[CR] รีวิวโรงเรียนต้นกล้าเชียงใหม่ (โรงเรียนทางเลือก)

สวัสดีค่ะ วันนี้ขอรีวิวโรงเรียนบ้างค่ะ จะมาเล่าถึงประสบการณ์โรงเรียนทางเลือกที่ลูกเราเรียนอยู่ค่ะ กระทู้นี้เป็นรีวิวจากประสบการณ์จริงและความคิดเห็นส่วนตัวเท่าที่ได้สัมผัสนะคะ หากใครต้องการสอบถามหรือมีความเห็นแนะนำอื่นๆ สามารถเข้ามาแชร์กันได้นะคะ

เริ่มต้นเลย ก่อนที่จะพาลูกเข้าโรงเรียนนี้คือก็ดูไว้หลายๆ โรงเรียนทั้งโรงเรียนทั่วไปและโรงเรียนทางเลือกในเชียงใหม่ แต่สามีอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนทางเลือกเพราะว่าเค้าไม่ค่อยเชื่อมั่นในการจัดการศึกษากระแสหลักของไทยเท่าไหร่ค่ะ โดยส่วนตัวเราคิดว่าไม่ใช่มันไม่ดีขนาดนั้นนะคะ เพราะเรากับสามีก็จบโรงเรียนทั่วไปมาเหมือนกัน แต่มันจะมีความแตกต่างบางอย่างที่สามีเล็งเห็น เค้าบอกว่าไม่อยากให้ลูกเรียนแบบอัดแน่นเกินไป เพราะโรงเรียนทั่วไปจะเรียนเยอะมากๆๆ สุดท้ายเด็กก็จำไม่ได้ จำได้แค่พอเอาไปสอบ พอสอบเสร็จก็ลืม และเค้าอยากให้ลูกไปโรงเรียนอย่างมีความสุข ประมาณนั้นค่ะ ก็เลยลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรียนทางเลือก อีกอย่างค่าเทอมเมื่อเทียบกับโรงเรียนเอกชนทั่วไปแล้วก็พอๆ กันค่ะ ก็เลยลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดู

พอหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนทางเลือกในเชียงใหม่ก็มีอยู่ 3-4 โรงเรียน แล้วก็ตัดสินใจไปดูที่ต้นกล้าเพราะอยู่ใกล้บ้านและเดินทางสะดวก ไม่อยากให้ลูกต้องเจอรถติดทุกเช้าค่ะ ก็เลยคิดว่าไปโรงเรียนใกล้ๆ น่าจะดีกว่า พอเข้าไปดูที่โรงเรียนคุณครูจะให้เยี่ยมชม และแนะนำโรงเรียน พูดคุยแลกเปลี่ยนแนวทางของโรงเรียนกันก่อนที่จะให้ซื้อใบสมัครค่ะ ใบสมัครนี้จะซื้อเลยหรือยังไม่ซื้อก็ได้ แต่เราตัดสินใจซื้อใบสมัครวันนั้นเลย เพราะคิดว่าน่าจะเลือกโรงเรียนนี้ จริงๆ ก็คิดตั้งแต่ที่บ้านแล้วค่ะว่าจะสมัครที่นี่ หาข้อมูลจากในเน็ทเยอะพอสมควร

เท่าที่จำได้สิ่งที่ครูแนะนำในวันนั้นคือเค้าจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางของโรงเรียนก่อน เค้าจะมีกราฟมาให้ดูว่าความก้าวหน้าของเด็กที่โรงเรียนตั้งเป้าไว้เป็นอย่างไร แอบบอกเลยว่ากราฟอันนี้มีส่วนที่ทำให้เราตัดสินใจเอาลูกเข้าเรียนที่นี่ด้วยค่ะ



ก็คือเค้าจะไม่เร่งรัดเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่จะเน้นให้เค้ามาโรงเรียนอย่างมีความสุขก่อน โดยปลูกฝังความรักโรงเรียน และเน้นเรื่องการเรียนรู้ผ่านการเล่น ซึ่งเราว่ามันเหมาะกับเด็กเล็กมากๆ เลย ถ้าให้มานั่งท่องหรือเรียนเยอะๆ เด็กคงจะเบื่อและไม่อยากไปโรงเรียน

