อยากเรียน และ การทำงานในอเมริกานานๆ
ทำอย่างไรถึงจะสามารถพำนัก และ อาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้อย่างถูกต้อง ดีเน้ออ !!
ผมเชื่อว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่ กำลังมองหาโอกาส ซักอย่างหนึ่งเพื่อเป็นสะพานต่อยอดให้เราได้เจออนาคตที่ดีกว่า หลายๆท่านกำลังมองหาธุรกิจทำ หรือ กำลังคิดลงทุนในการซื้อ อสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างสินทรัพย์ให้กับตนเอง เรามองว่า หากมีอะไรก็ตามที่นำพาชีวิตไปในทางที่ดี ย่อมเป็นหนทางเลือกที่ทุกคนใฝ่ฝัน
ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่ทุกคนรู้จัก แต่ อาจจะไม่เคยไป การเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกานั้น สามารถเดินทางผ่านได้ สองทวีป คือ ยุโรป และ เอเชีย เป็นประเทศที่มีศูนย์รวมของทุกชนชาติ มีเศรษฐกิจที่แข่งแกร่ง และ มั่นคง คนส่วนใหญ่ฝันว่า หากได้มีโอกาสได้ไปอยู่ที่ประเทศนี้คงจะดีไม่น้อย
ย้อนไปเมื่อปี พศ. 2500 - 2510 หรือ ราวๆ 60 กว่าปีก่อน ประเทศสหรํฐอเมริกา เปิดโอกาสให้คนไทยไปขอวีซ่า เพื่อเข้าพำนัก และ ท่องเที่ยวได้อย่างถาวร เรียกง่ายๆว่าเปิดโอกาสให้คนไทย สมัยนั้น ไปขุดทอง แบบฟรีๆ จนตอนนี้ก็คงจะได้มีครอบครัว ตั้งถิ่นฐานกันอย่างมั่นคงแล้ว แต่พอรัฐบาลอเมริกาประกาศยกเลิกวีซ่าดังกล่าว แล้วทำการจัดระเบียบ กฏการเข้าประเทศใหม่ ที่ยากมากกว่าเดิม ทำให้คนไทยนับล้าน หมดโอกาสทันที คำถามต่อมาคือ แล้วเราจะเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ได้อย่างไรดี
วันนี้ทุกคน คนอ่านกระทู้ การขอวีซ่า เข้าประเทศสหรัฐอเมริกา กันมาบ้างพอสมควร ผมในฐานะผู้ที่รู้เรื่อง บ้าง ขอสรุป วีซ่าต่างๆ ที่เข้าอเมริกา เป็นดังนี้ครับ เริ่มจากระยะสั้น ไปจนถึงระยะยาว
1. วีซ่าท่องเที่ยว และ ธุรกิจ ( B1-B2 ) ผู้ขอวีซ่านี้ จะได้สิทธิ๋เข้า ออก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ 10 ปี โดยการเข้าแต่ละครั้ง จะอยู่ได้เพียง 3-5 เดือนเต็มที่ แต่ไม่สามารถทำงานได้ หากตรวจพบว่าทำงานโดยหน่วยงาน Homeland Security แล้ว ทั้งผู้ถือ วีซ่า และ ร้านอาหารนั้นๆ จะโดน....ทันที ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฏหมายเลยทีเดียว บางคน บอกว่า ฉันก็เข้าออก ที่ละ ห้าเดือน แบบนี้ไม่เห็นโดยเลย คำตอบคือ หากคุณลองเข้าออก แบบนี้ซัก สาม สี่ รอบ รับรองผล เจ้าหน้าที่ Immigration Cancel การเข้าประเทศ 100% ครับ ระบบเค้าฉลาดมาก Tracking แบบอัตโนมั้ติได้เลยทีเดียว