ผมเป็นพนักงานของสายการบินแห่งหนึ่งครับ รายได้ต่อเดือนหกหลักครับ ผมมีทาว์นเฮ้าส์และคอนโด อย่างละหนึ่งที่ ไม่รวมบ้านที่อาศัยอยู่ ปัจจุบัน ทาว์นเฮ้าส์หมดระยะเงื่อนไขสัญญากับแบงค์น้ำเงินแห่งหนึ่งแล้ว เลยมองหาแบงค์ใหม่ที่จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้มากขึ้น มาถูกใจที่แบงค์เหลืองครับ ผมจะประหยัดดอกเบี้ยได้ประมาณห้าหมื่นบาทในระยะเวลาสามปี รออะไรล่ะครับ จัดเลย
1 ทาว์นเฮ้าส์นี้เคยให้เช่า แต่ผู้เช่าเพิ่งย้ายออกไป เลยเป็นบ้านเปล่า ปัจจุบันมีภาระเหลืออยู่ ล้านกับอีกสี่หมื่น ผ่อนเดือนละ 8800 บาท ผมมีภาระกับสถาบันการเงินอื่นๆรวมทั้งหมดประมาณสี่หมื่นห้าต่อเดือนครับ
2 ไม่รอช้าครับ รีบยื่นเรื่องขอ รี ผ่านสาขาย่อยแห่งหนึ่งเลย ขอเอกสารเยอะมาก แม้กระทั่งแบบฟอร์มยื่นภาษีก้อเอา คงจะดูว่ารายได้เราสอดคล้องกับภาษีที่จ่ายหรือเปล่า
3 ผู้ประเมินเข้ามา ประเมิน ถ่ายรูป ภายในเจ็ดวัน นับตั้งแต่ยื่นเรื่อง ซึ่งถือว่าเร็วมาก สุภาพ บริการดี
4 แบงค์แจ้งผลประเมินว่า บ้านผมมูลค่าสองล้าน และอนุมัติสินเชื่อแล้ว ให้นัดแบงค์น้ำเงินทำเรื่องไถ่ถอนได้เลย
5 ระหว่างรอทางแบงค์น้ำเงินดำเนินการอยู่ทางแบงค์เหลืองก้อโทรมาติดตามประจำ พร้อมทั้งให้เข้าไปชำระเงินค่าประกันอุบัติภัยและเปิดบัญชีด้วย
6 แบงค์น้ำเงินนัดวันไถ่ถอนมาแล้ว แจ้งทางแบงค์เหลือง ถัดวันไป สนง.ที่ดินกันเรียบร้อย ทุกอย่างคงราบรื่น
7 ก่อนวันนัดหนึ่งวัน แบงค์เหลืองโทรมา ขอให้เลื่อนนัดออกไปก่อนเนื่องจาก บ้านผมเป็นบ้านเปล่า ทาง สนง.ใหญ่ต้องเปลี่ยนรายละเอียดการขอสินเชื่อใหม่ เสร็จแล้วจะขอนัดอีกที พร้อมทั้งเสนอ ดอกเบี้ยใหม่ ที่ถูกกว่าเดิมอีกเล็กน้อย
8 ผมก้อได้แต่รอ จนหลังจากนั้นอีกสี่วัน พนักงานสาขาย่อยโทรมาบอกผมว่า ทางแบงค์ไม่มีนโยบาย รีไฟแนนซ์บ้านเปล่า ขอให้ผมเอาตู้เสื้อผ้าไปใส่สักใบ แล้วจะส่งคนไปประเมิน เพื่อทำเรื่องใหม่ ผมเจอความจู้จี้เข้าไป เลยบอกยกเลิกการขอสินเชื่อไปทางโทรศัพท์เรียบร้อยครับ
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมไม่ค่อยเข้าใจในระบบการทำงานของแบงค์นี้เท่าไร การขอรีไฟแนนซ์ มันมีบ้านเปล่ากับบ้านที่มีคนอยู่ด้วยหรือ แล้วถ้ามี ทำไมอนุมัติตั้งแต่แรก แล้วมาเปลี่ยนแปลงในวันสุดท้าย ดูไม่ค่อยเป็นมืออาชีพเท่าไร
หรือตัวผมเองจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทางด้านการเงิน ซึ่งดูแล้วก้อไม่น่าจะใช่ แบงค์ที่ไหนเห็นประวัติผมแล้วน่าจะรีบอ้าแขนรับทันที
