สวัสดีอีกครั้งครับ...หลังจากที่ได้ไปล่องทะเลสาบ Brienz ในกระทู้ก่อน (
http://ppantip.com/topic/33998782) วันนี้เราข้ามเมืองไปล่องทะเลสาบที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในบริเวณนี้กัน...ใช่แล้วครับทะเลสาบ Thun หรือ Thunersee
นอกจากสีน้ำที่แปลกตาของทะเลสาบ Thun แล้ว สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจอีกอย่างหนึ่งรอบๆ ทะเลสาบนี้ คือปราสาทเก่า มีด้วยกัน 5 แห่ง ไล่จากเมือง Thun ไปตามเส้นทางล่องเรือ ได้แก่ ปราสาท Thun และ ปราสาท Schaudau ที่เมือง Thun , ปราสาท Hunegg ที่เมือง Hilterfingen, ปราสาท Oberhofen ที่เมือง Oberhofen และปราสาท Spiez ที่เมือง Spiez
ปราสาททั้ง 5 แห่ง แต่ละแห่งใช้เวลาในการเยี่ยมชมค่อนข้างมาก กอรปกับการเดินทางเพื่อไปยังแต่ละปราสาทต้องใช้เรือเป็นพาหนะ ทริปนี้เราจึงไปเยือนได้เพียง 2 แห่ง ได้แก่ ปราสาท Thun และปราสาท Oberhofen เท่านั้น
เราได้ล่องทะเลสาบ Thun ตั้งแต่ต้นจนจบในวันที่ 7 ของการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งเป็นวันที่สภาพอากาศย่ำแย่ที่สุด ฝนตกตั้งแต่เช้าและหนักกว่าทุกๆ วัน เมฆฝนที่ก่อตัวนี้ไม่เหมาะที่เราจะขึ้นเขาตามที่ต้องการ และต้องรอไปวันหลังๆ แทน เราจึงวางแผนจะเที่ยวชมปราสาทและล่องเรือเพื่อหลบฝนไปในตัว
เราออกจากที่พักแล้วไปถึงสถานีรถไฟ Interlaken Ost เวลา 8.25 น. รอนิดหน่อยแล้วจึงขึ้นรถไฟเวลา 8.30 น. ไปถึงเมือง Thun เวลา 9.03 น. เมื่อไปถึงฝนยังตกไม่ขาดเม็ด มือหนึ่งถือร่มอีกมือหนึ่งถือกล้อง โดยมีจุดหมายแรกของวันที่ปราสาท Thun
เมือง Thun เป็นเมืองเก่าแก่ถูกเขียนบันทึกไว้ตั้งแต่ศริสต์ศตวรรษที่ 7 เป็นเมืองที่ควบคุมเส้นทางการค้าในบริเวณนี้ เราเห็นได้ชัดถึงขนาดและความเป็นเมืองของ Thun เมื่อเทียบกับเมืองต่างๆ ในบริเวณนี้ ประมาณช่วงทศวรรษที่ 1800 มีการจัดตั้งโรงเรียนการทหารที่สำคัญ และโรงเรียนช่างฝีมือและหัตถศิลป์ต่างๆ นอกจากนี้เมือง Thun ยังเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในบริเวณนี้ที่เรียกว่า “Riviera of lake Thun”
ไม้แกะสลักแสดงตัวปราสาท Thun และรั้วล้อมรอบ
จากแผนที่ที่เรามีจะเห็นได้ว่าระหว่างสถานีรถไฟและตัวปราสาทนั้น มีเกาะในแม่น้ำ Aare ขวางอยู่ ทำให้เราจะต้องข้ามสะพาน 2 ครั้ง ก่อนจะถึงทางขึ้นปราสาท และทางขึ้นปราสาทนั้นขึ้นได้ 2 ทาง ทางหนึ่งผ่านโบสถ์ อีกทางหนึ่งผ่านที่ว่าการเมือง (Rathaus)
Rathaus ทางซ้ายมือ ปราสาทอยู่เนินเขาตรงกลาง และโบสถ์อยู่ทางขวามือ
