ใต้เงาจันทร์ มีที่มาจากบทประพันธ์ของ พินธุนาถ เป็นนิยายแนว chick lit แบบไทยๆ เรื่องราวของ พบู หญิงสาวสวยเจ้าเสน่ห์แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่างในชีวิต ต้องพบพานกับชายหนุ่มแสนดีสองสไตล์เข้ามาในชีวิต จนเกิดเป็นรักสามเส้ายุ่งๆของหนุ่มสาวใต้เงาพระจันทร์ดวงเดียวกัน
ในภาคของละครโทรทัศน์ บทละครโทรทัศน์โดย ตฤณณา และกำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล ก็ยังคงบรรยากาศรักวุ่นวายของหนุ่มสาวสมัยใหม่ในโลกปัจจุบันเอาไว้ และนำเสนอได้อย่างสนุกสนานมีชีวิตชีวา ด้วยการเล่าเรื่องที่ลื่นไหล และการแสดงที่เป็นธรรมชาติของทีมนักแสดง โดยเฉพาะกลุ่มนักแสดงนำหนุ่มสาวที่ทำการบ้านกับบทมาอย่างดีและเข้าถึงตัวละครที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้เล่นกันทุกคน โทนการเล่าเรื่องจะเน้นไปที่ความรื่นรมย์ของการใช้ชีวิตแบบหนุ่มสาวชาวเมืองใหญ่ สลับไปกับการพยายามค้นหาตัวเอง ตามหาความฝัน ของตัวละครหลักทั้งหลาย โดยมีเรื่องปมปัญหา และเรื่องราวภายในครอบครัวเป็นแบคกราวนด์ให้คำตอบกับคนดูเกี่ยวกับการกระทำของแต่ละตัวละคร ว่าทำไม คนนั้นถึงเป็นแบบนี้ คนนี้ถึงเป็นแบบนั้น และเรื่องครอบครัวนี้เองที่เป็นมิติให้ตัวละครต่างๆในใต้เงาจันทร์นั้นมีมิติ มีตัวตน และสมจริง แตกต่างจากละครแนวโรแมนติกทั่วๆไปที่เราคุ้นชิน เพราะไม่ว่าจะพบุ ศตายุ บุรี เจมี่ แม้แต่ตัวร้ายอย่างเมฆพัด ต่างก็มีมุมดีและมุมงี่เง่าแบบคนปกติให้เราเห็นกันทั้งนั้น
หัวใจของเรื่อง และตัวละครที่มีสีสันที่สุดในเรื่อง คงจะไม่มีทางพ้นบทของ พบู นางเอกของเรื่อง ที่มาร์กี้ ราศรี เล่นได้แสบซ่าส์น่าเอ็นดูเป็นที่สุด บทนางเอกแบบชิคลิทนี้ จะว่าง่ายก็ง่ายตรงที่มันไม่มีดราม่า ไม่มีการเค้นอารมณ์เว่อร์วัง แต่การที่นักแสดงหญิงซักคนจะเล่นบทแนวเซ็กซี่ ขี้เล่น เป็นกันเองแบบนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาตินั้น น้อยมาก ยืนยันว่า บทแนวนี้หาคนเล่นยากกว่าดราม่าแรงๆเสียอีก นักแสดงหญิงหลายคนแม้แต่ดาราฝรั่ง เล่นบทแนวนี้มักจะเล่นเยอะเล่นใหญ่ จนทำให้ออกมาดูเป็นผู้หญิงน่ารำคาญมานักต่อนักแล้ว อาจจะพยายามมากเกินไปบ้าง หรือเสน่ห์ไม่มากพอบ้าง เพราะบทนางเอกแนวชิคลิทมันอาศัยเสน่ห์ ไม่ใช่อินเนอร์ด้านอารมณ์ มาร์กี้ ในบทพบู ทำให้นึกถึงผู้หญิงสไตล์ เจนนิเฟอร์ อนิสตันสมัยสาวๆในบทเรเชล เรื่อง Friends ที่สร้างชื่อให้เธอเลยทีเดียว เพราะผู้หญิงสวยส่วนใหญ่เล่นตลกแล้วมักไม่ตลก หรือพอตลกแล้วมักหลุดสวย แต่มาร์กี้ยังสวยได้ ตลกได้อยู่ บทพบูเลยเป็นสีสันจัดจ้านให้กับละครเรื่องนี้ และเป็นตัวนำในการเดินเรื่องที่คนดูเอ็นดูได้ตลอดจนจบในแต่ละตอน ไม่ว่าเธอจะงี่เง่า เวิ่นเว้อเพ้อแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เคยเกินขอบเขตให้คนดูรำคาญเลยซักครั้ง โดยส่วนตัว ตั้งแต่เคยดูละครที่มาร์กี้เล่น คิดว่าบทพบู นี้น่าจะเป็นบทที่เธอเล่นได้เป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์ที่สุดเลยทีเดียว
ถ้าพบู คือหัวใจของการดำเนินเรื่อง คนที่เป็นปมสำคัญของเรื่องราวในละครทั้งหมดก็คงไม่พ้นบทของ ศตายุ ที่รับบทโดยเกรท วรินทร สุภาพบุรุษหัวใจทองคำ ซึ่งมีความลับซับซ้อนในครอบครัวที่กลายมาเป็นเรื่องราวโซนดราม่าหนักๆของละครโรแมนติกเรื่องนี้ เราอาจจะไม่ค่อยเห็นเกรท วริทรเล่นบทที่นิ่งๆเยือกเย็น พูดน้อยต่อยหนักแบบนี้ซักเท่าไร แต่เกรทก็ทำได้ดีทั้งที่เป็นบทไกลตัว เกรทเป็นศตายุที่แสนดีแต่เย็นชา ดูเหมือนคนเก็บกด และกดดันตัวเองตลอดเวลาให้เป็นคนที่เป๊ะ ทำทุกอย่างที่ควรทำ และเป็นที่พึ่งให้กับทุกคนได้ ซึ่งถ้าหากบทของศตายุจะเป็นเจ้าชายน้ำแข็ง(ที่แอบมีมุมน่าสงสารว่าไม่เป็นที่รักของคนในครอบครัว) ผู้ชายอีกคนของเรื่องที่มาประชันการจีบหญิงด้วยอย่างบุรี ก็เข้ามาเหมือนเป็นคู่ตรงข้ามกัน เพราะเมื่อศตายุดูงามสง่าแบบพระเอ๊กพระเอก จนดูไกลจากคนธรรมดา บุรี คือผู้ชายบ้านๆ ติดดิน อบอุ่นและจริงใจแบบที่ใครๆก็อยากจะได้เป็นเพื่อนฝูง
ในขณะที่ศตายุ เป็นถึงประธานบริษัทศศิวงศ์ บุรีเป็นเพียงสถาปนิกธรรมด๊าธรรมดา ที่ใจกล้าบ้าบิ่นไปชอบผู้หญิงคนเดียวกับเจ้านายได้ จะมีใครซักกี่คนที่มีลูกบ้าได้เท่านี้ หนุ่มลูกทุ่งที่กลายเป็นหนุ่มชาวกรุงเต็มตัวอย่างบุรีมาจากครอบครัวอบอุ่นผิดกับศตายุ มีดีที่ความจริงใจเป็นที่ตั้ง จนทำให้พบูหวั่นไหวเอนเอียงไปจากพระเอกที่สุดในโลกแบบศตายุได้เหมือนกัน เรื่องนี้ เพื่อน คณิน ถือว่าปรับลุคจากบทสร้างชื่ออย่างยงยุทธ เรื่องสุดแค้นแสนรักแบบไม่เหลือเงาเลยทีเดียว จากหนุ่มเชยเจ้าน้ำตา ทำหน้าเจ้าทุกข์ตลอดเวลา กลายมาเป็นบุรี ผู้ชายใจดี มีรอยยิ้มเปิดเผย ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน และทำทุกอย่างให้คนที่เขารักได้
