[CR] 7 วันใน Hokkaido ไปชิลที่ไหนได้บ้าง? อยากรู้ตามมาเที่ยวกันเลย^^...

สวัสดีจ้า ยิ้ม กลับมารีวิวเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง คราวนี้พาขึ้นไปเที่ยวกันที่เกาะฮอกไกโด ช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่น ซึ่งที่ฮอกไกโดนี่หลายคนต้องเคยเห็นภาพทุ่งดอกไม้หลากสีทอดยาวมาตามแนวเขาเป็นทุ่งดอกไม้สีรุ้งช่างสวยงาม เราเป็นคนนึงที่อยากจะเห็นทุ่งดอกไม้แบบนั้นสักครั้งเช่นกัน พอแพลนทุกอย่างเรียบร้อยการเดินทางท่องเที่ยวถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยครั้งนี้จึงเกิดขึ้น (ช่วงที่ไปคือ 28 ก.ค.-3 ส.ค.58) ตามมาเที่ยวด้วยกันนะว่าใน 6 วันในฮอกไกโดเราไปเที่ยวชิลที่ไหนมาบ้าง^^...บวกกับอีก1คืนที่โตเกียวด้วยนะ..
ปล.รูปทั้งหมดถ่ายเองทั้งรูปวิวและรูปตัวเราเองโดยใช้ขาตั้งกล้องจ้ายิ้ม



ทริปนี้เราไม่ได้บินตรงถึงฮอกไกโด มาลงนาริตะ ดังนั้น Jr Pass จึงเป็นตั๋วเดินทางที่เราเลือกใช้ ซึ่งการเดินทางก็ไม่ได้ยิงยาวไปถึงฮอกไกโดเลยนะ เพราะเราอยากแวะเที่ยวถ่ายรูปดูศิลปะบนนาข้าวที่เมือง Inakadate ก่อน ซึ่งเมืองนี้อยู่ใกล้ๆ เมือง Hirosaki วันแรกของเราแวะนอนพักคืนนึงที่ Hirosaki ไหนๆ ก็มาละเลยไปถ่ายรูปที่ปราสาทซะหน่อย ช่วงที่เราไปปราสาท Hirosaki ปิดซ่อมอยู่ แต่ก็ยังสามารถเข้าไปชมด้านหน้าปราสาทได้ ประหลาดใจ

เม่าออกรถ วิธีไปปราสาท Hirosaki เริ่มต้นจากสถานี Jr Hirosaki สามารถนั่งรถบัสที่วนรอบเมืองราคา 100 เยนทุกป้ายไปได้ ไม่เสียค่าเข้าชม













วันที่ 2 ตื่นแต่เช้าเพื่อไปดู Tanbo Art หรือศิลปะบนนาข้าวที่เมือง Inakadate เมืองนี้อยู่ใกล้ๆ เมือง Hirosaki
เม่าออกรถ วิธีไปเมือง Inakadate จะนั่งรถไฟหรือรถบัสไปก็ได้ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางได้ที่ Tourist Center ที่อยู่ในสถานีรถไฟได้เลย เค้าจะมีเอกสารแจกให้แต่เสียดายยังไม่มีแบบเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเลย แต่ยังดีที่มีรูปให้ได้ดูพอรู้เรื่องบ้าง ขาไปแนะนำให้นั่งบัสหน้าสถานีแล้วเอาโบชัวร์ที่ได้มาให้คนขับดูบอกเค้าด้วยว่าถึงป้ายละบอกด้วยนะค้า ไม่ต้องกลัวคนขับใจดี พอถึงป้ายเค้าจะบอกแล้วให้เดินต่อไปอีกหน่อย ทางเข้าจะเป็นอาคารใหญ่ๆ เดินเข้าไปเลยจะมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับอยู่ เสียค่าขึ้นตึกไปชม 200 เยนจ้า ขึ้นมาละก็จะได้เห็นภาพแบบนี้
มันเจ๋งมากจริงๆ คุ้มที่ได้มาชมด้วยตา ซึ่งกว่าจะเป็นศิลปะบนนาแบบนี้เค้าต้องคิดกันมาอย่างดีว่าจะใช้ข้าวพันธุ์อะไรปลูกลงไปบ้าง ซึ่งแต่ละปีก็มีรูปเปลี่ยนไปทุกปี ปีนี้น่าจะทำในแนวจากภาพยนตร์ เม่ารดน้ำ







