คุณภาพของนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่เคยร่วมงานไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

นี่เป็นกระทู้แรกของผมครับ ไอดีใหม่และไอดีแรกด้วย เพราะปกติผมจะใช้ไอดีแฟนเพื่อตอบหรืออ่านความเห็นกระทู้ทั่วไป แต่ไม่เคยตั้งกระทู้เอง สาเหตุที่ผมตั้งกระทู้นี้เพราะเห็นว่าช่วงนี้กำลังมีกระแสดราม่า ส่วนตัวจากการที่เคยร่วมงานกับเด็กม.นี้จริงๆจึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ที่เคยพบในอีกแง่มุมหนึ่งครับ

ผมจบจากม.รัฐสีชมพูแถวสามย่าน คณวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมศาสตร์สิ่งแวดล้อม เกียรตินิยมอันดับ 2 (อันหลังนี่อยากโม้ หัวเราะ ) ตอนจบใหม่ๆผมก็ได้งานอยู่บริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งพูดชื่อไปก็คงถึงบางอ้อ บริษัทที่ผมทำมีเด็กจบมาจากม.รัฐชื่อดังหลากหลายที่ พูดแบบโลกไม่สวยนะครับเด็กที่มายื่น resume ที่จบจากราชมงคล ราชภัฏ ม.เอกชน พี่ๆ HR เขาโยนทิ้งไปอีกกองเลยครับ ไม่ใช่ว่าบริษัทเขาใจร้ายไม่ให้โอกาสนะครับ แต่เคยได้ยินรุ่นพี่ที่แผนก HR เขาเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนเคยให้โอกาสเด็กเหล่านี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ทั้งๆที่รับแต่เด็กเกียรตินิยมเพราะกลัวทำงานกับคนอื่นไม่ไหว แต่พอเอาจริงๆสุดท้ายก็ทำงานไม่ได้ ไม่รู้เรื่องเลย ความรู้ด้านวิชาการต่ำมาก เพราะหลักสูตรที่เรียนไม่เหมือนกัน คนที่บอกว่าจบที่ไหนมาก็เหมือนๆกันนี่ผมเถียงคอเป็นเอ็นเลยครับว่าไม่จริง ส่วนเด็กพวกนั้นที่เข้าไปทำสุดท้ายพี่ๆแผนก HR ก็จำใจต้องยื่นซองขาวให้ทุกราย ย้ำว่าทุกราย *อย่างตอนที่กรณี SCB ประกาศว่าไม่รับเด็กที่จบจากม.ราชภัฏผมก็เข้าใจเขานะ แต่การประกาศมันเหมือนกับการฆ่าตัวตาย แทนที่ถ้าจะไม่รับก็คัด resume ทิ้งไปเฉยๆก็ได้
           
