คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ผมว่าไม่ใช่หนังสือให้ไปไกล่เกลี่ยมั้งครับ น่าจะถูกฟ้องแล้วมีคำฟ้องส่งมาให้คุณไปศาล เมื่อไปศาล ๆ ท่านจะไกล่เกลี่ยให้ก่อนครับ
ส่วนที่ จนท.ศาล แนะนำก็เป็นเทคนิคในการยืดคำบังคับคดีครับ เพราะถ้าจำเลยอยู่ในศาลก็ต้องถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษาในวันนั้น แต่ถ้าไม่อยู่ศาลก็จะส่งคำสั่งไปให้จำเลย คำสั่งยังไม่มีผลจนกว่าจะพ้นเวลาที่ศาลกำหนด
ถ้าไปศาล จะมีโอกาสได้อธิบายรายได้ ซึ่งผมไม่ค่อยแน่ใจว่า ถ้ารายได้ไม่ถึงหมื่น ถึงจะถูกศาลสั่งให้ชำระเงิน ก็ไม่อาจบังคับให้ชำระเงินได้ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูครับ
ส่วนเรื่องคนเช่าซื้อ เมื่อคนค้ำถูกฟ้องและพิพากษาให้ต้องชำระเงิน ผมเข้าใจว่าคนค้ำก็รับช่วงสิทธิสามารถไปฟ้องร้องค่าเสียหายต่อกับคนเช่าซื้อได้ครับ
ถ้าไม่มีเงินในการจ้างทนาย ลองปรึกษาสภาทนายความประจำจังหวัดดูครับ ว่าพอจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เพราะมีกฎบางอย่างที่ทางสภาทนายให้ความช่วยเหลือได้ แต่ก็ต้องเขาหลักเกณฑ์ครับ
ส่วนที่ จนท.ศาล แนะนำก็เป็นเทคนิคในการยืดคำบังคับคดีครับ เพราะถ้าจำเลยอยู่ในศาลก็ต้องถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษาในวันนั้น แต่ถ้าไม่อยู่ศาลก็จะส่งคำสั่งไปให้จำเลย คำสั่งยังไม่มีผลจนกว่าจะพ้นเวลาที่ศาลกำหนด
ถ้าไปศาล จะมีโอกาสได้อธิบายรายได้ ซึ่งผมไม่ค่อยแน่ใจว่า ถ้ารายได้ไม่ถึงหมื่น ถึงจะถูกศาลสั่งให้ชำระเงิน ก็ไม่อาจบังคับให้ชำระเงินได้ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูครับ
ส่วนเรื่องคนเช่าซื้อ เมื่อคนค้ำถูกฟ้องและพิพากษาให้ต้องชำระเงิน ผมเข้าใจว่าคนค้ำก็รับช่วงสิทธิสามารถไปฟ้องร้องค่าเสียหายต่อกับคนเช่าซื้อได้ครับ
ถ้าไม่มีเงินในการจ้างทนาย ลองปรึกษาสภาทนายความประจำจังหวัดดูครับ ว่าพอจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เพราะมีกฎบางอย่างที่ทางสภาทนายให้ความช่วยเหลือได้ แต่ก็ต้องเขาหลักเกณฑ์ครับ
แสดงความคิดเห็น
ขอปรึกษาคดีค้ำประกันค่ะ
พอถึงวันนัดไกล่เกลี่ยที่ศาลจังหวัด มีเพียงคนค้ำประกันไป คนซื้อและรถติดต่อ/ติดตามไม่ได้ค่ะ
ทางทนายลิสซิ่งธนาคาร... กะคนค้ำคุยกันแต่ไม่ได้ทำการไกล่เกลี่ยอะไรได้เลยค่ะ
ทนายบอกว่าต้องทำตามกระบวนคือในวันนั้นส่งให้ศาลพิพากษาเลย แล้วแต่ดุลพินิจศาลจะลดค่าอะไรให้บ้าง
เจ้าหน้าที่ศาลแนะนำว่า คนค้ำไม่เข้าฟังจะดีกว่า เพราะถ้าเข้าฟังเท่ากับว่าเรารับทราบคำตัดสินวันนั้นเลย
ถ้าไม่อยู่ฟัง ทางลิสซิ่งธนาคารจะส่งเอกสารคำพิพากษานี้ให้รับทราบเหมือนกว่าจะได้รับทราบก็ขยายไปอีกประมาณ 30 วัน
แต่วันที่คนค้ำไปอุตส่าห์เดินทางจาก กทม.ไปศาลจังหวัดเดินทางตั้ง 12 ชม. กะไว้ว่าจะได้พูดไกล่เกลี่ยหรือวิธีการอะไรยังไงได้บ้าง
เพราะเราเป็นคนค้ำ เดือดร้อนมาก ติดต่อคนซื้อไม่ได้เช่นกัน
วันนั้นก็ได้ถามการติดตามรถของธนาคาร เขาก็ว่ามีทีมติดตาม แล้วก็ต้องทำไปตามกระบวนการ
แต่ที่ผ่านมาเห็นโทรมาหาคนค้ำตลอดๆว่าสามารถติดต่อคนซื้อได้ไหม พอรู้ข้อมูลอะไรหรือไม่ ถ้ามีข้อมูลก็บอกเขาด้วย
แต่หลังจากมีหนังสือแจ้งมาว่าคนซื้อและคนค้ำร่วมรับผิดชอบเงินจำนวนหนึ่ง
ถ้าทั้งคนซื้อและคนค้ำไม่มีทรัพย์สินใดๆๆเลย
กรมบังคับคดีจะต้องมาตรวจสอบบัญชีเงินเดือนใช่ไหมคะ
เขาจะมาวุ่นวายในหน่วยงานด้วยหรือป่าวคะ
(คนค้ำก็ยังคงลอยนวลต่อไปเพราะไม่ได้ทำงานได้เงินเดือน แต่น่าจะประกอบอาชีพค้าขาย)
แต่คนค้ำทำงานมีเงินเดือน แต่ก็มีหนี้สินส่วนตัว โดนหักต่อเดือนเหลือเงินเข้าประมาณหมื่นหรือบางเดือนอาจจะไม่ถึงหมื่น
แล้วกรมบังคับคดีจะทำอย่างไรคะ
คนค้ำจะมีเงินกินไหมคะ
หรือคนค้ำต้องลาออก อยู่ทำงานไปก็โดนหักเงินหมดไม่เหลือเงินอยู่ดี
ใช่หรือไม่คะ
ทางศาลก็แนะนำให้พยายามหารถมาคืนได้ จะดีที่สุด จะได้เสียส่วนต่างน้อย แต่รถขายทอดตลาดก็รู้ว่าราคาตก
แต่ไม่รู้จะติดตามได้อย่างไร ทางลิสซิ่งธนาคารน่าจะดำเนินการได้ดีกว่าคนค้ำ
เพราะถ้าแจ้งความให้ตำรวจช่วยติดตามอีกทางหนึ่งด้วย หรือเช็คจากเบอร์โทรศัพท์จะได้ทราบจุดที่อยุู่ของคนซื้อ
ไม่รุ้จะสามารถหาคนซื้อได้อย่างไรเลยค่ะ ติดประกาศตามหาแล้วมีรางวัลจะดีไหมคะ
ขอปรึกษาผู้รู้หรือผู้มีประสบการณ์ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
จะได้ทราบอนาคตตัวเองว่าต่อไปจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
จะได้เตรียมตัวเตรียมใจรับสภาพ