เราเริ่มเดินจากสถานีรถไฟมุ่งหน้ามาเรื่อยๆ จนถึงวงเวียน ด้วยความไม่รีบร้อนเราเดินไปทางขวาของวงเวียน ไปดูสะพานไม้เก่าของเมืองที่มีรูปแบบคล้ายๆ กับสะพานที่เมือง Luzern แต่สั้นกว่ามาก ข้ามสะพานไม้เก่าแล้วจึงข้ามสะพานเหล็กอีกอัน เป็นอันข้ามเกาะสำเร็จ จากนั้นวกกลับมาทางซ้ายมือ เลี้ยวขวาที่สะพาน ถึงทางแยกแล้วเลี้ยวซ้ายเดินผ่านเมืองเก่าและที่ว่าการเมือง เมื่อเดินเลยไปแล้วต้องวกกลับมาอีกทีเพื่อขึ้นสู่ตัวปราสาท รู้สึกว่าเส้นทางนี้อ้อมกว่าทางที่ไปขึ้นผ่านโบสถ์มากทีเดียว
สะพานไม้เก่า
หลังคาทรงสูงในเมือง
สีของแม่น้ำ Aare ที่เมือง Thun
เปรียบเทียบกับสีของน้ำที่ Interlaken West
ฝนตกชุ่มฉ่ำตั้งแต่เช้า
ที่ว่าการเมืองกลางสายฝน
ยอดโบสถ์
ปราสาท Thun
เรามาถึงตัวปราสาทเวลา 9.30 น. และต้องรอเวลาเปิดอีกประมาณ 30 นาที.....รอร้อรอ....ปราสาททั้ง 5 แห่งรอบทะเลสาบนี้มีเวลาและวันที่เปิดไม่ค่อยจะเหมือนกันซักเท่าไหร่ ต้องตรวจสอบก่อนวางแผนการเดินทางนะครับ ตัวอย่างเช่น ปราสาท Oberhofen เปิด 11.00 น. , ปราสาท Hunegg วันจันทร์ถึงวันเสาร์เปิดเวลา 14.00 น., ปราสาท Oberhofen และ Schaudau ปิดวันจันทร์, ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน (หน้าหนาว) ปราสาท Schaudau ปิดวันจันทร์และวันอังคาร เป็นต้น
เราเข้าชมปราสาทเป็นกลุ่มแรกๆ ของวัน บัตร Regional pass มีส่วนลดทำให้ค่าเข้าชมเหลือ 8 CHF/คน ภายในปราสาทจัดแสดงสิ่งของและประวัติต่างๆ ของเมืองไล่ตามชั้นขึ้นไป ข้าวของมีไม่มากนัก เดินไม่นานก็ถึงยอดปราสาท หลังคาจั่วทำด้วยไม้ขนาดใหญ่ดูอลังการ เราสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองในวันที่ฝนตกได้จากยอดปราสาท หลังจากเดินชมเสร็จเราก็ออกจากตัวปราสาทและต้องแปลกใจที่มีโรงแรมอยู่ในรั้วของตัวปราสาทชนิดที่นอนดูกันได้อย่างใกล้ชิดทีเดียว
ห้องซื้อบัตรชมอยู่ทางซ้ายมือ
งานหัตถศิลป์ที่จัดแสดงไว้
ครอบครัวสุนัขแกะสลักจากไม้ เส้นขนพริ้วน่าประทับใจ
เราเดินลงจากปราสาทผ่านทางโบสถ์ เม็ดฝนยังไม่ซาเลย เราหาร้านอาหารสำหรับมื้อเที่ยง แม้จะมีร้านอาหารเรียงรายตามถนนในเมืองเก่าและตลอดสองฝั่งของเกาะในแม่น้ำ แต่บางร้านก็ไม่รับแขกในวันนี้ สุดท้ายเราได้ Migros เป็นที่พึ่งประทังความหิว หลังจากเติมพลังแล้วเราก็พร้อมเดินทางต่อไป
การล่องในทะเลสาบ Thun ที่มีความยาวกว่า 17.5 กม. กว้าง 3.5 กม. และลึกกว่า 200 ม.นั้น เริ่มต้นที่ท่าเรือ Thun แม้เที่ยวเรือและจำนวนท่าที่จอดมีความแน่นอนกว่าการล่องเรือที่ทะเลสาบ Brienz อย่างไรก็อย่าประมาทนะครับ ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนการเดินทาง
เมื่อเราหันหลังให้สถานีรถไฟมองเข้าหาตัวเมือง ท่าเรือ Thun จะอยู่ทางขวามือ เดินซัก 2 - 3 นาทีก็จะถึงท่า สีน้ำที่ท่าเรือมีสีเขียวมรกต เราได้เรือเที่ยว 12.40 น. (เรือส่วนใหญ่จะออกนาทีที่ 40) เป็นเรือเที่ยวพิเศษ เพราะเป็นเรือกลไฟสมัยโบราณที่ชื่อ “Blumlisalp” (ฝั่งทะเลสาบ Brienz ก็มีนะครับ เป็นเรือชื่อ Lotschberg) เช่นเคยมีการแบ่งพื้นที่นั่งสำหรับบัตรเดินทางชั้นหนึ่งและชั้นสอง
ท่าเรือ และคลองที่เรือจะล่องออกจากเมือง
เรือ Blumlisalp และภายในเรือที่แสดงห้องเครื่อง
เรืออื่นๆ ที่วิ่งรับส่งในทะเลสาบ Thun ฉากหลังเป็นยอดเขา Stockhorn และ Niesen Kulm
เรือพาเราแล่นออกมาตามคลอง ก่อนที่ปราสาท Schaudau จะส่งเราสู่ทะเลสาบกว้าง สีน้ำในทะเลสาบมีสีเขียวสดใส แต่ก้อนเมฆก้อนใหญ่ก็บด
วทัศน์ของยอดเขา Stockhorn (2,190 m.) และ Niesen Kulm (2,362 m.) ทางขวามือเอาไว้ ทางซ้ายมือเป็นภาพบ้านเรือนบนเนินเขา ซักพักเราก็พบกับอาคารรูปทรงสวยงาม ปราสาท Hunegg นั่นเอง ผ่านปราสาทประเดี๋ยวเดียวเราก็มาถึงท่าเรือ Hilterfingen จัดแจงรับผู้โดยสารเสร็จ เรือก็ออกตัวมุ่งหน้าไปยังท่าต่อไป อันเป็นที่ตั้งของปราสาท Oberhofen จุดหมายต่อไปของเรา
ตัวปราสาทและยอดโบถส์เมื่อเรือแล่นออกจากท่า
ระหว่างทางที่ออกจากคลอง
ปราสาท Schaudau
ปราสาท Hunegg
โรงแรมมีชื่อ
เรือมาเทียบท่าเมือง Oberhofen เวลา 13.03 น. เมื่อมองเข้าหาเมือง ปราสาทนั้นตั้งอยู่ทางขวามือของท่าเรือ โดดเด่นด้วยอาคารที่มีหลังคาทรงสูงตั้งตระหง่านอยู่ในน้ำ กระเบื้องบนหลังคาของประตูทางเข้ามีหลากสีสัน เราติดต่อเพื่อฝากสัมภาระแล้วซื้อบัตรเข้าชม บัตร Regional Pass ทำให้ราคาค่าเข้าชมเหลือ 8 CHF/คน ปราสาท Oberhofen สร้างโดยเจ้าครองนครตั้งแต่ยุคกลาง ได้รับการปรับปรุงต่อเติมและเปลี่ยนมืออีกหลายหน จนระหว่างปี ค.ศ. 1849-52 ในช่วงที่การท่องเที่ยวแถบนี้บูมสุดๆ ปราสาทก็ตกเป็นทรัพย์สินของตระกูล de Pourtales ซึ่งได้ว่าจ้างสถาปนิกทำการออกแบบและปรับปรุงเพิ่มเติม จนปราสาทมีรูปลักษณ์เหมือนเช่นในปัจจุบัน
ตัวปราสาทเมื่อมองจากท่าเรือ
ประตูทางเข้า
ที่ขายบัตรเข้าชมและฝากสัมภาระ
สวนดอกไม้ภายในปราสาท Oberhofen
รอบๆ ตัวปราสาท
ห้องที่ยื่นออกไปในน้ำพร้อมหลังคาทรงสูง
ภายในปราสาทมีห้องต่างๆ หลายสิบห้อง มีห้องทุกอย่างที่เราพอจะคิดฝันได้ เช่น ห้องรับแขก ห้องจัดเลี้ยง ห้องอาหาร ห้องสมุด คุก โบสถ์น้อย ห้องเลี้ยงเด็ก ห้องอ่านหนังสือ และชั้นบนสุดมีห้องสูบบุหรี่สไตล์เติร์กอยู่ด้วย ของตกแต่งและจำนวนห้องที่มีอยู่มากมาย เราจึงดูบ้างข้ามบ้างใช้เวลากว่าชั่วโมงครึ่งสังขารก็ต้องยอมแพ้
ห้องต่างๆ ภายในปราสาท
ภาพวาดแสดงให้เห็นว่าในวันที่ฟ้าใสสามารถมองเห็นยอด Eiger Monch และ Jungfrau ได้