          เข้าเรื่องต่อ พอผมทำงานอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 4-5 ปี ผมก็ถูกย้ายไปทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ ทีแรกชั่งใจจะไปไม่ไปดีแต่แล้วตอน HR เอาเงินมาล่อครับ Up เพิ่มจาก 46,XXX เป็น 7X,XXX ใครไม่ไปก็ยิ้มแล้ว อีกอย่างทำแค่ 2 ปีครึ่งเอง สุดท้ายตัดสินใจก็ไป งานที่ผมทำส่วนใหญ่ต้องไปวิจัยเกี่ยวกับการเกษตรและสิ่งแวดล้อมที่อำเภอแม่ริม ตอนทำแรกๆลำบากมากต้องวิ่งรถไปๆมาๆระหว่างตัวเมืองกับอำเภอแม่ริม เด็กที่วิจัยร่วมกับผมจะเป็นเด็กที่จบจากคณะเกษตรและคณะวิศวะกรรมศาสตร์มหาวิทลัยเชียงใหม่ เด็กมช.หัวด้านวิชาการดีมากครับไม่ต้องสอนอะไรมากก็มันเป็นหมด ด้านการเสนอไอเดียและการต่อยอดถือว่าดีเยี่ยม อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งบริษัทผมค่อนข้างคัดเด็กที่เกรดเฉลี่ยดีๆครับ อีกกลุ่มก็จะเป็นเด็กจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้นี่แหละ แต่ไม่ได้เอามาทำงานวิจัยนะครับทำอยู่แต่กับแปลง เด็กแม่โจ้ถือว่าภาคปฎิบัติไม่เป็น2รองใครเลย บางวันใช้ให้เฝ้าแปลงทั้งวันก็เฝ้า เน้นงานในฟาร์ม ทำไม่เคยบ่นเลย ใช้ง่ายให้ทำอะไรก็ทำ ไปวิ่งยาสัตว์ก็ไป อะไรที่มันง่ายๆพอทำได้เขาก็ทำหมด ปล.ที่ว่ามานี่ผู้หญิงนะครับ  ผู้ชายนี่แล้วแต่บางราย บางคนก็หัวเเข็ง ถามเรื่องความสามัคคีรักใคร่กันจริงรึเปล่า? ส่วนตัวผมก็ว่าเหมือนๆกับม.อื่นๆแหละครับ จุฬา, เกษตร, มช ที่ผมร่วมงานมาก็เห็นรักกันดีเหมือนๆกัน แต่เท่าที่สังเกตุแม่โจ้จะมีความเป็น Unique อยู่มากกว่าคือถ้าเจอพวกกันที่ไหนนี่จะเอาแต่พวกตัวเองก่อนเลย  มีอยู่ครั้งหนึ่งวันนั้นผมไปเที่ยวงานเกษตรแฟร์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขากลับต้องนั่งรถแดงกลับบ้านพักเพราะวันนั้นพี่สาวมาเที่ยวเชียงใหม่แล้วยื้มรถไปรับพ่อที่สนามบิน ผมก็ขึ้นไปนั่งบนรถแดงมีเด็กผู้หญิงนั่งอยู่แล้ว 6-7 คน คงมาเที่ยวงานนั่นแหละ พอรถออกจากม.ผ่านถนนเส้นหลังม.มาสักระยะ ก็มีเด็กขึ้นมาอีก 1 ใส่ชุดช็อปเกษตรแม่โจ้ งานหนักไม่เคยฆ่าคนนั่นแหละ 55 พอขึ้นมาบนรถก็เห็นเด็กยกมือไหว้เด็กที่ขึ้นมาใหม่ ผมได้ยินคราวๆประมาณว่าเด็กที่มานั่งอยู่ก่อนแล้วเป็นเด็กชั้นปีที่ 2 กำลังจะไปเที่ยวห้างกันต่อ ส่วนเด็กที่ขึ้นมาใหม่เป็นรุ่นพี่ปี7 ที่มาเที่ยวในงานเหมือนกัน พอรถมาจอดที่ห้างเด็กผู้หญิง 6-7 คนก็กำลังจะลง เด็กที่เป็นรุ่นพี่ปี 7 บอกว่าเดี๋ยวพี่ออกให้เอง น้องๆไปเที่ยวกันเลย (โห่ป๋ามาก)

ผมมองว่าเด็กที่นี่ถูกปลูกฝังให้รักกันดีนะ ส่วนทางด้านวิชาการของเด็กแม่โจ้ยังไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ต้องสอนอะไรอีกเยอะ เรื่องภาษานี่แม่โจ้ก็อ่อนมากครับ ที่ออกๆไปทำงานไม่ไหวลาออกก้มี แต่ไม่ใช่ว่าไม่ไหวเพราะเรื่องเฝ้าแปลงนะ 555 เพราะเรื่องด้านวิชาการนี่แหละ ก็ต้องเข้าใจหลักสูตรของแม่โจ้กับม.รัฐมันต่างกัน คุณภาพเด็กที่เข้าไปก็แตกต่าง ยกตัวอย่างคะแนนแอดมิชชั่นปีนี้ พ.ศ.2558 คณะบริหารธุรกิจสาขาวิชาการตลาด มหาวิทยลัยแม่โจ้มีคะแนนต่ำสุด 14,045 ถ้าเทียบกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่คณะบริหารธุรกิจ ภาคปกติคะแนนต่ำสุด 18,048 ส่วนภาคพิเศษอยู่ 17,651 แค่ภาคพิเศษมช.คะแนนยังสูงกว่าเยอะเลย(อย่าดราม่าที่เลือกมช.มาเทียบเพราะเห็นอยู่จังหวัดเดียวกัน) จริงๆผมไม่อยากใช้คำว่าเด็กหัวอ่อนกับเด็กหัวดีนะ แต่เลือกใช้คำว่าคุณสมบัติความถนัดคนเรามันแตกต่างกันดีกว่า แม่โจ้ถึงหัวด้านวิชาการจะไม่ค่อยแน่นแต่หลักสูตรเขาอาจจะเน้นสอนลงมือภาคปฎิบัติเพื่อลดข้อด้อยทางวิชาการก็เป็นได้ ดังนั้นผมจะแยกคนที่เข้ามาทำงานร่วมกับผมได้ง่าย คนที่ทำงานกับผมที่ตามมาจากที่ กทม. จะให้ไปวิจัยรวมกับเด็กมช. ส่วนเด็กที่จบจากแม่โจ้ก็ให้ไปทำงานภาคปฎิบัติ โดยรวมก็โอเครนะครับไม่มีปัญหาอะไร