ถ้าศตายุ เป็นผู้ชายในแบบที่ผู้หญิงส่วนใหญ่อยากแต่งงานด้วย ( หล่อ สปอร์ต กทม. ) บุรี ก็เป็นผู้ชายแบบที่ผู้หญิงหลายคนอยากเป็นแฟนด้วย( กิน เที่ยวแสนเบิกบานได้ทุกสถานที) พบู ก็จะเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ที่สุดท้ายแล้วก็ต้องเลือกระหว่างความเป็นจริง กับ ความฝัน เมื่อถึงที่สุด ปมรักสามเส้าที่เราต้องเลือก พบูก็ต้องชัดเจนว่าใครที่ชายหนุ่มที่เธอรักและอยากอยู่ด้วยมากที่สุด และใครที่จะหลงเหลือไว้เพียงมิตรภาพ การทำร้ายจิตใจคนที่รักเราเป็นเรื่องเจ็บปวดเสมอ บางครั้ง การเป็นคนที่ได้เลือก ไม่ได้สุขใจทั้งหมด เพราะรู้ว่าต้องเสียอะไรไป เพื่ออีกสิ่งมาแทน
อีกตัวละครหนึ่งที่แม้ว่าในนิยายจะไม่มีบทบาทอะไรมากนัก แต่ในภาคของละคร เธอถือเป็นอีกตัวละครที่สร้างความเอ็นดูให้คนดูไม่น้อยคือ เจมี่ จากในนิยายซึ่งเป็นนางร้ายสาวอ้วนสุดเว่อร์ กลายมาเป็นสาวอวบที่ร้ายยังไงก็ยังน่าเอ็นดูแทน โดยเจมี่ในละครถูกให้รายละเอียดเป็นลูกคุณหนูช่างเพ้อที่มาหลงรักศตายุอย่างหัวปักหัวปำ และความน่ารักที่เจมี่มีอาจทำให้คนดูสงสัยเอาการว่าทำไม๊ทำไมคุณโตจึงทนใจแข็งกับเจมี่ได้ทั้งที่เธอทุ่มสุดตัวขนาดนี้ และไม่ได้มีข้อน่ารังเกียจอะไรแม้แต่น้อย ทั้งรวย น่ารัก จะเอาอะไรอีก แต่คำถามว่าทำไม ศตายุไม่ตอบรักเจมี่ ทุกอย่างก็น่าจะอธิบายได้ว่า เธอไม่ใช่คนที่ใช่ เพียงเหตุผลเดียว ทำให้นางร้ายง๊องแง๊งอย่างเจมี่ต้องปล่อยให้ชายในฝัน ยังคงอยู่ในฝันของเธอต่อไป และมองหา คนที่ใช่ ในชีวิตจริงกันต่อไป
ในเรื่อง เราจะเห็นตัวละคร "มโน" กันเยอะมาก (โดยเฉพาะแม่ปลาบู่เจ้าเสน่ห์ของเรา) ตัวละครต่างมีฝันหวาน ก่อนจะตื่นมาพบความจริงที่มีปัญหารออยู่ ในฝัน ทุกอย่างมักสวยงาม ราบรื่น แต่ก็คลุมเครือไม่ชัดเจน ในความเป็นจริง เมื่อเราลืมตาขึ้นมา มันมีทั้งความสวยงาม และอุปสรรคขวากหนาม ปัญหาในชีวิตเรานั้นอยู่ที่ตัวเราเองว่าจะดีลกับมันอย่างไรให้เราไปต่อได้
เมื่อตัวละครยังต้องตื่นจาก "มโน" ฉันใด คนดูละครก็เช่นกัน เรารื่นรมย์ไปกับไลฟ์สไตล์ทันสมัยของหนุ่มสาวในเรื่อง เราขบขันไปกับความซ่าส์บ้ารั่วของตัวละคร เรายิ้มไปกับความกุ๊กกิ๊กว้าวุ่นของความรักที่สับสนของพบู ศตายุ บุรี เมื่อละครจบ ปิดจอ เราต่างก็นอนหลับฝัน เพื่อตื่นมาพบความจริงในวันรุ่งขึ้น สู้ชีวิตที่ไม่ใช่ละครกันต่อไป แต่คืนนี้ ก็จะเป็นอีกคืนที่ ฉันจะนอนฝันหวานใต้เงาจันทร์ : )
