ภูทอกมี 7 ชั้น 1 - 4 นี่แทบไม่รู้สึกว่าถึงชั้นนั้นๆ ก็แค่ขึ้นบันได เดินแป๊ปเดียว บันไดไม้ ระเบียงไม้ เดินง่าย ถ้าเจอทางแยกแรก
เลือกทางซ้ายก็สวยกว่าน่ะผมว่า ถึงคนส่วนใหญ่จะไปทางขวาก็เถอะ ถ้าไม่ชอบเหมือนใคครอย่างผมก็เลือกเลยทางนี้แนะนำ
แล้วจะโผล่มาที่ บริเวณสถานปฏิบัติธรรม แสดงว่า ชั้น 5 แล้ว เดินไปทางระเบียงก็จะน้ำทุกท่านสู้เส้นทางระเบียงผา
5 - 6 เป็นระเบียงไม้ที่ขอบผา ถ่ายรูปได้ตลอดทาง ถ้าใครไปช่วงหน้าฝนก็ระวังแผ่นไม้ด้านนอกสุด มันจะเปียกฝน แล้วมันลื่น ลื่นไปทีนึง เลยระวังเป็นพิเศษ แล้วลื่นทะลุของผาไปละแย่เลย ณ จุดนี้ สวยทุกจุด ทีแรกเราก็ไม่กลัวหรอก มัวแต่หาจุดถ่ายรูป ชมนู้นนี่นั่น
แต่เดินผ่านคนที่กลัวความสูงเท่านั้นแหละ "อย่ามองลงไปน่ะ" "ชั้นจะไม่มองลงไปเลย" แถมมือนี่เกาะหินแน่น ค่อยๆ สืบเท้าทีละก้าวๆ
ตอนแรกตูก็ไม่ได้มองลงไปหรอก พอมองลงไปเท่านั้นแหละตูกลัวตามมุงเลย
ก็บางทีระเบียงมันก็ลอยฟ้ามากเลย ไม่มีอะไรอยู่ใต้แผ่นไม้ หวิวสุดๆ
จนไปสุดที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ คล้าย ๆ กับพระธาตุอินทร์แขวนที่พม่า
เดินกลับทางชั้น 6 จะไปจบที่ทางขึ้นชั้น 7 เป็นหน้าผาชมวิว
โชคดีมากมายที่เป็นวันฝนตก ถึงฟ้าจะไม่สวยมากนัก แต่คนก็น้อยลงไปด้วย แถมอากาศก็เย็นเดินสบาย
แถมตามระเบียงก็มีน้ำไหลลงมาอยู่ตลอดเวลา คาดว่าด้านบนคงสะสมน้ำฝนไว้ พอฝนหยุดก็ไหลลงมาตามขอบผา
พักที่เรือนรัตนะ ทางเข้าตัวเมืองบึงกาฬ ราคาห้อง 300 - 400 เราเลือก 400 + 100 สำหรับเสริม 1 เตียง
แต่เค้าให้นอน 4 คนน่ะ ใจดีมากเลย
เราใช้ทางสีฟ้าตามภาพ ถ. 202 จากที่พัก ไปอ.ศรีวิไล เลี้ยวซ้าย ที่สี่แยกกลางอำเภอ
ไปตามทางหลวงชนบท มีป้ายบอกทางไปภูทอกชัดเจน
(คนแถวนั้นบอกว่าถ้ามาอีกทาง (ทางสีเทา) จะได้วิวภูทอกใหญ่ มีหมอกสวยงาม เพิ่งรู้ทีหลังตอนถึงแล้ว คาดว่าน้ำตก 7 สีก็จะอยู่ทางนั้น
ที่เราไปคือ ภูทอกน้อย) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ระยะทาง 44 กิโลเมตร
สามารถหาข้าวกินได้ในตัวเมืองบึงกาฬ ขากลับออกมา จะแวะกินที่ศรีวิไลก็ได้ บริเวณวัดไม่มีอะไรกิน ถ้ากลัวหิว ก็เตรียมไปเลย
