สวัสดีครับเพื่อนๆชาว pantip ทุกคน ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่านี่เป็นทริปแรกและเป็นกระทู้แรกของพวกเรานะครับ ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ(พอดีพูดไม่ค่อยเก่ง ฮ่าๆๆ) พวกเรามีทั้งหมด 4 คน และเป็นผู้ชายทั้งหมดครับ เราวางแผนกันไว้ก่อนไปเที่ยวประมาณ 1 เดือน และตกลงกันได้ว่าจะไปกาญจนบุรี เพราะเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ จากนั้นจึงวางแผนไว้แบบคร่าวๆไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมากมาย และเรียกเก็บเงินคนละ 1,300 บาท (พวกเราคิดกันไว้ว่าถ้าเงินหมดก็กลับถ้าไม่หมดก็เที่ยวต่อ555) และในวันที่ 21 ก.ค. 2558 ออกเดินทางด้วยรถทัวร์สาย เชียงใหม่-กาญจนบุรี แต่เราขึ้นที่ บขส.กำแพงเพชรเพราะเราเป็นคนกำแพงเพชรครับ รถออกจาก บขส.กำแพงเพชร เวลา 01.00 น. ถึง บขส.กาญจนบุรี 07.00 น.
พอถึง บขส.กาญจนบุรี จากนั้นก็ตกลงกันว่าจะไปที่ไหนก่อนดีแล้วได้ข้อสรุปว่าเราจะไปน้ำตกเอราวัณกันก่อนแล้วค่อยไปต่อกันที่ เลคเฮฟเว่น (Lake Heaven Resort & Park) เพราะเป็นทางเดียวกันครับ จากนั้นก็เดินหารถไปน้ำตกเอราวัณและแล้วพวกเราก็ได้รถเมย์ที่จะเข้าไปส่งถึงน้ำตกเลยครับเป็นรถประจำทางครับสุดสายที่น้ำตกเอราวัณ ค่าตั๋วรถคนละ 50 บาทครับ รถออกเวลา 10.00 น.
[CR] แบกกระเป๋า ไปสะเด่าที่เมืองกาญ 2วัน 1คืน กับงบ1300
พอถึง บขส.กาญจนบุรี จากนั้นก็ตกลงกันว่าจะไปที่ไหนก่อนดีแล้วได้ข้อสรุปว่าเราจะไปน้ำตกเอราวัณกันก่อนแล้วค่อยไปต่อกันที่ เลคเฮฟเว่น (Lake Heaven Resort & Park) เพราะเป็นทางเดียวกันครับ จากนั้นก็เดินหารถไปน้ำตกเอราวัณและแล้วพวกเราก็ได้รถเมย์ที่จะเข้าไปส่งถึงน้ำตกเลยครับเป็นรถประจำทางครับสุดสายที่น้ำตกเอราวัณ ค่าตั๋วรถคนละ 50 บาทครับ รถออกเวลา 10.00 น.
ระหว่างที่รอรถออก พวกเราก็เลยเดินหาร้านข้าวเพื่อกินข้าวเช้ากันครับ เมื่อกินข้าวเสร็จเวลายังเหลือเลยเดินเที่ยวภายในตัวเมืองรอบๆบขส. ดูวิถีชีวิตของคนเมืองกาญกันครับ บรรยากาศครึ้มๆเย็นสบายครับ
พอได้เวลารถใกล้ออกเราก็เดินมาขึ้นรถกันครับ มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเกือบทั้งคันเลยครับ ที่นี่ชาวต่างชาติเยอะมากครับ บรรยากาศในรถคลาสสิคมากครับรู้สึกตื่นเต้นครับ อิอิ
และแล้วก็มาถึงน้ำตกเอราวัณครับ ถึงที่นี่ 12.00 พอดีครับรถเมย์ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครับ ระยะทาง 70 กิโลเมตร อาจจะช้านิดนึงเพราะว่าแวะรับนักท่องเที่ยวตลอดทางเลยครับ รถเมย์จะเข้ามาส่งเราถึงหน้าน้ำตกเลยนะครับ อ่อลืมบอกไปครับค่าเข้าอุทยานคนละ50บาทนะครับถ้ามีบัตรนักศึกษาลด50%ครับ และพวกเราก็เลยหาข้าวกินที่น้ำตกเลยครับ เพราะที่นี่จะมีร้านอาหารอยู่หน้าน้ำตกหลายร้านเลยครับ