ฝ้าเพดานของห้องสูบบุหรี่ชั้นบนสุด
ทางเดินไปยังอาคารที่ตั้งในทะเลสาบ
[CR] Made in Bernese Oberland : Thunersee - Wait an hour
นอกจากสีน้ำที่แปลกตาของทะเลสาบ Thun แล้ว สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจอีกอย่างหนึ่งรอบๆ ทะเลสาบนี้ คือปราสาทเก่า มีด้วยกัน 5 แห่ง ไล่จากเมือง Thun ไปตามเส้นทางล่องเรือ ได้แก่ ปราสาท Thun และ ปราสาท Schaudau ที่เมือง Thun , ปราสาท Hunegg ที่เมือง Hilterfingen, ปราสาท Oberhofen ที่เมือง Oberhofen และปราสาท Spiez ที่เมือง Spiez
ปราสาททั้ง 5 แห่ง แต่ละแห่งใช้เวลาในการเยี่ยมชมค่อนข้างมาก กอรปกับการเดินทางเพื่อไปยังแต่ละปราสาทต้องใช้เรือเป็นพาหนะ ทริปนี้เราจึงไปเยือนได้เพียง 2 แห่ง ได้แก่ ปราสาท Thun และปราสาท Oberhofen เท่านั้น
เราได้ล่องทะเลสาบ Thun ตั้งแต่ต้นจนจบในวันที่ 7 ของการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งเป็นวันที่สภาพอากาศย่ำแย่ที่สุด ฝนตกตั้งแต่เช้าและหนักกว่าทุกๆ วัน เมฆฝนที่ก่อตัวนี้ไม่เหมาะที่เราจะขึ้นเขาตามที่ต้องการ และต้องรอไปวันหลังๆ แทน เราจึงวางแผนจะเที่ยวชมปราสาทและล่องเรือเพื่อหลบฝนไปในตัว
เราออกจากที่พักแล้วไปถึงสถานีรถไฟ Interlaken Ost เวลา 8.25 น. รอนิดหน่อยแล้วจึงขึ้นรถไฟเวลา 8.30 น. ไปถึงเมือง Thun เวลา 9.03 น. เมื่อไปถึงฝนยังตกไม่ขาดเม็ด มือหนึ่งถือร่มอีกมือหนึ่งถือกล้อง โดยมีจุดหมายแรกของวันที่ปราสาท Thun
เมือง Thun เป็นเมืองเก่าแก่ถูกเขียนบันทึกไว้ตั้งแต่ศริสต์ศตวรรษที่ 7 เป็นเมืองที่ควบคุมเส้นทางการค้าในบริเวณนี้ เราเห็นได้ชัดถึงขนาดและความเป็นเมืองของ Thun เมื่อเทียบกับเมืองต่างๆ ในบริเวณนี้ ประมาณช่วงทศวรรษที่ 1800 มีการจัดตั้งโรงเรียนการทหารที่สำคัญ และโรงเรียนช่างฝีมือและหัตถศิลป์ต่างๆ นอกจากนี้เมือง Thun ยังเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในบริเวณนี้ที่เรียกว่า “Riviera of lake Thun”
ไม้แกะสลักแสดงตัวปราสาท Thun และรั้วล้อมรอบ
จากแผนที่ที่เรามีจะเห็นได้ว่าระหว่างสถานีรถไฟและตัวปราสาทนั้น มีเกาะในแม่น้ำ Aare ขวางอยู่ ทำให้เราจะต้องข้ามสะพาน 2 ครั้ง ก่อนจะถึงทางขึ้นปราสาท และทางขึ้นปราสาทนั้นขึ้นได้ 2 ทาง ทางหนึ่งผ่านโบสถ์ อีกทางหนึ่งผ่านที่ว่าการเมือง (Rathaus)
Rathaus ทางซ้ายมือ ปราสาทอยู่เนินเขาตรงกลาง และโบสถ์อยู่ทางขวามือ