[CR] ใต้เงาจันทร์ : ฝันหวานใต้เงาพระจันทร์(วิจารณ์)
ในภาคของละครโทรทัศน์ บทละครโทรทัศน์โดย ตฤณณา และกำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล ก็ยังคงบรรยากาศรักวุ่นวายของหนุ่มสาวสมัยใหม่ในโลกปัจจุบันเอาไว้ และนำเสนอได้อย่างสนุกสนานมีชีวิตชีวา ด้วยการเล่าเรื่องที่ลื่นไหล และการแสดงที่เป็นธรรมชาติของทีมนักแสดง โดยเฉพาะกลุ่มนักแสดงนำหนุ่มสาวที่ทำการบ้านกับบทมาอย่างดีและเข้าถึงตัวละครที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้เล่นกันทุกคน โทนการเล่าเรื่องจะเน้นไปที่ความรื่นรมย์ของการใช้ชีวิตแบบหนุ่มสาวชาวเมืองใหญ่ สลับไปกับการพยายามค้นหาตัวเอง ตามหาความฝัน ของตัวละครหลักทั้งหลาย โดยมีเรื่องปมปัญหา และเรื่องราวภายในครอบครัวเป็นแบคกราวนด์ให้คำตอบกับคนดูเกี่ยวกับการกระทำของแต่ละตัวละคร ว่าทำไม คนนั้นถึงเป็นแบบนี้ คนนี้ถึงเป็นแบบนั้น และเรื่องครอบครัวนี้เองที่เป็นมิติให้ตัวละครต่างๆในใต้เงาจันทร์นั้นมีมิติ มีตัวตน และสมจริง แตกต่างจากละครแนวโรแมนติกทั่วๆไปที่เราคุ้นชิน เพราะไม่ว่าจะพบุ ศตายุ บุรี เจมี่ แม้แต่ตัวร้ายอย่างเมฆพัด ต่างก็มีมุมดีและมุมงี่เง่าแบบคนปกติให้เราเห็นกันทั้งนั้น
หัวใจของเรื่อง และตัวละครที่มีสีสันที่สุดในเรื่อง คงจะไม่มีทางพ้นบทของ พบู นางเอกของเรื่อง ที่มาร์กี้ ราศรี เล่นได้แสบซ่าส์น่าเอ็นดูเป็นที่สุด บทนางเอกแบบชิคลิทนี้ จะว่าง่ายก็ง่ายตรงที่มันไม่มีดราม่า ไม่มีการเค้นอารมณ์เว่อร์วัง แต่การที่นักแสดงหญิงซักคนจะเล่นบทแนวเซ็กซี่ ขี้เล่น เป็นกันเองแบบนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาตินั้น น้อยมาก ยืนยันว่า บทแนวนี้หาคนเล่นยากกว่าดราม่าแรงๆเสียอีก นักแสดงหญิงหลายคนแม้แต่ดาราฝรั่ง เล่นบทแนวนี้มักจะเล่นเยอะเล่นใหญ่ จนทำให้ออกมาดูเป็นผู้หญิงน่ารำคาญมานักต่อนักแล้ว อาจจะพยายามมากเกินไปบ้าง หรือเสน่ห์ไม่มากพอบ้าง เพราะบทนางเอกแนวชิคลิทมันอาศัยเสน่ห์ ไม่ใช่อินเนอร์ด้านอารมณ์ มาร์กี้ ในบทพบู ทำให้นึกถึงผู้หญิงสไตล์ เจนนิเฟอร์ อนิสตันสมัยสาวๆในบทเรเชล เรื่อง Friends ที่สร้างชื่อให้เธอเลยทีเดียว เพราะผู้หญิงสวยส่วนใหญ่เล่นตลกแล้วมักไม่ตลก