อย่าลืมครับว่าประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ความสำคัญในการ เข้าประเทศ มากกว่า การออกจากประเทศเค้านะครับ ใบ I 94 จะเป็นตัว Record การเดินทางเอาไว้ และ สายการบินจะต้องส่งรายชื่อผู้โดยสาย ก่อน การเข้า และ ออกนอกประเทศ ภายใน24 ชั่วโมงตามตารางการบิน ดังนั้นใครที่คิดว่าจะใช้วีซ่าประเภทนี้ เป็นโอกาส ในการทำงาน หาเงิน ผมบอกได้เลยว่า มันไม่สวยเอาซะเลย แถมได้เงินแบบไม่เต็มเท่า เอาง่ายจะได้เป็นล้าน ก็คงยากอยู่
2. วีซ่า เรียนต่อ ( M & F ) ผู้ขอวีซ่า เรียน สามารถขอทำใบกระกันสังคมได้ครับ แต่จำกัดชั่วโมงการทำงาน ได้แค่ 20 ชั่วโมง หลายคนคุ้นๆว่าวิธีนี้เพราะได้วีซ่านี้สามารถอยู่ในอเมริกาได้ถึง 2-5 ปี บางคนก็ drop เรียนไปหาเงิน พอใกล้ๆ ค่อยมาเรียนให้จบ หรือ หาช่องทางทำงาน พิเศษ หรือ ทำธุรกิจส่วนตัว ใครที่ได้วีซ่า ประเภทนี้ ก็นับว่าต้องจ่ายค่าเล่าเรียน บางส่วน เพื่อให้ได้ใบ I 20 ในการขอวีซ่าที่สถานทูต วีซ่านักเรียน ที่ลงทะเบียนไปเรียน หาสถาบันที่ถูก ๆ แล้วลงเรียน แต่แอบแฝงโดยการไปทำงานด้วย ในวีซ่าประเภทนี้จะตรวจสอบยากเหมือนกันว่ามีจุดประสงค์ไปแอบทำงานมั้ย ทำให้ตอนขอวีซ่า สกงศุลจะขอดูรายละเอียดปลีกย่อยเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะให้ผ่านหรือไม่ หากผู้สมัครอยากไปเรียนจริง ๆ แต่สถานฑูตไม่เชื่อก็โดนปฏิเสธ ส่วนคนที่ตั้งใจไปแอบทำงานและเรียน กลับผ่านวีซ่า ไม่มีอะไรแน่นอนกับการตัดสินใจ สถาบันที่ลงเรียนก็มีส่วนสำคัญ ถ้าสถาบันที่ดี มีชื่อ ก็มีเครดิตดีหน่อยแต่เราก็ต้องจ่ายราคาเรียนที่ค่อนข้างสูง ถามว่า งั้นเราไปวีซ่านักเรียนและแอบทำงานก็ดีกว่า ตอบให้ถูกต้อง คือ วีซ่านักเรียนไม่อนุญาตให้ทำงาน ถ้าทำงานก็ผิดกฏหมาย ยกเว้น มหาวิทยาลัยมีหนังสืออนุญาตถึงจะทำงานได้
3. วีซ่า J-1 ( Work and Travel / Trainee ) อันนี้ผู้เขียน เข้าใจ และ ผู้อ่านหลายๆคนก็คงเคยได้รับวีซ่านี้มาแล้ว จิงๆ วีซ่านี้ของ่ายสุด % การผ่านสูง แต่อยู่ได้แค่ 3 เดือน เท่านั้นไม่รวมเที่ยว หรือ หาเป็นแบบฝึกงาน ตอนที่พึ่งจบใหม่สามารถอยู่ได้ไม่เกิน 12 เดือน เพื่อนผม ปัจจุบันยังไม่กลับมาเมืองไทยเลย กลายเป้น Robin hood ไปแล้ว ไม่แนะนำเลยนะครับ ใช้ชีวิตอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ขับรถก็ไม่ได้ โหยน่าสงสารมากๆ ใครที่คิดว่าอยู่ปี สี่ แล้วจะไป work ต่อด้วยการบินหายไปเลยไม่กลับมาละ ถ้าเป้นผู้หญิง แล้งแต่งงานได้คงจะโชคดีไม่น้อย แต่ถ้าไม่ได้อยากนั้น กลับดีกว่า ครับ มันไม่คุ้มที่จะไปหาโอกาสทอง คุณพ่อ คุณแม่ ยังห่วง