เราเริ่มเดินจากสถานีรถไฟมุ่งหน้ามาเรื่อยๆ จนถึงวงเวียน ด้วยความไม่รีบร้อนเราเดินไปทางขวาของวงเวียน ไปดูสะพานไม้เก่าของเมืองที่มีรูปแบบคล้ายๆ กับสะพานที่เมือง Luzern แต่สั้นกว่ามาก ข้ามสะพานไม้เก่าแล้วจึงข้ามสะพานเหล็กอีกอัน เป็นอันข้ามเกาะสำเร็จ จากนั้นวกกลับมาทางซ้ายมือ เลี้ยวขวาที่สะพาน ถึงทางแยกแล้วเลี้ยวซ้ายเดินผ่านเมืองเก่าและที่ว่าการเมือง เมื่อเดินเลยไปแล้วต้องวกกลับมาอีกทีเพื่อขึ้นสู่ตัวปราสาท รู้สึกว่าเส้นทางนี้อ้อมกว่าทางที่ไปขึ้นผ่านโบสถ์มากทีเดียว
สะพานไม้เก่า
หลังคาทรงสูงในเมือง
สีของแม่น้ำ Aare ที่เมือง Thun
เปรียบเทียบกับสีของน้ำที่ Interlaken West
ฝนตกชุ่มฉ่ำตั้งแต่เช้า
ที่ว่าการเมืองกลางสายฝน
ยอดโบสถ์
ปราสาท Thun
เรามาถึงตัวปราสาทเวลา 9.30 น. และต้องรอเวลาเปิดอีกประมาณ 30 นาที.....รอร้อรอ....ปราสาททั้ง 5 แห่งรอบทะเลสาบนี้มีเวลาและวันที่เปิดไม่ค่อยจะเหมือนกันซักเท่าไหร่ ต้องตรวจสอบก่อนวางแผนการเดินทางนะครับ ตัวอย่างเช่น ปราสาท Oberhofen เปิด 11.00 น. , ปราสาท Hunegg วันจันทร์ถึงวันเสาร์เปิดเวลา 14.00 น., ปราสาท Oberhofen และ Schaudau ปิดวันจันทร์, ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน (หน้าหนาว) ปราสาท Schaudau ปิดวันจันทร์และวันอังคาร เป็นต้น
เราเข้าชมปราสาทเป็นกลุ่มแรกๆ ของวัน บัตร Regional pass มีส่วนลดทำให้ค่าเข้าชมเหลือ 8 CHF/คน ภายในปราสาทจัดแสดงสิ่งของและประวัติต่างๆ ของเมืองไล่ตามชั้นขึ้นไป ข้าวของมีไม่มากนัก เดินไม่นานก็ถึงยอดปราสาท หลังคาจั่วทำด้วยไม้ขนาดใหญ่ดูอลังการ เราสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองในวันที่ฝนตกได้จากยอดปราสาท หลังจากเดินชมเสร็จเราก็ออกจากตัวปราสาทและต้องแปลกใจที่มีโรงแรมอยู่ในรั้วของตัวปราสาทชนิดที่นอนดูกันได้อย่างใกล้ชิดทีเดียว
ห้องซื้อบัตรชมอยู่ทางซ้ายมือ
งานหัตถศิลป์ที่จัดแสดงไว้
ครอบครัวสุนัขแกะสลักจากไม้ เส้นขนพริ้วน่าประทับใจ
เราเดินลงจากปราสาทผ่านทางโบสถ์ เม็ดฝนยังไม่ซาเลย เราหาร้านอาหารสำหรับมื้อเที่ยง แม้จะมีร้านอาหารเรียงรายตามถนนในเมืองเก่าและตลอดสองฝั่งของเกาะในแม่น้ำ แต่บางร้านก็ไม่รับแขกในวันนี้ สุดท้ายเราได้ Migros เป็นที่พึ่งประทังความหิว หลังจากเติมพลังแล้วเราก็พร้อมเดินทางต่อไป
การล่องในทะเลสาบ Thun ที่มีความยาวกว่า 17.5 กม. กว้าง 3.5 กม. และลึกกว่า 200 ม.นั้น เริ่มต้นที่ท่าเรือ Thun แม้เที่ยวเรือและจำนวนท่าที่จอดมีความแน่นอนกว่าการล่องเรือที่ทะเลสาบ Brienz อย่างไรก็อย่าประมาทนะครับ ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนการเดินทาง
เมื่อเราหันหลังให้สถานีรถไฟมองเข้าหาตัวเมือง ท่าเรือ Thun จะอยู่ทางขวามือ เดินซัก 2 - 3 นาทีก็จะถึงท่า สีน้ำที่ท่าเรือมีสีเขียวมรกต เราได้เรือเที่ยว 12.40 น. (เรือส่วนใหญ่จะออกนาทีที่ 40) เป็นเรือเที่ยวพิเศษ เพราะเป็นเรือกลไฟสมัยโบราณที่ชื่อ “Blumlisalp” (ฝั่งทะเลสาบ Brienz ก็มีนะครับ เป็นเรือชื่อ Lotschberg) เช่นเคยมีการแบ่งพื้นที่นั่งสำหรับบัตรเดินทางชั้นหนึ่งและชั้นสอง
ท่าเรือ และคลองที่เรือจะล่องออกจากเมือง
เรือ Blumlisalp และภายในเรือที่แสดงห้องเครื่อง
เรืออื่นๆ ที่วิ่งรับส่งในทะเลสาบ Thun ฉากหลังเป็นยอดเขา Stockhorn และ Niesen Kulm
เรือพาเราแล่นออกมาตามคลอง ก่อนที่ปราสาท Schaudau จะส่งเราสู่ทะเลสาบกว้าง สีน้ำในทะเลสาบมีสีเขียวสดใส แต่ก้อนเมฆก้อนใหญ่ก็บดวทัศน์ของยอดเขา Stockhorn (2,190 m.) และ Niesen Kulm (2,362 m.) ทางขวามือเอาไว้ ทางซ้ายมือเป็นภาพบ้านเรือนบนเนินเขา ซักพักเราก็พบกับอาคารรูปทรงสวยงาม ปราสาท Hunegg นั่นเอง ผ่านปราสาทประเดี๋ยวเดียวเราก็มาถึงท่าเรือ Hilterfingen จัดแจงรับผู้โดยสารเสร็จ เรือก็ออกตัวมุ่งหน้าไปยังท่าต่อไป อันเป็นที่ตั้งของปราสาท Oberhofen จุดหมายต่อไปของเรา
ตัวปราสาทและยอดโบถส์เมื่อเรือแล่นออกจากท่า
ระหว่างทางที่ออกจากคลอง
ปราสาท Schaudau
ปราสาท Hunegg
โรงแรมมีชื่อ
เรือมาเทียบท่าเมือง Oberhofen เวลา 13.03 น. เมื่อมองเข้าหาเมือง ปราสาทนั้นตั้งอยู่ทางขวามือของท่าเรือ โดดเด่นด้วยอาคารที่มีหลังคาทรงสูงตั้งตระหง่านอยู่ในน้ำ กระเบื้องบนหลังคาของประตูทางเข้ามีหลากสีสัน เราติดต่อเพื่อฝากสัมภาระแล้วซื้อบัตรเข้าชม บัตร Regional Pass ทำให้ราคาค่าเข้าชมเหลือ 8 CHF/คน ปราสาท Oberhofen สร้างโดยเจ้าครองนครตั้งแต่ยุคกลาง ได้รับการปรับปรุงต่อเติมและเปลี่ยนมืออีกหลายหน จนระหว่างปี ค.ศ. 1849-52 ในช่วงที่การท่องเที่ยวแถบนี้บูมสุดๆ ปราสาทก็ตกเป็นทรัพย์สินของตระกูล de Pourtales ซึ่งได้ว่าจ้างสถาปนิกทำการออกแบบและปรับปรุงเพิ่มเติม จนปราสาทมีรูปลักษณ์เหมือนเช่นในปัจจุบัน
ตัวปราสาทเมื่อมองจากท่าเรือ
ประตูทางเข้า
ที่ขายบัตรเข้าชมและฝากสัมภาระ
สวนดอกไม้ภายในปราสาท Oberhofen
รอบๆ ตัวปราสาท
ห้องที่ยื่นออกไปในน้ำพร้อมหลังคาทรงสูง
ภายในปราสาทมีห้องต่างๆ หลายสิบห้อง มีห้องทุกอย่างที่เราพอจะคิดฝันได้ เช่น ห้องรับแขก ห้องจัดเลี้ยง ห้องอาหาร ห้องสมุด คุก โบสถ์น้อย ห้องเลี้ยงเด็ก ห้องอ่านหนังสือ และชั้นบนสุดมีห้องสูบบุหรี่สไตล์เติร์กอยู่ด้วย ของตกแต่งและจำนวนห้องที่มีอยู่มากมาย เราจึงดูบ้างข้ามบ้างใช้เวลากว่าชั่วโมงครึ่งสังขารก็ต้องยอมแพ้
ห้องต่างๆ ภายในปราสาท
ภาพวาดแสดงให้เห็นว่าในวันที่ฟ้าใสสามารถมองเห็นยอด Eiger Monch และ Jungfrau ได้
ฝ้าเพดานของห้องสูบบุหรี่ชั้นบนสุด
ทางเดินไปยังอาคารที่ตั้งในทะเลสาบ