เนื่องจากแวะหลายที่ทริปนี้จึงไม่สามารถสรุปค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้ เพราะมันไม่เกี่ยวกับภูทอกเลย
ขอบคุณที่แวะมาชมครับ
charifity
[CR] charifity ระเบียงลอยฟ้า ภูผาแดง แหล่งธรรมะ ณ ภูทอก
จ.บึงกาฬ วันที่ 30 ก.ค. - 1 ส.ค. 58 เดินทางโดยรถส่วนตัว
ไม่ต้องมีอะไรมาก แค่โทรมาบอกกัน เราก็คิดชุดรอเลย แหม่ใจง่ายเนอะ
เลือกทางซ้ายก็สวยกว่าน่ะผมว่า ถึงคนส่วนใหญ่จะไปทางขวาก็เถอะ ถ้าไม่ชอบเหมือนใคครอย่างผมก็เลือกเลยทางนี้แนะนำ
แล้วจะโผล่มาที่ บริเวณสถานปฏิบัติธรรม แสดงว่า ชั้น 5 แล้ว เดินไปทางระเบียงก็จะน้ำทุกท่านสู้เส้นทางระเบียงผา
5 - 6 เป็นระเบียงไม้ที่ขอบผา ถ่ายรูปได้ตลอดทาง ถ้าใครไปช่วงหน้าฝนก็ระวังแผ่นไม้ด้านนอกสุด มันจะเปียกฝน แล้วมันลื่น ลื่นไปทีนึง เลยระวังเป็นพิเศษ แล้วลื่นทะลุของผาไปละแย่เลย ณ จุดนี้ สวยทุกจุด ทีแรกเราก็ไม่กลัวหรอก มัวแต่หาจุดถ่ายรูป ชมนู้นนี่นั่น
แต่เดินผ่านคนที่กลัวความสูงเท่านั้นแหละ "อย่ามองลงไปน่ะ" "ชั้นจะไม่มองลงไปเลย" แถมมือนี่เกาะหินแน่น ค่อยๆ สืบเท้าทีละก้าวๆ
ตอนแรกตูก็ไม่ได้มองลงไปหรอก พอมองลงไปเท่านั้นแหละตูกลัวตามมุงเลย
ก็บางทีระเบียงมันก็ลอยฟ้ามากเลย ไม่มีอะไรอยู่ใต้แผ่นไม้ หวิวสุดๆ
เดินกลับทางชั้น 6 จะไปจบที่ทางขึ้นชั้น 7 เป็นหน้าผาชมวิว
โชคดีมากมายที่เป็นวันฝนตก ถึงฟ้าจะไม่สวยมากนัก แต่คนก็น้อยลงไปด้วย แถมอากาศก็เย็นเดินสบาย
แถมตามระเบียงก็มีน้ำไหลลงมาอยู่ตลอดเวลา คาดว่าด้านบนคงสะสมน้ำฝนไว้ พอฝนหยุดก็ไหลลงมาตามขอบผา
แต่เค้าให้นอน 4 คนน่ะ ใจดีมากเลย
ไปตามทางหลวงชนบท มีป้ายบอกทางไปภูทอกชัดเจน
(คนแถวนั้นบอกว่าถ้ามาอีกทาง (ทางสีเทา) จะได้วิวภูทอกใหญ่ มีหมอกสวยงาม เพิ่งรู้ทีหลังตอนถึงแล้ว คาดว่าน้ำตก 7 สีก็จะอยู่ทางนั้น
ที่เราไปคือ ภูทอกน้อย) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ระยะทาง 44 กิโลเมตร
สามารถหาข้าวกินได้ในตัวเมืองบึงกาฬ ขากลับออกมา จะแวะกินที่ศรีวิไลก็ได้ บริเวณวัดไม่มีอะไรกิน ถ้ากลัวหิว ก็เตรียมไปเลย
เนื่องจากแวะหลายที่ทริปนี้จึงไม่สามารถสรุปค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้ เพราะมันไม่เกี่ยวกับภูทอกเลย
ขอบคุณที่แวะมาชมครับ
charifity