)
จำได้เลยว่าครั้งแรกที่ถอนเงินจาก paypal น่าจะประมาณ US $232 ก็เริ่มมีกำลังใจขึ้นมา  แต่ก็ยังขายไม่ดีมากครับ ก็เริ่มๆ หาอย่างอื่นมาลองขายเรื่อยๆ จนวันนึงก็ไปลองซื้อสินค้าตัวใหม่มาลงดู (ซื้อมาทั้งหมด 6 ชิ้น) ลงขายแบบ Auction ปรากฎว่ามีคนมาแข่งกันประมูลเยอะมากและก็ได้กำไรดีมากๆ ตอนหลังผมก็เลยผูกขาดสินค้านี้เป็นหลักมาตลอด แต่ก็มีตัวอื่นๆ มาแจมบ้างแต่ไม่มากครับ ช่วงนี้ผมก็ยังคงทำงานที่บริษัทด้วยและก็ขายของในอีเบย์ส่วนตัวด้วยครับ ก็เลยยังไม่มีเวลาลงของขายเยอะๆ จนหลังๆ ที่บริษัทยอดตกและค่อนข้างมีปัญหาผมก็เลยลาออกมาเมื่อต้นปี 2551

ปี 2551 ผมก็ยังไม่ได้ขายอีเบย์เต็มตัวโดยคิดว่า มันคงไม่ได้ขายดีจนเราสามารถอยู่ได้ ก็เลยหางานทำไปด้วย พอไปทำงานที่ใหม่(ไม่ใช่งานเกี่ยวกับอีเบย์) ก็รู้สึกว่าไม่มีเวลาทำงานอีเบย์เลย ก็เลยตัดสินใจมาทำอีเบย์เต็มๆ น่าจะประมาณกลางปี 2551

พอมาทำอีเบย์จริงๆ จังๆ ก็รู้สึกว่าอิสระดี ยอดขายตอนนั้นก็โอเคมากๆ ครับ (ทั้งนี้ทั้งนั้นน่าจะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจและสินค้าของเราด้วยครับว่าเป็นที่ต้องการของตลาดมั้ย) ผมก็ทำอีเบย์มาเรื่อยๆ ครับ ช่วงนั้นรู้สึกว่ามันอเมซิ่งจริงๆ จะบอกว่ารวยด้วยอีเบย์เหมือนชื่อหนังสือก็ได้ครับ 55

และแล้วพอมาถึงช่วงปี 2553 มีเหตุให้ account อีเบย์ของผมต้องโดนระงับแบบถาวร ด้วยมันคิดว่าผมขายของปลอม (มีลูกค้าฟ้องครับ แต่จริงๆ ของผมเป็นของแท้ ซึ่งเหตุการณ์แบบที่ว่าสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดครับ ของแท้ของเรา ผลิตในประเทศไทย อาจจะไม่เหมือนของประเทศเค้าก็เป็นได้) ตอนที่ account ผมโดนแบน ตอนนั้น feedback น่าจะราวๆ 2500 ได้แล้วครับ ก็รู้สึกแย่มากๆ ช่วงนี้พยายามโทรไปเพื่อขอกู้คืนแต่ก็ไม่สามารถทำได้

พอ account นั้นโดนแบน ก็เลยพยายามเปิด account ใหม่ ก็สำเร็จและก็ลงขายของได้ตามปกติและเป็นสินค้าตัวเดิม (โชคดีที่ตอนนั้นทาง eBay ยังไม่ได้จำกัดจำนวนการขายเหมือนตอนนี้)

ตอนนี้ก็ยังขายในอีเบย์อยู่ครับและก็ทำงานนี้งานเดียวไม่มีงานพิเศษอื่นๆ แต่ช่วงนี้ยอดค่อนข้างตกพอสมควร แต่ก็ยังอยู่ได้ครับ แต่ถ้าถามว่า รวยด้วยอีเบย์ เหมือนชื่อหนังสือหรือปล่าว ผมก็สามารถตอบได้ว่ามันทำให้ชีวิตผมดีขึ้นเยอะมากๆ ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยุ่กับสินค้าของเราด้วยนะครับ มันไม่ได้ขายดีทุกอย่างหรือจะรวยทุกคน

คุณสมบัติหลักๆ ที่ควรมี (อันนี้จากประสบการณ์ตรงของตัวเองนะครับ)
1.ภาษาอังกฤษ พออ่านออก เขียนได้ แปลได้พอประมาณ (ผมไม่เก่งเลย แต่ก็โต้ตอบได้ อาศัย google บ้าง คนเก่งภาษาอังกฤษน่าจะได้เปรียบ)
  ผมบอกเลยว่าลูกค้าที่จะซื้อของส่วนใหญ่เค้าจะอ่านรายละเอียดที่เราเขียนใว้ ประมาณ 95% จะไม่ถามอะไรเลย (จากประสบการณ์ของผมน่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมเดาว่าน่าจะขึ้นอยู่กับว่าเป็นสินค้าอะไรด้วย)
2.สามารถใช้คอม internet ได้ดีพอสมควร
3.Photoshop บ้าง  สำหรับการแต่งรูปเพื่อให้สีเหมือนของจริง เพราะเวลาถ่ายมันอาจจะเพี้ยนไปบ้าง

เราได้อะไรจากอีเบย์ (จากประสบการณ์ตรงผมอีกแล้ว อิอิ)
1.รายได้
2.การทำงานที่อิสระ
3.เวลา

พอเรามีรายได้ประมาณนึงก็เที่ยวบ้าง แต่ในขณะที่เราเที่ยวแต่ร้านเราก็ยังขายปกติ (อันนี้ผมคิดว่าเป็นข้อดีมากๆ ข้อหนึ่งของการขายออนไลน์ คือร้านเปิด 24 ชั่วโมง) บางทีมีธุระ หรือขี้เกียจ สามารถจัดการเวลาเองได้  

แต่ปัญหาก็เยอะเหมือนกันครับ ถ้าเจอลูกค้าแย่ๆ ก็ทำเราปวดหัวเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าจะดีมากกว่า ที่แย่ก็มีแต่น้อย ถ้าจะขายนานๆ ก็ต้องจริงใจ และซื่อสัตย์กับลูกค้าครับ และอีกอย่างคือถ้าขายแบรนด์เนมก็ไม่ควรขายของปลอมนะครับ
อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเกิดมีข้อพิพาทระหว่างเรากับผู้ซื้อ (เช่นผู้ซื้อร้องเรียนไปว่าของปลอม, ไม่ได้รับของ) ถ้าไม่มีอะไรพิสูจน์ได้หรือไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่อีเบย์จะตัดสินให้ผู้ซื้อเป็นฝ่ายชนะและเราก็จำเป็นจำเป็นต้องต้องคืนเงินให้ผู้ซื้อไป บางทีก็รู้สึกไม่เป็นธรรม แต่ก็ต้องยอมครับ เพราะไม่งั้นก็จะมีผลกับ account ของเรา

จบละครับ เล่าแบบรวบรัดนะครับ เพราะจริงๆ รายละเอียดเยอะแยะมากกมาย
ใครมีอะไรสอบถามเกี่ยวกับ eBay หรือ Paypal ก็ถามมาได้เลยครับ หรือ inbox ก็ได้ครับ (ถ้าผมสามารถตอบได้นะ) ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่