หรือพอตลกแล้วมักหลุดสวย แต่มาร์กี้ยังสวยได้ ตลกได้อยู่ บทพบูเลยเป็นสีสันจัดจ้านให้กับละครเรื่องนี้ และเป็นตัวนำในการเดินเรื่องที่คนดูเอ็นดูได้ตลอดจนจบในแต่ละตอน ไม่ว่าเธอจะงี่เง่า เวิ่นเว้อเพ้อแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เคยเกินขอบเขตให้คนดูรำคาญเลยซักครั้ง โดยส่วนตัว ตั้งแต่เคยดูละครที่มาร์กี้เล่น คิดว่าบทพบู นี้น่าจะเป็นบทที่เธอเล่นได้เป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์ที่สุดเลยทีเดียว
ถ้าพบู คือหัวใจของการดำเนินเรื่อง คนที่เป็นปมสำคัญของเรื่องราวในละครทั้งหมดก็คงไม่พ้นบทของ ศตายุ ที่รับบทโดยเกรท วรินทร สุภาพบุรุษหัวใจทองคำ ซึ่งมีความลับซับซ้อนในครอบครัวที่กลายมาเป็นเรื่องราวโซนดราม่าหนักๆของละครโรแมนติกเรื่องนี้ เราอาจจะไม่ค่อยเห็นเกรท วริทรเล่นบทที่นิ่งๆเยือกเย็น พูดน้อยต่อยหนักแบบนี้ซักเท่าไร แต่เกรทก็ทำได้ดีทั้งที่เป็นบทไกลตัว เกรทเป็นศตายุที่แสนดีแต่เย็นชา ดูเหมือนคนเก็บกด และกดดันตัวเองตลอดเวลาให้เป็นคนที่เป๊ะ ทำทุกอย่างที่ควรทำ และเป็นที่พึ่งให้กับทุกคนได้ ซึ่งถ้าหากบทของศตายุจะเป็นเจ้าชายน้ำแข็ง(ที่แอบมีมุมน่าสงสารว่าไม่เป็นที่รักของคนในครอบครัว) ผู้ชายอีกคนของเรื่องที่มาประชันการจีบหญิงด้วยอย่างบุรี ก็เข้ามาเหมือนเป็นคู่ตรงข้ามกัน เพราะเมื่อศตายุดูงามสง่าแบบพระเอ๊กพระเอก จนดูไกลจากคนธรรมดา บุรี คือผู้ชายบ้านๆ ติดดิน อบอุ่นและจริงใจแบบที่ใครๆก็อยากจะได้เป็นเพื่อนฝูง
ในขณะที่ศตายุ เป็นถึงประธานบริษัทศศิวงศ์ บุรีเป็นเพียงสถาปนิกธรรมด๊าธรรมดา ที่ใจกล้าบ้าบิ่นไปชอบผู้หญิงคนเดียวกับเจ้านายได้ จะมีใครซักกี่คนที่มีลูกบ้าได้เท่านี้ หนุ่มลูกทุ่งที่กลายเป็นหนุ่มชาวกรุงเต็มตัวอย่างบุรีมาจากครอบครัวอบอุ่นผิดกับศตายุ มีดีที่ความจริงใจเป็นที่ตั้ง จนทำให้พบูหวั่นไหวเอนเอียงไปจากพระเอกที่สุดในโลกแบบศตายุได้เหมือนกัน เรื่องนี้ เพื่อน คณิน ถือว่าปรับลุคจากบทสร้างชื่ออย่างยงยุทธ เรื่องสุดแค้นแสนรักแบบไม่เหลือเงาเลยทีเดียว จากหนุ่มเชยเจ้าน้ำตา ทำหน้าเจ้าทุกข์ตลอดเวลา กลายมาเป็นบุรี ผู้ชายใจดี มีรอยยิ้มเปิดเผย ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน และทำทุกอย่างให้คนที่เขารักได้