ซึ่งผมเห็นบางกระทู้ก็ไปตั้งดิตเครดิตเด็กแม่โจ้มากเกินไป ซึ่งผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ที่ให้ทำแบบนั้น ถ้าองค์กรสามารถเลือกงานให้เหมาะกับคุณสมบัติเด็กผมว่ามันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ส่วนเรื่องรับน้องโหดมือปะทัดแขนขาดผมไม่ขอออกความเห็นนะครับเพราะผมไม่ได้ไปเรียนที่แม่โจ้ ไม่อยากไปวิจารณ์เดี๋ยวเขาเดี๋นวโดนด่า...

สุดท้ายทั้งหมดนี้เป็นเพียง "คหสต" จากประสบการณ์คนที่เคยร่วมงานกับเด็กจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ครับ

ปล. แก้คำผิดนิดหน่อยครับ

*เสริมหน่อยนะครับ ไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนต้องหาว่าผมดูถูกเด็กจบจากราชมงคลหรือเด็กจบราชภัฎด้วย ทั้งๆที่ผมไม่เคยแสดงทัศนะคติอะไรในแง่ลบกับคนที่จบสายนี้เลย ผมก็แค่นำคำพูดที่เคยได้ยินจาก HR ที่ทำงานมาเล่าให้ฟัง
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 38
ผมเป็นศิษย์เก่าครับ สิบกว่าปีแล้วครับ ยอมรับเลยเด็กแม่โจ้ขาดทักษะหลายๆอย่างที่เด็ก ม.อื่นๆมี
แต่ผมว่าเป็นเรื่องเฉพาะคนนะครับ อย่างผมเองไม่ใช่เด็กเหลือจากที่อื่น เป็นเด็ก ตจว. เลือกลงแม่โจ้เลย

ตอนเรียนนี่กิจกรรมเยอะ เรียนกลางๆ แต่พื้นฐาน ผมว่าผมไปได้ จบมาก็เลือกงาน ได้งาน2-3ที่  ที่คนเค้านิยมกัน
ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ก็ออก ตอนนั้นไฟแรงมาก อยากแสดงศักยภาพ555 จนไปสมัครบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง
ตื้อเค้าอยู่6เดือนให้เรียกเราสัมภาษณ์(3รอบ)สักที จนเค้าเลือกเรา

ทำได้5ปี แบบทุ่มสุดๆ อิ่มตัว ก็ออกอีก ตั้งแต่นั้นถึงปจจุบัน ทำงานตัวเองมาตลอดครับ
สิ่งที่รู้จากที่ทำงานสุดท้ายนั้น คือ

1.เค้าเลือกเราทำงาน แบบลืมดูสถานศึกษา เรียกมาแล้วก็แล้วกัน ลองดู เค้าไม่รับเด็กโจ้ อันนี้มาบอกหลังเราผ่านโปร

2.ในแผนกที่ผมทำ เป็นฝ่ายบริหารระดับกลาง มี3ตำแหน่ง ผู้จัดการ ,ผจก.ฝึกหัด และ หน. แผนก(ผมเริ่มจากอันหลัง)
   ทำงานได้เดือนเดียว หัวหน้าลาออก เหลือผมคนเดียว ควบหมด  ก่อนหน้าผมมา ในรอบปี ออกไปแล้ว7คน(ผมถึก)

3.ตลอก5ปี ไม่มีเด็กโจ้คนอื่นเลย ผมเป็น ผจก.แผนกๆหนึ่ง รับสมัคร สัมภาษณ์พนักงานเอง ก็ไม่เอาเด็กแม่โจ้

4.หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง มีทุก มหาลัยดังๆ บอกเลย มีทุกแบบให้ปวดหัว แม้กระทั่งเด็ก ป.โท จากม.ดัง

สรุป ผมว่า put the right man on the right job
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ที่ทำงานรับคนแขนขาดไหม ?
ความคิดเห็นที่ 24
ถ้าต้องการคนที่ทนเหมือนควายให้เลือกแม่โจ้ครับ