พอชั้นอนุบาล 2-3 ก็จะปลูกฝังให้เด็กรักการเรียนรู้ ฝึกการคิด การแก้ปัญหา ซึ่งก็หนีไม่พ้นการเล่นอีกเหมือนกันค่ะ เพราะเด็กวัยนี้การเล่นคืองานของเค้าค่ะ

พอโตขึ้นมาหน่อย ชั้นประถม 1-3 ก็จะเริ่มปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน ซึ่งเราชอบเพราะเราเป็นคนรักการอ่านเหมือนกันและคิดว่าความรู้ในสมองของเราในทุกวันนี้กว่า 80% ได้มาจากการอ่านค่ะ

และสุดท้ายเด็กโต ป.4-6 จะปลูกฝังให้เด็กรักการฝึกฝน อันนี้น่าจะหมายถึงความอดทน ความมุมานะ เพื่อให้เด็กเป็นคนที่มีความตั้งใจจริง มีความพยายามและความอดทนในการฝึกฝนประมาณนี้ค่ะ

คุณครูจะอธิบายว่าถ้าเด็กได้รับการฝึกฝนตามคุณสมบัติเหล่านี้แล้ว จะทำให้เค้าพัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศได้เองในอนาคตเมื่อโตขึ้นไป ณ ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นผลที่ชัดเจนแต่มันเป็นการวางรากฐานที่ดีสำหรับเด็กในระยะยาว

ในการประชุมผู้ปกครองทางโรงเรียนก็จะพูดเรื่องนี้บ่อยๆ ค่ะ ประมาณว่าการเรียนแบบท่องจำเห็นผลรวดเร็วนั้นเปรียบเหมือนกับการกินอาหารสำเร็จรูป มันสุกเร็ว ทานง่าย แต่มันไม่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เหมือนพ่อแม่ที่หวังผลต้องการให้ลูกท่อง ก-ฮ ได้หมด เขียนได้ทุกตัว จำสูตรคูณได้ทุกแม่ แล้วอัดสอนให้เด็กจำให้ได้ตั้งแต่เล็กๆ นั้นคือเด็กจะจำได้ทั้งหมดก็จริงแต่ว่าเค้าไม่ได้เกิดการเรียนรู้จากข้างใน บางทีเค้าท่องได้แต่เค้ายังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าท่องไปทำไม พ่อแม่ก็ชมว่าลูกเก่งแต่แท้ที่จริงการเรียนรู้แทบจะไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กเลย

ก็เป็นจริงอย่างที่โรงเรียนบอกค่ะ คือพอเราเอาลูกเข้าเรียนสิ่งแรกเลยที่เห็นว่าต่างจากโรงเรียนทั่วไปก็คือการบ้านลูกค่ะ ตอนที่ฝึกให้เค้าเขียน ก-ฮ ก็จะไม่เหมือนโรงเรียนทั่วไปที่ให้เด็กเอาดินสอมานั่งคัดๆๆๆ เป็นหน้าๆ ค่ะ เราว่ามันน่าเบื่อเกินไป ตอนเด็กๆ เราก็ไม่ชอบคัดเลย แต่พอเห็นการบ้านลูกแล้วเรายังอยากทำเลยค่ะ คือเค้าจะให้เด็กเอาเศษกระดาษ,เชือกหรือเศษใบไม้มาแปะตามแนวตัวอักษรที่เป็นการบ้านของวันนั้น เหมือนทำงานศิลปะไปด้วย เด็กก็จะเกิดความคิดสร้างสรรค์ในขณะที่ได้เรียนรู้ตัวอักษรไปด้วย พอเค้าสนุกเค้าก็จะจำได้ แปะเสร็จก็ให้ใช้นิ้วลากตามแนวตัวอักษรเพื่อให้เข้าใจก่อน แล้วค่อยมาเขียนทีหลังค่ะ เขียนวันละนิดละหน่อย เป็นการบ้านที่สร้างสรรค์มากๆ เลย แต่บอกก่อนว่าพ่อแม่ต้องช่วยทำนะคะ เพราะมันจะมีกาว มีเศษกระดาษ ที่ต้องแปะค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นจากการเรียนแบบไม่เร่งรัดก็คือลูกเราอยากเรียนค่ะ เพราะธรรมชาติของเด็กเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว มีอยู่วันนึงเค้ามาถามว่า “แม่ ชื่อหนูมีตัวอะไรบ้าง เขียนให้ดูหน่อย” แล้วพอเราบอกเค้าก็จะสนใจ กระตือรือร้น คือมันเป็นความอยากรู้ที่เกิดจากตัวเค้าเองโดยที่เราไม่ได้ยัดเยียดให้กับเค้าค่ะ