ผมแค่มาเล่ามาแชร์ประสบการณ์ มาบ่นให้ฟังนะครับ ส่วนทาว์นเฮ้าส์หลังนี้ก้อคงจะหาผู้เช่าใหม่แลัวผ่อนธนาคารไปเรื่อยๆ ยังไม่คิดจะปิดมันแต่อย่างไร แค่จะทำให้กระแสเงินสดเป็นบวกครับ
เล่าประสบการณ์ขอ Refinance บ้าน กับแบงค์สีเหลือง
1 ทาว์นเฮ้าส์นี้เคยให้เช่า แต่ผู้เช่าเพิ่งย้ายออกไป เลยเป็นบ้านเปล่า ปัจจุบันมีภาระเหลืออยู่ ล้านกับอีกสี่หมื่น ผ่อนเดือนละ 8800 บาท ผมมีภาระกับสถาบันการเงินอื่นๆรวมทั้งหมดประมาณสี่หมื่นห้าต่อเดือนครับ
2 ไม่รอช้าครับ รีบยื่นเรื่องขอ รี ผ่านสาขาย่อยแห่งหนึ่งเลย ขอเอกสารเยอะมาก แม้กระทั่งแบบฟอร์มยื่นภาษีก้อเอา คงจะดูว่ารายได้เราสอดคล้องกับภาษีที่จ่ายหรือเปล่า
3 ผู้ประเมินเข้ามา ประเมิน ถ่ายรูป ภายในเจ็ดวัน นับตั้งแต่ยื่นเรื่อง ซึ่งถือว่าเร็วมาก สุภาพ บริการดี
4 แบงค์แจ้งผลประเมินว่า บ้านผมมูลค่าสองล้าน และอนุมัติสินเชื่อแล้ว ให้นัดแบงค์น้ำเงินทำเรื่องไถ่ถอนได้เลย
5 ระหว่างรอทางแบงค์น้ำเงินดำเนินการอยู่ทางแบงค์เหลืองก้อโทรมาติดตามประจำ พร้อมทั้งให้เข้าไปชำระเงินค่าประกันอุบัติภัยและเปิดบัญชีด้วย
6 แบงค์น้ำเงินนัดวันไถ่ถอนมาแล้ว แจ้งทางแบงค์เหลือง ถัดวันไป สนง.ที่ดินกันเรียบร้อย ทุกอย่างคงราบรื่น
7 ก่อนวันนัดหนึ่งวัน แบงค์เหลืองโทรมา ขอให้เลื่อนนัดออกไปก่อนเนื่องจาก บ้านผมเป็นบ้านเปล่า ทาง สนง.ใหญ่ต้องเปลี่ยนรายละเอียดการขอสินเชื่อใหม่ เสร็จแล้วจะขอนัดอีกที พร้อมทั้งเสนอ ดอกเบี้ยใหม่ ที่ถูกกว่าเดิมอีกเล็กน้อย
8 ผมก้อได้แต่รอ จนหลังจากนั้นอีกสี่วัน พนักงานสาขาย่อยโทรมาบอกผมว่า ทางแบงค์ไม่มีนโยบาย รีไฟแนนซ์บ้านเปล่า ขอให้ผมเอาตู้เสื้อผ้าไปใส่สักใบ แล้วจะส่งคนไปประเมิน เพื่อทำเรื่องใหม่ ผมเจอความจู้จี้เข้าไป เลยบอกยกเลิกการขอสินเชื่อไปทางโทรศัพท์เรียบร้อยครับ
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมไม่ค่อยเข้าใจในระบบการทำงานของแบงค์นี้เท่าไร การขอรีไฟแนนซ์ มันมีบ้านเปล่ากับบ้านที่มีคนอยู่ด้วยหรือ แล้วถ้ามี ทำไมอนุมัติตั้งแต่แรก แล้วมาเปลี่ยนแปลงในวันสุดท้าย ดูไม่ค่อยเป็นมืออาชีพเท่าไร
หรือตัวผมเองจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทางด้านการเงิน ซึ่งดูแล้วก้อไม่น่าจะใช่ แบงค์ที่ไหนเห็นประวัติผมแล้วน่าจะรีบอ้าแขนรับทันที
ผมแค่มาเล่ามาแชร์ประสบการณ์ มาบ่นให้ฟังนะครับ ส่วนทาว์นเฮ้าส์หลังนี้ก้อคงจะหาผู้เช่าใหม่แลัวผ่อนธนาคารไปเรื่อยๆ ยังไม่คิดจะปิดมันแต่อย่างไร แค่จะทำให้กระแสเงินสดเป็นบวกครับ