ถ้าศตายุ เป็นผู้ชายในแบบที่ผู้หญิงส่วนใหญ่อยากแต่งงานด้วย ( หล่อ สปอร์ต กทม. ) บุรี ก็เป็นผู้ชายแบบที่ผู้หญิงหลายคนอยากเป็นแฟนด้วย( กิน เที่ยวแสนเบิกบานได้ทุกสถานที) พบู ก็จะเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ที่สุดท้ายแล้วก็ต้องเลือกระหว่างความเป็นจริง กับ ความฝัน เมื่อถึงที่สุด ปมรักสามเส้าที่เราต้องเลือก พบูก็ต้องชัดเจนว่าใครที่ชายหนุ่มที่เธอรักและอยากอยู่ด้วยมากที่สุด และใครที่จะหลงเหลือไว้เพียงมิตรภาพ การทำร้ายจิตใจคนที่รักเราเป็นเรื่องเจ็บปวดเสมอ บางครั้ง การเป็นคนที่ได้เลือก ไม่ได้สุขใจทั้งหมด เพราะรู้ว่าต้องเสียอะไรไป เพื่ออีกสิ่งมาแทน
อีกตัวละครหนึ่งที่แม้ว่าในนิยายจะไม่มีบทบาทอะไรมากนัก แต่ในภาคของละคร เธอถือเป็นอีกตัวละครที่สร้างความเอ็นดูให้คนดูไม่น้อยคือ เจมี่ จากในนิยายซึ่งเป็นนางร้ายสาวอ้วนสุดเว่อร์ กลายมาเป็นสาวอวบที่ร้ายยังไงก็ยังน่าเอ็นดูแทน โดยเจมี่ในละครถูกให้รายละเอียดเป็นลูกคุณหนูช่างเพ้อที่มาหลงรักศตายุอย่างหัวปักหัวปำ และความน่ารักที่เจมี่มีอาจทำให้คนดูสงสัยเอาการว่าทำไม๊ทำไมคุณโตจึงทนใจแข็งกับเจมี่ได้ทั้งที่เธอทุ่มสุดตัวขนาดนี้ และไม่ได้มีข้อน่ารังเกียจอะไรแม้แต่น้อย ทั้งรวย น่ารัก จะเอาอะไรอีก แต่คำถามว่าทำไม ศตายุไม่ตอบรักเจมี่ ทุกอย่างก็น่าจะอธิบายได้ว่า เธอไม่ใช่คนที่ใช่ เพียงเหตุผลเดียว ทำให้นางร้ายง๊องแง๊งอย่างเจมี่ต้องปล่อยให้ชายในฝัน ยังคงอยู่ในฝันของเธอต่อไป และมองหา คนที่ใช่ ในชีวิตจริงกันต่อไป
ในเรื่อง เราจะเห็นตัวละคร "มโน" กันเยอะมาก (โดยเฉพาะแม่ปลาบู่เจ้าเสน่ห์ของเรา) ตัวละครต่างมีฝันหวาน ก่อนจะตื่นมาพบความจริงที่มีปัญหารออยู่ ในฝัน ทุกอย่างมักสวยงาม ราบรื่น แต่ก็คลุมเครือไม่ชัดเจน ในความเป็นจริง เมื่อเราลืมตาขึ้นมา มันมีทั้งความสวยงาม และอุปสรรคขวากหนาม ปัญหาในชีวิตเรานั้นอยู่ที่ตัวเราเองว่าจะดีลกับมันอย่างไรให้เราไปต่อได้
เมื่อตัวละครยังต้องตื่นจาก "มโน" ฉันใด คนดูละครก็เช่นกัน เรารื่นรมย์ไปกับไลฟ์สไตล์ทันสมัยของหนุ่มสาวในเรื่อง เราขบขันไปกับความซ่าส์บ้ารั่วของตัวละคร เรายิ้มไปกับความกุ๊กกิ๊กว้าวุ่นของความรักที่สับสนของพบู ศตายุ บุรี เมื่อละครจบ ปิดจอ เราต่างก็นอนหลับฝัน เพื่อตื่นมาพบความจริงในวันรุ่งขึ้น สู้ชีวิตที่ไม่ใช่ละครกันต่อไป แต่คืนนี้ ก็จะเป็นอีกคืนที่ ฉันจะนอนฝันหวานใต้เงาจันทร์ : )