น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่มีระยะทางเดินยาวประมาณ 1,500 เมตร เพราะมีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น ทางเดินขึ้นน้ำตกนั้นจะร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งเถาวัลย์ ต้นไม้ใหญ่ อากาศดีเย็นสบายตลอดทางเลยครับ แล้วทำไมเค้าถึงเรียกชื่อว่า "น้ำตกเอราวัณ" ก็เพราะว่าในชั้นที่ 7 และเป็นชั้นสูงสุดของน้ำตกนั้นมีลักษณะสายน้ำไหลบ่า มองดูคล้ายกับหัวช้างเอราวัณซึ่งมี 3 หัว จึงกลายเป็นที่มาของชื่อน้ำตก เป็นไงล่ะครับพวกเราก็มีสาระนะครับ (แต่พวกเราเดินขึ้นไปถึงแค่ชั้น 5 ครับ เพราะเหนื่อยจริงๆฮ่าๆๆแล้วอีกอย่างต้องรีบทำเวลาไปเลคเฮฟเว่นกันต่อครับ
แล้วอีกอย่างบรรยากาศท้องฟ้าวันที่เราไปกันครึ้มทั้งวันเลยครับ และฝนก็ไม่ตก อากาศดีมากเลยครับ
และที่นี่ก็เป็นอีกที่หนึ่งครับที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติมากไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ชาวต่างชาติ เห็นแล้วรู้สึกประทับใจมากครับ
หลังจากที่เดินเที่ยวกันเสร็จแล้วเวลาก็เกือบบ่ายโมงครึ่งและก็ได้เวลาไปต่อครับ สถานที่ต่อไปก็คือ เลคเฮฟเว่น รีสอร์ท แอนด์ ปาร์ค(Lake Heaven Resort & Park) ครับ จากนั้นพวกเราก็เดินออกมารอที่หน้าน้ำตกครับเพื่อรอโบกรถออกไปปากทาง
สำหรับคนที่อยากกลับไปตัวเมืองกาญเลยก็ยังมีรถเมย์สายเดิมที่เรานั่งมาตอนแรกรถจะออกรอบบ่าย2โมง ออกจากน้ำตกไปตัวเมืองกาญครับ หลังจากที่รอรถอยู่พักหนึ่งก็มีพี่ใจดีพาครอบครัวมาเที่ยวและจอดแวะรับพวกเราไปส่งปากทางเข้าน้ำตกครับ
หลังจากที่พี่ใจดีมาส่งพวกเราปากทางแล้วก็ต้องขอขอบคุณพี่และครอบครัวเป็นอย่างมากครับ จากนั้นพวกเราก็ไม่ชักช้าหาโบกรถคันต่อไปเพื่อไปเลคเฮฟเว่น และแล้วก็มีลุงกับป้าใจดีแวะรับพวกเราเพราะลุงกับป้าผ่านเลคเฮฟเว่นพอดีครับ ระยะทางจากน้ำตกเอราวัณไปเลคเฮฟเว่นประมาณ 20 กิโลเมตรครับ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเป็นทางขึ้นเขาลงเขาสลับกันไปวิวข้างทางสวยมากครับ
บ่าย2โมงกว่าๆพวกเราก็มาถึงเลคเฮฟเว่นครับ ต้องขอขอบคุณลุงกับป้าใจดีอีกครั้งครับ
ก่อนเข้าเราเห็นลุงยามประจำเลคเฮฟเว่นเลยลองเดินเข้าไปถามหาที่พักแถวนี้ดูและขอราคาเบาๆเพราะพวกเราไม่ได้จะมานอนที่เลคเฮฟเว่นกันนะครับอย่าเข้าใจผิด อิอิ และก็เป็นโชคดีอีกครั้งครับลุงยามได้ติดต่อที่พักให้พวกเรา1ห้องราคา700บาทเป็นห้องแอร์เข้าพักได้4คนพอดีเลยครับแต่ไม่มีอาหารให้นะครับอยู่ห่างจากเลคเฮฟเว่นประมาณ100เมตรครับ พวกเราก็ตกลงจ่ายค่าห้องไป700เลยครับเด๋วลุงยามจะจัดการให้เอง แล้วเราก็ฝากสัมภาระไว้ที่ป้อมยามซึ่งลุงยามจะเฝ้าให้เองครับ หลังจากที่ได้ที่พักแล้วก็ตรงเข้าไปเลคเฮฟเว่นมัลดีฟเมืองไทยเล่นน้ำกันอย่างสบายใจเลยครับฮ่าๆๆ เสียค่าเข้าเล่นคนละ200นะครับเล่นได้ทั้งวัน
หลังจากเล่นน้ำกันเสร็จแล้วก็ไปหาลุงยามแล้วเดินไปที่พักครับประมาณ100เมตรก็ถึงครับแล้วเราก็เจอคุณป้าเจ้าของที่พัก ป้าใจดีมากครับต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดีดูเป็นกันเองมากครับ จากนั้นพวกเราก็ขึ้นเอาของไปเก็บในที่พักอาบน้ำเตรียมตัวออกไปหาข้าวกินกันครับ