4. วีซ่า H-1B ( Workers ) วีซ่านี้ผู้เขียนเคยทำครับ ตอนนั้นจำได้ว่า รับสมัคร ผู้ที่เก่งทางด้าน Culinary แต่ปรากฏว่า โดนสถานทูต Ban ไม่อนุมัติเลย ทุกคนที่อยากไป ฝันสลายกันเป็นแถวๆ วีซ่าประเภทนี้ สถานทูตไทยไม่ค่อยสนับสนุนครับ เว้นแต่ จะได้รับสิทธิ์จากบริษัทใหญ่ที่จ้างงานให้ไปเท่านั้น พิจารณาเป็น กรณีๆไป ไม่ผ่านทุกคน ดังนั้น เลิกคิดเลยครับสำหรับคนไทย แต่ คนฟิลิปปินส์ไปได้ครับ ดีด้วย เพราะเค้าพูดภาษาได้ดีกว่าเรา
นายจ้างเค้าจะรับช่วง High Season เท่านั้นประมาณ 4-8 เดือน ขึ้นอยู่กับรัฐต่างๆ
จริงๆ หากเรามีทางเลือก ที่จะไปทำงาน และ กลับมาไทยตามโครงการ โดยได้วีซ่าประเภทที่อนุญาตให้ทำงานได้ถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปตามประเภทของวีซ่าที่เราขอ ดังนั้น คุณควรเลือก สมัครประเภทวีซ่าที่คุณได้คุณสมบัติตามเกณฑ์ที่สถานทูตกำหนด จะได้ไม่เสียเงิน และ เสียเวลา หรือ หากได้วีซ่านั้นแล้ว ควรเคารพในสิทธิ์ที่พึงได้ ไม่ควรใช้เกินเงื่อนไขนะครับ จะส่งผลร้าย มากกว่าผลดี มาถึงตอนนี้ ผู้เขียนขอยกระดับ ตัวเองไปคุยในเรื่องที่เป็นไปได้ และ อยากจะเชิญชวนให้ลองมาศึกษาดู ถือว่าเป็นการลงทุนคร้งสำคัญ ของชีวิต เลยก็ว่าได้
นั่นคือ EB 3 Green Card กับ วีซ่า E 1/2 ( Treaty Trader )
โปรดติดตามตอนต่อไป
America Green Card EB 3
ทำอย่างไรถึงจะสามารถพำนัก และ อาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้อย่างถูกต้อง ดีเน้ออ !!
ผมเชื่อว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่ กำลังมองหาโอกาส ซักอย่างหนึ่งเพื่อเป็นสะพานต่อยอดให้เราได้เจออนาคตที่ดีกว่า หลายๆท่านกำลังมองหาธุรกิจทำ หรือ กำลังคิดลงทุนในการซื้อ อสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างสินทรัพย์ให้กับตนเอง เรามองว่า หากมีอะไรก็ตามที่นำพาชีวิตไปในทางที่ดี ย่อมเป็นหนทางเลือกที่ทุกคนใฝ่ฝัน
ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่ทุกคนรู้จัก แต่ อาจจะไม่เคยไป การเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกานั้น สามารถเดินทางผ่านได้ สองทวีป คือ ยุโรป และ เอเชีย เป็นประเทศที่มีศูนย์รวมของทุกชนชาติ มีเศรษฐกิจที่แข่งแกร่ง และ มั่นคง คนส่วนใหญ่ฝันว่า หากได้มีโอกาสได้ไปอยู่ที่ประเทศนี้คงจะดีไม่น้อย