เลือกใช้คนให้ตรงกับงานด้วย จะให้เด็กแม่โจ้ไปทำงานพลิกแพลงสูง ใช้วิชาการ หลักการมหาศาลก็คงไม่ใช่
จุดเด่นของแม่โจ้ นั้นอยู่ที่สามารถทนความเอาเปรียบได้ดี งานที่ต้องใช้ความอดทนสูงอย่าง QC รปภ. แบบนี้ค่อนข้างเหมาะ


จริงๆ แล้วงานรับน้องของแม่โจ้ ก็เหมาะกับมหาลัยเขาดีเสริมจุดเด่นได้ยอดเยี่ยม ผมอยากให้เพิ่มการรับน้องของแม่โจ้ให้เพิ่มเป็นซัก 1 ปีเต็มจะดีมาก
ความคิดเห็นที่ 14
นโยบายของมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างความเป็นเลิศด้านการทนมือทนเท้า และการใช้แรงงาน

สร้างจุดแข็งที่มหาวิทยาลัยอื่นทำไม่ได้ คือจุดขายของเรา
ความคิดเห็นที่ 59
กระแสช่วงนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเก่าๆ สมัยรับน้อง ด้วยความที่มันคละคณะและสาขา ทำให้เราได้เจอเพื่อนต่างๆกันไป นึกถึงเพื่อนผมคนนึง ตัวโปร่งๆผิวคล้ำๆมาจากทาอีสานมั้ง ผมลืมๆไปแล้วแต่พอจำใจความและความรู้สึกตอนคุยกันได้ เพื่อนผมพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มแทนตัวเองว่าเรา บอกว่า หมู่บ้านเราทำนากันหมด คนในหมู่บ้านร่วมเงินกันมาส่งเรามาเรียน ผมนี่ลุกไปทางอื่นเลย น้ำตามันคลอ กลัวเพื่อนเห็นว่าเราสงสารมัน คือในม. แม่โจ้จะมีเด็กคล้ายๆในเคสนี้ อยู่เยอะพอควร ใสคณะและสาขาทางการเกษตร น้องบางคนจนปี2ปี3 มันยังไม่มีตังซื้อเครื่องสำอางแต่งหน้าเลย บางคนในสาขาผมนั่งรถไฟฟรีมาเรียนจากทางใต้ อย่าว่างั้น งี้เลย แค่ให้เค้าได้จบรับใบปริญญา มามีงานทำ รึได้กลับไปใช้ทุนกลับไปพัฒนาหมู่บ้านที่จากมาก็หรูแล้ว เด็กที่นี่ ไม่ได้มีทุนทางสังคมมากมายขนาดจะไปเทียบกับเด็ก ม.ดังๆได้หรอกครับ เห็นกระแสดูถูกน้องๆ บางทีก็นึกสงสาร สงสารเพื่อนสมัยก่อน
ความคิดเห็นที่ 40
จขมก ก็กล้าเปรียบเทียบนะจะแข่งงานวิชาการ มีมหาลัยในประเทศไทยกี่มหาลัยที่เทียบผลงานเชิงวิชาการกับม.สีชมพูได้บางละครับ แต่ถ้าเทียบประเพณีอันศักสิทธ์ในการรับน้องของเค้ามีมหาลัยไหนใครเทียบเค้าได้ ถ้าเป็นผมนะจะใช้งานตรงจุดแข็งน้องเค้าถามเค้าถึงระบบโซตัส แล้วเอามาปรับใช่กับบริษัทเรา ตั้งรัฐธรรมนูญของบริษัทเรา บัญญัติให้เรียบร้อย บทลงโทษใครทำงานไม่มีผลงานทำงานผิดพลาด จับถีบตกสระน้ำ พนักงานเข้ามาใหม่หรือพนักงานที่ชอบมาสาย มีการส่งคนไปดักรอรับถึงหน้าบ้านให้มาทำงาน เออเกือบลืมต้องจัดวันคลอดด้วยบริษัทผมจะได้มีลูกมีหลานเยอะๆ แล้วใช้น้องให้ตรงจุดให้น้องเป็นหัวหน้าแผนกว้ากเก้อต่อไปเวลาสั่งงานกันก็ว้ากกันใว้เพื่อฝึกความอดทนในการทำงาน เพื่อฝึกความสามัคคีของเราก็บอกไปไม่ได้เป็นหัวหน้าหรือผู้บริหารไม่รู้หลอก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่