นี่แร่ะครับที่พักของพวกเรา ชั้นล่างเป็นร้านขายของชั้นบนเป็นห้องพักครับ เท่ห์ป้ะล้าา หลังจากอาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อยป้าก็มาถามว่าจะให้ป้าสั่งข้าวให้มั้ยหรือให้ป้าทำให้พวกเราก็ตกลงกันว่าจะกินกับข้าวฝีมือป้าครับ จากนั้นก็เดินไปสำรวจชุมชนแถวนั้นและก็หาขนมกินไปเรื่อยครับแถวนี้ดูสงบดีครับชาวบ้านที่นี้เป็นกันเองมากครับ เสียดายไม่มีรูปเพราะมัวแต่เดินเที่ยวหาของกินเพลินครับ แล้วพวกเราก็กลับมาถึงที่พักกับข้าวก็เสร็จพอดีครับเป็นอาหารง่ายๆที่พวกเราสั่งป้าเค้าให้ทำเองแร่ะครับ มื้อนี้ราคา 150 บาทครับก็โอเครนะครับอาหารก็อร่อยดีข้าวไม่อั้นครับ
หลังจากอิ่มแล้วพวกเราก็เข้าห้องพักครับวันนี้เหนื่อยแต่ก็สนุกครับ พักผ่อนเก็บแรงไว้ลุยพรุ่งนี้ต่อครับ
แร่ะนี่คือโฮมสเตย์ของพวกเราครับ
............................................................................................................................
เช้าวันที่2ป้าก็ทำอาหารมาให้เหมือนเดิมครับเพราะพวกเราสั่งป้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่วันนี้เรากินน้อยป้าเลยคิดเรา120บาทครับ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้พอดีรีบครับต้องรีบเดินทางเพราะกลัวไม่ทันรถไปตัวเมืองกาญครับ แต่ป้าก็ใจดีอีกครับบอกว่าจะโบกรถให้พวกเรา พวกเราก็ดีใจสิครับต้องขอขอบคุณป้ามากอยู่กันมา1คืนไม่ได้ถามชื่อป้าเลยครับ แต่เราก็มีรูปป้าอยู่นะครับ
คุยกันได้ไม่นานก็มีรถผ่านมาพอดีครับ แต่!ไม่ใช่รถกระบะเหมือนที่พวกเราเคยโบกมาครับแต่นี่คือรถพ่วงครับแล้วป้าก็โบกให้พวกเราครับ ตอนแรกก็นึกว่าป้าแกล้อเล่นแต่ป้าแกบอกรถให้ไปส่งเราจริงครับ แล้วพี่คนขับรถพ่วงก็ใจดีพาเราไปส่งที่ตำบลลาดหญ้าเพราะพี่แกมาถึงแค่นี้ครับ แล้วก็บอกให้เรานั่งรถประจำทางไปตัวเมืองต่ออีกคนละ20บาทครับ ตลอดทางที่นั่งมาพี่เค้าแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรีให้พวกเรามาตลอดทางเลยครับ
ขอบคุณพี่ใจดีมากครับ
นั่งรถประจำทางจากลาดหญ้าไปตัวเมืองกาญครับ คนละ20บาทครับ
พอมาถึงในเมืองก็บอกรถให้จอดสถานนีรถไฟครับ เพราะพวกเราตกลงกันว่าจะนั่งรถไฟสายมรณะไปเที่ยวกันก่อนกลับครับ
จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถไฟเป็นตั๋วฟรีครับนั่งได้สุดสายเลยครับ
พร้อมแล้วก็ลุยกันเลยครับ
สถานีถ้ำกระแซวิวของจริงสวยมากครับ บรรยากาศครึ้มอีกแล้วเย็นสบายครับระหว่างทางก็ซื้อขนมกินกันแทนข้าวด้วยครับ
พอเที่ยวกันเสร็จรถไฟก็มาถึงสถานีกาญจนบุรีแล้วนั่งรถ2แถวไป บขส. คนละ10บาทครับ พอมาถึงบขส.ก็เย็นพอดีพวกเราก็เลยรีบไปซื้อตั๋วรถกลับกำแพงเพชรได้รถรอบ1ทุ่มพอดีครับ
จากนั้นก็เดินหาข้าวเย็นกินครับและก็เดินเที่ยวตลาดแถวๆนั้นด้วยครับเพื่อรอเวลากลับ
รถออกเวลา1ทุ่มครับถึงกำแพงเพชรตี1ครับ ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพครับ "จุดหมายปลายทางมันคือความสำเร็จ แต่ระหว่างทางสิมันคือประสบการณ์"