ในขณะที่เด็กโรงเรียนอื่นรุ่นเดียวกันเค้าเขียนได้หมดทุกตัวแล้วแต่อาจจะไม่สนุกกับการเขียนเท่าไหร่และอาจจะไม่อยากรู้หรือไม่รู้ว่าทำไมต้องเขียน แต่ลูกเราที่ยังเขียนได้ไม่มาก แต่ใจเค้าอยากเขียน อยากรู้ และที่สำคัญเค้าสนุกกับการได้เรียน ได้เขียนหนังสือค่ะ แล้ววันที่เค้าเขียนได้เค้าจะเขียนมาจากใจค่ะ...

อีกอย่างที่ทำให้ตัดสินใจส่งลูกเรียนคือคุณครูที่โรงเรียนบอกว่า เค้าจะไม่เรียกตัวเองว่า “แม่พิมพ์ของชาติ” เพราะการเป็นแม่พิมพ์คือการผลิตสิ่งที่เหมือนๆ กันออกมา ซึ่งครูคิดว่าไม่มีใครที่ดีสมบูรณ์แบบพอที่จะเป็นแม่พิมพ์ให้กับคนอื่นได้ และที่สำคัญคือเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทุกคนมีความชอบและความสนใจหรือบุคลิกที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นครูจึงไม่สามารถเป็นแม่พิมพ์ให้เด็กทุกคนมาเป็นเหมือนครูได้ แต่จะเป็นคนที่คอยชี้แนะให้เด็กเรียนรู้และเติบโตไปตามแนวทางของแต่ละคน ซึ่งเราชอบแนวคิดนี้มากๆ เลยค่ะ นึกถึงรูปๆ นี้ที่เคยดูในอินเตอร์เน็ตขึ้นมา



คือโรงเรียนจะคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็กซึ่งเป็นสิ่งที่เราชอบค่ะ

ผลอีกอย่างที่เกิดขึ้นกับลูกเราคือเค้าเป็นเด็กที่เชื่อฟัง ว่านอนสอนง่าย คือตอนซนเค้าก็ซนนะคะ ไม่ได้เป็นเด็กเรียบร้อยอะไร ตามประสาเด็กวัยกำลังโตชอบเล่นซนเป็นปกติ แต่พอบอกอะไรเค้าจะฟังค่ะ จะมีมารยาท (เราสอนเค้าด้วย) และทางโรงเรียนเค้าจะบอกว่าเค้าให้ความสำคัญกับการสร้างคนดีไปพร้อมๆ กับการสร้างคนเก่งค่ะ จะมีการปลูกฝังเรื่องนี้และมีกิจกรรมการนั่งสมาธิ ให้เด็กสงบจิตใจ การแบ่งปันจากพี่สู่น้อง และเพื่อนๆ ในชั้นเรียน ซึ่งอันนี้เป็นผลพลอยได้ เพราะเราเพิ่งมารู้ทีหลังค่ะว่าโรงเรียนทางเลือกเป็นแบบนี้ด้วย ตอนแรกคิดว่าแค่สอนสนุกไม่ให้เด็กเครียด แต่จริงๆแล้วคือจะเน้นเรื่องนี้ด้วย ต่างจากโรงเรียนทั่วไปที่เน้นแต่วิชาการ เน้นให้เด็กเรียนเก่ง สอบได้อันดับดีๆ

ส่วนใหญ่โรงเรียนทางเลือกจะเป็นแบบนี้ทุกที่ค่ะ ไม่ใช่แต่ที่โรงเรียนนี้นะคะ จริงๆ แล้วโรงเรียนทางเลือกมีหลายแนว แต่เรายังไม่ได้ศึกษาลึกขนาดนั้นค่ะ รู้แค่ว่าหลักๆ คือจะสอนให้เด็กเป็นคนดี มีความสุข ควบคู่ไปด้วยประมาณนี้ค่ะ