ย้อนไปเมื่อปี พศ. 2500 - 2510 หรือ ราวๆ 60 กว่าปีก่อน ประเทศสหรํฐอเมริกา เปิดโอกาสให้คนไทยไปขอวีซ่า เพื่อเข้าพำนัก และ ท่องเที่ยวได้อย่างถาวร เรียกง่ายๆว่าเปิดโอกาสให้คนไทย สมัยนั้น ไปขุดทอง แบบฟรีๆ จนตอนนี้ก็คงจะได้มีครอบครัว ตั้งถิ่นฐานกันอย่างมั่นคงแล้ว แต่พอรัฐบาลอเมริกาประกาศยกเลิกวีซ่าดังกล่าว แล้วทำการจัดระเบียบ กฏการเข้าประเทศใหม่ ที่ยากมากกว่าเดิม ทำให้คนไทยนับล้าน หมดโอกาสทันที คำถามต่อมาคือ แล้วเราจะเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ได้อย่างไรดี
วันนี้ทุกคน คนอ่านกระทู้ การขอวีซ่า เข้าประเทศสหรัฐอเมริกา กันมาบ้างพอสมควร ผมในฐานะผู้ที่รู้เรื่อง บ้าง ขอสรุป วีซ่าต่างๆ ที่เข้าอเมริกา เป็นดังนี้ครับ เริ่มจากระยะสั้น ไปจนถึงระยะยาว
1. วีซ่าท่องเที่ยว และ ธุรกิจ ( B1-B2 ) ผู้ขอวีซ่านี้ จะได้สิทธิ๋เข้า ออก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ 10 ปี โดยการเข้าแต่ละครั้ง จะอยู่ได้เพียง 3-5 เดือนเต็มที่ แต่ไม่สามารถทำงานได้ หากตรวจพบว่าทำงานโดยหน่วยงาน Homeland Security แล้ว ทั้งผู้ถือ วีซ่า และ ร้านอาหารนั้นๆ จะโดน....ทันที ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฏหมายเลยทีเดียว บางคน บอกว่า ฉันก็เข้าออก ที่ละ ห้าเดือน แบบนี้ไม่เห็นโดยเลย คำตอบคือ หากคุณลองเข้าออก แบบนี้ซัก สาม สี่ รอบ รับรองผล เจ้าหน้าที่ Immigration Cancel การเข้าประเทศ 100% ครับ ระบบเค้าฉลาดมาก Tracking แบบอัตโนมั้ติได้เลยทีเดียว อย่าลืมครับว่าประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ความสำคัญในการ เข้าประเทศ มากกว่า การออกจากประเทศเค้านะครับ ใบ I 94 จะเป็นตัว Record การเดินทางเอาไว้ และ สายการบินจะต้องส่งรายชื่อผู้โดยสาย ก่อน การเข้า และ ออกนอกประเทศ ภายใน24 ชั่วโมงตามตารางการบิน ดังนั้นใครที่คิดว่าจะใช้วีซ่าประเภทนี้ เป็นโอกาส ในการทำงาน หาเงิน ผมบอกได้เลยว่า มันไม่สวยเอาซะเลย แถมได้เงินแบบไม่เต็มเท่า เอาง่ายจะได้เป็นล้าน ก็คงยากอยู่
2. วีซ่า เรียนต่อ ( M & F ) ผู้ขอวีซ่า เรียน สามารถขอทำใบกระกันสังคมได้ครับ แต่จำกัดชั่วโมงการทำงาน ได้แค่ 20 ชั่วโมง หลายคนคุ้นๆว่าวิธีนี้เพราะได้วีซ่านี้สามารถอยู่ในอเมริกาได้ถึง 2-5 ปี บางคนก็ drop เรียนไปหาเงิน พอใกล้ๆ ค่อยมาเรียนให้จบ หรือ หาช่องทางทำงาน พิเศษ หรือ ทำธุรกิจส่วนตัว ใครที่ได้วีซ่า ประเภทนี้ ก็นับว่าต้องจ่ายค่าเล่าเรียน บางส่วน เพื่อให้ได้ใบ I 20 ในการขอวีซ่าที่สถานทูต วีซ่านักเรียน ที่ลงทะเบียนไปเรียน หาสถาบันที่ถูก ๆ แล้วลงเรียน แต่แอบแฝงโดยการไปทำงานด้วย ในวีซ่าประเภทนี้จะตรวจสอบยากเหมือนกันว่ามีจุดประสงค์ไปแอบทำงานมั้ย ทำให้ตอนขอวีซ่า สกงศุลจะขอดูรายละเอียดปลีกย่อยเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะให้ผ่านหรือไม่ หากผู้สมัครอยากไปเรียนจริง ๆ แต่สถานฑูตไม่เชื่อก็โดนปฏิเสธ ส่วนคนที่ตั้งใจไปแอบทำงานและเรียน กลับผ่านวีซ่า ไม่มีอะไรแน่นอนกับการตัดสินใจ สถาบันที่ลงเรียนก็มีส่วนสำคัญ ถ้าสถาบันที่ดี มีชื่อ ก็มีเครดิตดีหน่อยแต่เราก็ต้องจ่ายราคาเรียนที่ค่อนข้างสูง ถามว่า งั้นเราไปวีซ่านักเรียนและแอบทำงานก็ดีกว่า ตอบให้ถูกต้อง คือ วีซ่านักเรียนไม่อนุญาตให้ทำงาน ถ้าทำงานก็ผิดกฏหมาย ยกเว้น มหาวิทยาลัยมีหนังสืออนุญาตถึงจะทำงานได้
3. วีซ่า J-1 ( Work and Travel / Trainee ) อันนี้ผู้เขียน เข้าใจ และ ผู้อ่านหลายๆคนก็คงเคยได้รับวีซ่านี้มาแล้ว จิงๆ วีซ่านี้ของ่ายสุด % การผ่านสูง แต่อยู่ได้แค่ 3 เดือน เท่านั้นไม่รวมเที่ยว หรือ หาเป็นแบบฝึกงาน ตอนที่พึ่งจบใหม่สามารถอยู่ได้ไม่เกิน 12 เดือน เพื่อนผม ปัจจุบันยังไม่กลับมาเมืองไทยเลย กลายเป้น Robin hood ไปแล้ว ไม่แนะนำเลยนะครับ ใช้ชีวิตอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ขับรถก็ไม่ได้ โหยน่าสงสารมากๆ ใครที่คิดว่าอยู่ปี สี่ แล้วจะไป work ต่อด้วยการบินหายไปเลยไม่กลับมาละ ถ้าเป้นผู้หญิง แล้งแต่งงานได้คงจะโชคดีไม่น้อย แต่ถ้าไม่ได้อยากนั้น กลับดีกว่า ครับ มันไม่คุ้มที่จะไปหาโอกาสทอง คุณพ่อ คุณแม่ ยังห่วง
4. วีซ่า H-1B ( Workers ) วีซ่านี้ผู้เขียนเคยทำครับ ตอนนั้นจำได้ว่า รับสมัคร ผู้ที่เก่งทางด้าน Culinary แต่ปรากฏว่า โดนสถานทูต Ban ไม่อนุมัติเลย ทุกคนที่อยากไป ฝันสลายกันเป็นแถวๆ วีซ่าประเภทนี้ สถานทูตไทยไม่ค่อยสนับสนุนครับ เว้นแต่ จะได้รับสิทธิ์จากบริษัทใหญ่ที่จ้างงานให้ไปเท่านั้น พิจารณาเป็น กรณีๆไป ไม่ผ่านทุกคน ดังนั้น เลิกคิดเลยครับสำหรับคนไทย แต่ คนฟิลิปปินส์ไปได้ครับ ดีด้วย เพราะเค้าพูดภาษาได้ดีกว่าเรา
นายจ้างเค้าจะรับช่วง High Season เท่านั้นประมาณ 4-8 เดือน ขึ้นอยู่กับรัฐต่างๆ
จริงๆ หากเรามีทางเลือก ที่จะไปทำงาน และ กลับมาไทยตามโครงการ โดยได้วีซ่าประเภทที่อนุญาตให้ทำงานได้ถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปตามประเภทของวีซ่าที่เราขอ ดังนั้น คุณควรเลือก สมัครประเภทวีซ่าที่คุณได้คุณสมบัติตามเกณฑ์ที่สถานทูตกำหนด จะได้ไม่เสียเงิน และ เสียเวลา หรือ หากได้วีซ่านั้นแล้ว ควรเคารพในสิทธิ์ที่พึงได้ ไม่ควรใช้เกินเงื่อนไขนะครับ จะส่งผลร้าย มากกว่าผลดี มาถึงตอนนี้ ผู้เขียนขอยกระดับ ตัวเองไปคุยในเรื่องที่เป็นไปได้ และ อยากจะเชิญชวนให้ลองมาศึกษาดู ถือว่าเป็นการลงทุนคร้งสำคัญ ของชีวิต เลยก็ว่าได้
นั่นคือ EB 3 Green Card กับ วีซ่า E 1/2 ( Treaty Trader )
โปรดติดตามตอนต่อไป