แล้วพอจะไปอีกนานึงจะมีรถตู้แบบนี้รับส่ง แต่จะวิ่งเป็นรอบๆ สอบถามเจ้าหน้าที่ได้จ้า ซึ่งจะต้องเสียค่าเข้าชมอีก 200 เยนเหมือนเดิม เม่าดี๊ด๊า












ข้างๆ นานี้จะมีสถานีรถไฟใกล้มาก นั่งกลับไปที่สถานี Hirosaki ได้เลยจ้า เป็นสายรถไฟที่ชิลมากนั่งผ่านทุ่งนา ภูเขาบรรยากาศดีมากๆ เม่าเริงร่า



เสร็จจากนี้เราต้องนั่งรถไฟขึ้นฮอกไกโดกันละ คืนนี้เราจะไปนอนที่เมือง Asahikawa เพื่อตอนเช้าจะได้ไปทุ่งดอกไม้ที่เมือง Furano เดี๋ยวมาต่อน้า อะเอารูปไปชมรูปนึงก่อน เดี๋ยวมาบอกการเดินทางกัน



มาต่อกันเลยดีกว่าเม่าเริงร่า
จากนั้นเราออกเดินทางจาก Hirosaki มุ่งหน้าสู่เมือง Asahikawa ซึ่งอยู่ก่อนถึง Furano ที่เราเลือกพักที่นี่เพราะที่พักแถบ Furano เรียกได้ว่าช่วงที่เราไปพักนั้นพีคสุดๆๆ ที่พักราคาแพงหมดเลย แบบ 2 พันบาทขึ้น ซึ่งเราดูงบละ ไม่พร้อม555 ประกอบกับกว่าจะเดินทางไปถึงคงดึกแน่  เราเลยเลือกที่ Asahikawa เพราะตอนเช้าจะได้เดินทางต่อไป Furano ได้สะดวกด้วย แต่อย่าคิดว่าที่นี่ถูกนะ ทั้งทริปที่พักที่นี่ราคาแพงที่สุดสำหรับการพัก 1 คืนของเรา 6400 เยน เราแลกเงินไปตอนนั้นเรทประมาณ 0.28 ก็ประมาณ 1792 บาท คือห้องโอเคนะแต่เสียตรง Wifi มีที่ล็อบบี้เท่านั้น เดี๋ยวไว้สรุปเรื่องที่พักให้ดูอีกทีตอนท้ายนะ มาเรื่องเที่ยวต่อดีกว่าหลิ่วตา

วันที่ 3 จุดหมายวันนี้ของเราคือทุ่งดอกไม้สีรุ้งที่ Farm Tomita และบ่อน้ำสีฟ้า Blue Pond ที่เมือง Biei
เม่าออกรถ เราตื่นแต่เช้าเหมือนเคยแต่ก็ไม่ถึงกับเช้ามาก 6 โมงประมาณนี้ จากการดูเที่ยวรถไฟไป Furano คร่าวๆ จาก www.hyperdia.com แล้ว จะมีเที่ยวเช้า 7.42 น. ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงนิด 9 โมงเราก็จะถึงสถานี Naka-Furano ที่จะอยู่ก่อนถึงเมือง Furano ซึ่งวิธีไปเมืองนี้ง่ายมากโดยตั้งต้นที่สถานี JR Asahikawa สถานีขึ้นตรงไหนไม่รู้ใช้ Jr Pass แล้วก็ถามเจ้าหน้าที่สถานีนั่นแหละ ว่า Furano ไปขึ้นป้ายเลขที่เท่าไร แค่นี้ก็เรียบร้อยเดินไปตามป้ายเลย ถ้าขึ้นไปบนสถานีแล้วงงๆ ไม่รู้ขบวนนนี้ใช่หรือไม่ก็ถามเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นได้เลย เจ้าหน้าที่รถไปญี่ปุ่นน่ารักพร้อมจะบอกทางทุกที่จ้าเม่าดี๊ด๊า

