ใครคิดว่ามีประสบการณ์​ที่เลวร้ายกับผช.สันดานแย่ๆ​ มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ

ขอเริ่มจากประสบการณ์​ของ​ จขกท.ก่อนล่ะกันนะคะ

ต้องบอกก่อนนะคะว่า​ เรื่องนี้คือเรื่องที่เกิดกับ​ จขกท.เอง​ และเป็นเรื่องจริงแน่นอน​ ไม่ใช่​เรื่องแต่งขึ้นแต่อย่างใดนะคะ

เริ่มจากแนะนำตัวก่อนล่ะกันคะ

จขกท. ชื่อ​ ที​ อายุ​ 29 ปี​ เป็นพนักงานบริษัท​เอกชนทั่วไป​  ครอบครัวนับถือศาสนา​พุทธ​

อดีตสามี!!!  เจ้าของกระทู้​ ชื่อ​ เจ​ อายุ​ 30 ปี​ รับเงินเดือนจากกงสี​ที่บ้าน​ เมื่อก่อนขายรถมือสอง​ แต่ตอนนี้เจอพิษเศรษฐกิจ​เลยไปไม่รอด​ กำลังพยายามลงทุนทำธุรกิจใหม่​  ครอบครัว​นับถือคริสต์​ และ​ บอกว่าตัวเองเคร่งในศาสนา​มากกกกก

สรุปเรื่องย่อๆนะคะ

1. ตอนแรกที่คบกันไม่มีปัญหาอะไร​ ทุกอย่างราบรื่น​ดี​ ไปมาหาสู่​ เข้ากับที่บ้านทั้งสองฝ่ายได้ราบรื่น

2. เจชวนจขกทไปถ่ายพรีเว​ดดิ้ง​ และ​ ขอเราแต่งงาน! !  (ค่าใช้จ่ายเราออกทั้งหมด)  เริ่มวางแผนแต่งงานกันเอง​ 2 คน​ คือ​  เจมาสู่ขอเรา​ >>> เรียนพระคัมภีร์​และรับเชื่อเปลี่ยนศาสนา>>>เข้าพิธีแต่งงาน​​

3. แม่ของเจไม่ยอมไปสู่ขอเพราะเราไม่ใช่คริสเตียน!! จะให้เราไปเปลี่ยนศาสนา​ก่อนเท่านั้น​ เราขอแค่ว่าถ้าอย่างนั้น​แค่ให้ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านได้มีโอกาสกินข้าวด้วยกันทำความรู้จัก​กัน​เท่านั้นพอ​ แล้วเราจะไปเรียนพระคัมภีร์​เลย​ แม่ของเจยังยืนยันเหมือนเดิมคือ​ ไม่!!  ถ้าเจดึงดัน​ จะตัดแม่ตัดลูกไปเลย​

4. ทะเลาะกันเรื่องแต่งงานรุนแรงมาก​ เนื่องจาก​ จขกท.กำลังกังวลว่าตัวเองท้อง​ แต่ไม่ได้บอกเจก่อนหน้านี้ (ตั้งแต่เจขอเราแต่งงานเราไม่ได้ป้องกันคะ​ เนื่องจาก​ว่าเราอยากมีลูกตั้งแต่แรกแล้ว) ​ แต่พอเราบอกเจว่าเราอาจจะท้อง​ ถึงได้พยายามถามว่าจะเอายังไงเรื่องแต่งงาน​ เจทิ้งเราไว้ในห้างแห่งหนึ่งแถวรามอินทราแล้วหายไปเลยคะ​ >>> ตอนนั้นเราเจ็บท้องมาก​ พอเดินไปเข้าห้องน้ำยิ่งตกใจมาก​ เพราะ​ มีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด​  พยายามติดต่อ​ เจและคนที่บ้านเจ​ (ตอนนั้นมาคุยกันที่ห้างกับครอบครัวของเจ)  ทุกวิถีทาง​ แต่ก็ไม่มีใครสนใจ​ จนเราต้อง​พยายามหอบร่างของตัวเองไปรพ.