เรื่องภาษาของลูกเราอาจจะยังเห็นผลไม่ชัดเพราะว่ายังเล็กอยู่ค่ะและเราก็ไม่ได้สอนเสริมอะไรเลย ให้ไปหาความรู้ที่โรงเรียนเอาอย่างเดียวเพราะพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยเก่งภาษาเท่าไหร่ อิอิ แต่สิ่งที่เห็นคือลูกไม่กลัวฝรั่งค่ะ เค้าจะกล้าเข้าหาครูฝรั่ง (ต่างจากพ่อกับแม่เลย เจอฝรั่งทีไรหนีแทบไม่ทัน 555) ไม่ใช่แค่ลูกเราคนเดียวที่เป็นแบบนี้ค่ะ เด็กๆ เกือบทุกคนที่โรงเรียนนี้จะชอบครูฝรั่งกันมาก ครูฝรั่งเดินมาทีนี่อย่างกับดารา เด็กๆ จะชอบเข้าไปรุมล้อมและอยากเข้าไปคุยด้วย พูดถูกบ้างผิดบ้างแต่เด็กกล้าพูดค่ะ อย่างลูกเรานี่สำเนียงเป๊ะมากเพราะคุยกับครูฝรั่งทุกวัน แต่แกรมม่าถูกรึเปล่ายังไม่รู้ อิอิ ซึ่งเราว่าเป็นรากฐานที่ดี ส่วนพ่อแม่บางคนที่เก่งภาษาเค้าก็อาจจะสอนเสริมให้ลูกบ้าง ก็เห็นเด็กหลายๆ คนใช้ภาษาได้ดีค่ะ

พ่อแม่ก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับโรงเรียนนี้นะคะ เพราะทางโรงเรียนจะเน้นการจัดกิจกรรมให้ผู้ปกครองได้มีส่วนร่วม ดังนั้น ควรจะต้องมีเวลานิดนึงค่ะ เราก็จะได้เพื่อนที่เป็นผู้ปกครองมาพูดคุยแลกเปลี่ยนนู่นนี่กันเยอะเลยค่ะ อันนี้พ่อแม่บางคนแอบบ่นเพราะไม่มีเวลามา แต่สำหรับเราไม่มีปัญหาเท่าไหร่ค่ะ เพราะเราอยากไปร่วมกิจกรรมกับลูกอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่แอบอยากบ่นคือบางทีการจัดกิจกรรมทางโรงเรียนมักจะบอกกะทันหันค่ะ ทำให้เตรียมตัวไม่ทัน บางทีลูกต้องแต่งตัวแฟนซีไปโรงเรียนหาชุดไม่ทันค่ะ ไปถามร้านค้าแม่ค้าถามเลยว่าไปโรงเรียนนี้ใช่มั้ยคะ เพราะผู้ปกครองมาหาซื้อชุดกันเยอะเลย บางทีหาไม่ทันก็ต้องประดิษฐ์เอาเองค่ะ งัดความคิดสร้างสรรค์และสิ่งที่มีอยู่ในบ้านออกมาใช้ อิอิ

แต่สรุปโดยรวมแล้วชอบค่ะ ลูกมีความสุขดีที่เข้าโรงเรียนนี้
ส่วนตัวเราก็ชอบอย่างที่ได้เล่าไป นอกจากนี้ก็มีรายละเอียดปลีกย่อย เช่น บริเวณโรงเรียนสะอาด สวยงาม หรือมีการฉีดพ่นยุงทุกสัปดาห์, มีการแจ้งเมนูอาหารเด็กให้ผู้ปกครอง, คุณครูยิ้มแย้มแจ่มใสทุกคน ฯลฯ ค่ะ ออ เพลงโรงเรียนเพราะดีด้วยค่ะ ที่โรงเรียนจะเปิดทุกวัน เป็นเพลงภาษาอังกฤษ ยังไม่เคยได้ยินเพลงประจำโรงเรียนไหนที่เพราะเท่าโรงเรียนนี้เลยค่ะ อันนี้ไม่เกี่ยวกับการเรียนของลูกแต่แม่ชอบเองส่วนตัวค่ะ

ตอนนี้ขอรีวิวแค่นี้ก่อนค่ะ เพราะเจ้าตัวเล็กยังอยู่ชั้นอนุบาลอยู่ ถ้าโตขึ้นจะมารีวิวให้อ่านกันอีกเรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบค่ะ ยิ้ม
ชื่อสินค้า:   โรงเรียนต้นกล้า
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่