นั่งชมวิวเพลินๆ เราก็มาถึงสถานี Naka-Furano ลงที่นี่ขอแผนที่จากเจ้าหน้าที่ถามทางไป Farm Tomita จริงๆ จะมีอีกสถานีนึงที่อยู่ใกล้ฟาร์มนี้มากเดินแค่ 5 นาทีก็ถึงแต่ต้องนั่งรถไฟอีกขบวน แต่ไม่เป็นไรเพราะการที่เราได้ลงถานีนี้ถึงจะเดินไกลไปหน่อยใช้เวลาเดินนานไปนิด แต่ระหว่างทางก็มีวิวสวยๆ ดอกไม้งามๆ ให้เราหยุดถ่ายรูปเพียบ
ขบวนนี้พาเรามาที่สถานี Naka-Furano


รถไฟอีกขบวนที่เราไม่ได้ขึ้น เค้าเรียก Furano-Biei Norokko Train จะจอดที่สถานี Lavender Farm Station ตรงแถวๆ Farm Tomita เลย จะรถไฟขบวนนี้ จะเป็นขบวนเปิดด้านข้าง ที่ให้ผู้โดยสารได้ชมวิวสวยๆ ตลอดสองข้างทาง ระหว่าง Asahikawa - Biei - Furano รถไฟนี้จะวิ่งบริการประมาณช่วงเดือนมิ.ย. – ส.ค. จ้า คร่าวๆ ต้องเช็ควันที่แน่นอนกับที่สถานีอีกที



ระหว่างทางเดินไปฟาร์ม Tomita เจอทุ่งดอกไม้สีเหลืองน่ารัก น่าจะเป็นสนามเด็กเล่น แวะแชะรูปซักนิด



ที่นี่ทางเดินถนนส่วใหญ่จะเป็นเนินๆ ดูจากรูปนี้ได้


เอาน้อง Kumamon มาเที่ยวด้วยยิ้ม


ก่อนจะถึง Farm Tomita จะเจอ Farm นี้ก่อน Nakafurano Town Lavender Field (หน้าหิมะจะเป็น Ski Area) อยู่ห่างกันไม่มากเท่าไร
เค้าปลูกดอกไม้ไล่ขึ้นไปบนเขา เป็นภูเขาดอกไม้สวยทีเดียวดอกไม้






มีกระเช้าให้ขึ้นด้วย แต่เราไม่ได้ขึ้น เดินถ่ายรูปด้านล่างอยู่พอจะขึ้นไปด้านบนฝนก็ปรอยๆ เลยไม่ได้ขึ้น ช่วงหน้าหนาวที่นี่คงเป็นลานสกีขนาดย่อมแน่ หรือใครอยากเดินขึ้นก็ได้นะ





ดอกไม้หลากสีปลูกไล่ระดับไปตามเนินเขาสวยงามมาก ขลุกอยู่ตรงนี้นานมากชอบๆ จุ๊บๆ









ด้านบนจะปลูกดอกลาเวนเดอร์ เดินเข้าไปใกล้ๆ กลิ่นหอมลอยมาเลย ชอบๆ เม่าบัลเล่ต์






ดอกลาเวนเดอร์แบบใกล้ๆ





ระหว่างถ่ายรูปไปฝนก็ปรอยๆ เลยวิ่งมาหลบในศาลาแถวนั้น เลยได้รูปนี้มาดูน่ารักอบอุ่นเชียวจุ๊บๆ


ได้เวลาย้ายตัวเองไปยัง Farm Tomita ละ ถ้าให้อยู่นานกว่านี้ก็ได้นะ แต่เป้าหมายของการมาที่นี่ของเราคือทุ่งดอกไม้สีรุ้งที่เคยเห็นในหนังสือท่องเที่ยวต้องไปชมกับตาซะหน่อย ต่อด้านล่างนะ:
ชื่อสินค้า:   เที่ยวฮอกไกโดด้วยตัวเอง, เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่