5. หมอที่รพ.ตรวจพบถุงน้ำที่ปีกมดลูก​ กลัวว่าเราจะท้องนอกมดลูก​ เลยให้นอนอยู่รพ.รอผลตรวจเลือด​ยืนยันอีกที​ เรานอนร้องไห้อยู่รพ.คนเดียวทั้งคืน​ เพราะ​ ติดต่อใครไม่ได้เลย​ ทั้ง​เจ​ และ​ ที่บ้านเจ​ (เราไม่กล้าบอกที่บ้านเรา​ เพราะ​ กลัวจะเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้และจะไม่ได้คบกับเจต่อ)  ตอนเช้าแม่ของเจโทรกลับมาถามว่ามีอะไร​ เราเล่าอาการให้แม่เจฟัง​ นางถามเราว่า​  "คิดไปเองรึป่าว​ ขอคุยกับหมอเองล่ะกัน​ ถ้าหมอมาแล้วให้โทรกลับมาด้วย"  แต่โชคดีคะที่เราไม่ท้อง​ เป็นแค่มดลูกอักเสบ​ เราเลยขอหมอย้ายไปรพ.ใกล้ๆบ้านเราที่สมุทรปราการ​ ในตอนนี้ก็ยังติดต่อเจไม่ได้นะคะ​
​​​​​
6.ผ่านไป 3 วัน​ เจมันกลับมาขอโทษ​ ตอนแรกเราว่าจะเลิก​ แต่เจขอร้องว่าไม่อยากเลิก​ และจะทำให้เรามั่นใจว่าเจจริงจัง​ อยากแต่งงานกับเราจริง​ เรากับเจตกลง​ จดทะเบียนสมรส​ กัน​ แต่เจขอไม่ให้บอกใครก่อน​ เจกลัวที่บ้านจะรู้แล้วมีเรื่องกันอีก

7.เราไปสมัครเรียนที่โบสถ์​เพื่อเปลี่ยน​ศาสนา​ ใช้เวลาเรียนประมาณ​หนึ่งที่ผ่านมา​จะรับเชื่อ​ และ​ เข้าพิธีแต่งงาน​
​​
8. ธุรกิจขายรถมือสองของที่บ้านเจเริ่มมีปัญหา​ ไม่มีรายรับ​ เงินเดือนที่ได้จากกงสีเริ่มไม่พอใช้​  เราเริ่มหยิบยื่นเงินของตัวเองให้เจยืม​เรื่อยๆ​ เอาบัตรเครดิต​ตัวเองไว้ให้ใช้เพื่อเติมน้ำมันรถเจ(แต่เราจ่าย) ไปเที่ยวต่างจังหวัด​ด้วยกันเราออกค่าใช้จ่ายแทบทุกอย่างให้เจหมด​ ไปกินข้าวนอกบ้านเราก็จ่ายให้แทบทุกครั้ง​ เพราะ​ เราคิดเสมอว่าเจคือสามีเรา​ ตอนเค้ารับลำบากเราก็ควรช่วยเหลือ​ แต่เจบอกว่าขอยืมล่ะกัน​ถ้ามีจะทยอยคืนให้​

9.เจขอหย่า!!  เพราะยังไม่พร้อมแต่งงาน​ เนื่องจาก​เงินเก็บต้องเอาไปลงทุนใหม่​ ทำให้คงไม่ขอแต่งงานได้ภายในปีหน้าและเจรู้สึกกดดัน​ที่จดทะเบียนไปแล้ว​ แต่ยังอยากให้เราไปเรียน​ที่โบสถ์​เหมือนเดิม​ เราบอกว่า​ เรารอได้​ ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร​ แต่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องหย่า​ ถ้ายังไงก็จะแต่งงานกันแล้วจดใหม่​ จะหย่าทำไม​ ส่วนเรื่องเรียนจะไปเรียนเหมือนเดิม​ แต่ยังไม่รับเชื่อเปลี่ยนศาสนาจนกว่าเจจะพร้อมแต่งจริงๆ​
​​
10. เราจะซื้อบ้าน​ ขอให้เจเซ็นยินยอม​ให้​สามารถยื่นเรื่องกู้กับธนาคารได้​ แต่เจไม่ยอมเซ็นให้​ โดยให้เหตุผลว่า​ ไม่สามารถขอเอกสารทะเบียนบ้านของตัวเองจากแม่มาให้ได้​ แต่บอกให้เรายอมหย่า​ เพื่อที่จะทำเรื่องซื้อบ้านได้​ แต่ไม่ได้จะเลิกกัน

11. เรายอมไปหย่า​ แต่หลังจากวันที่ไปหย่าเจก็หายไปเลยคะ​ เราไม่สามารถ​ติดต่อเจได้​ ได้แต่พยายามส่งข้อความไปหาเจ​ และขอให้พี่ชายเจช่วยติดต่อให้​ ผ่านไป​ 3 วัน​ พี่ชายเจส่งข้อความมาบอกว่า​ "เจใ่กบอกว่าเราน่าจะเข้าใจความหมายว่าหย่ากันแล้วคืออะไร"  เราเลยตอบไปว่าเข้าใจคะ​ แต่ยังไงให้ติดต่อกลับมาด้วยเรื่องเงินที่ติดค้างกันอยู่​

12.ผ่านไป  5 วันเจก็ยังไม่ติดต่อกลับมาคะ​ เราเลยตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่เราฟังและขอโทษที่ทำทุกอย่างพลาดไป​ แม่ให้อภัยและปลอบใจเรา​ เราบอกแม่ว่า​ เราไม่ตามทวงเงินเราคืนล่ะกันนะ​ เพราะ​ ตอนให้เราเต็มใจให้เค้าเองไม่ได้คาดหวังจะขอคืนตั้งแต่ต้น​ แม่เราไม่ว่าอะไร​ แต่บอกว่าดีแล้วให้เรื่องจบๆกันไป​

13. แม่ของเจโทรมาด่าเราคืนนั้นคะ​ มาว่าแม่เราว่าสั่งสอนลูกยังไง​ (เราเลยว่าเค้ากลับคะว่าแล้วนางล่ะสอนลูกยังไงให้เอาแต่หนีปัญหา​แบบนี้​ เงินที่ยืมไปก็ไม่ยอมใช้)  แม่เจด่าว่าเราจะไปทวงเงินลูกเค้าทำไมในเมื่อตอนให้เราให้ด้วยความสเน่หา​ ถ้าจะมาคิดเล็กคิดน้อย​แบบนี้​ ไม่คิดค่าตัวตัวเองไปด้วยเลยล่ะ​!!!  (ไม่อยากเชื่อว่าเป็นความคิดของคนเป็นแม่... ต่ำมาก)​ และ​ บอกว่านางเลี้ยงลูกของนางให้เป็นสุภาพบุรุษ​และมีศีลธรรม​ เราเลยบอกว่าถ้าเป็นคนดีจริงก็ควรออกมาเคลียร์​ให้จบๆ

14.เมื่อเช้านี้เจส่งข้อความมาบอกว่าจะคืนแค่  5,000 ที่เจยืมไปจ่ายหนี้กยศ.ส่วนที่เหลือไม่คืน​ อาทิเช่น​ ค่ากินค่าเที่ยว​ //ไปเที่ยวด้วยกันสนุกด้วยกัน​ เราน่าจะดีใจนะที่มีคนไปเป็นเพื่อน​ (เราก้อได้แต่คิดว่าช่างมัน!!คิดซะว่าผู้ชายมันขายตัวเราก้อแค่ซื้อบริการเพื่อนไปเที่ยวด้วย)   ค่าน้ำมันรถทั้งหมด​//เพราะเวลาไปไหนมาไหนเจมักจะอาสาไปส่งเราตลอดทั้งๆที่เรามีรถและขับรถเองเป็น​ แต่เจบอกว่าอยากดูแลเรา​ แต่ตอนนี้บอกว่า​ เจคิดค่าสึกหรอของรถ!!! ที่ใช้ไปรับ-ส่งเราด้วย​ ซึ่งมากกว่าเงินค่าน้ำมันอีก​​ ​​​​​​​​ที่จริงเราควรจะคืนเงินให้เค้า​ ค่าถ่ายพรีเว​ดดิ้ง​ // เจบอกว่าหักลบไปกับกิ๊ฟวอเชอร์​ที่เจได้มาฟรีตอนแรก​ (ตรรกะอะไรคะ?  จิตป่วยมาก​!)

บอกก่อนเลยนะ​ ว่าบ้านเจไม่ได้จนนะ​ เจมีรถ  มีสร้อยทอง​ มีตุ้มหูเพชร​ มีบ้านหลังไม่เล็กเลยอยู่แถวรามอิน​ทรา​ มีบ้าน, คอนโด, ที่ดินที่ลาดพร้าว​​ มีบ้านตากอากาศที่เพชรบุรี​  แต่ไม่มีปัญญาใช้เงินที่ยืมไปจากอดีตเมียตัวเอง!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่