เรื่องมีว่า พ่อแม่เราแยกทางกัน ต่างคนต่างมีใหม่ มีลูกใหม่ทั้งสองฝ่าย พ่อแม่ไม่ถูกกันตั้งแต่เลิกกันไป เราอยู่กับพ่อกับแม่เลี้ยงมาตั้งแต่เรียน ป.2 แม่เลี้ยงเราก็ไม่ได้ดีนักหรอกคะ ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก งานการก็ไม่ทำ ใช้แต่เงิน กินก็เก่ง เป็นคนเขมร อรัญประเทศ และสาเหตุที่เราเกลียดแม่เลี้ยงเพราะ เขามาฉีกรูแม่ของเราที่พ่อเป็นคนเก็บไว้ให้เรา ตอนเราโต เราโมโหไม่พอใจที่ทำกับรูปแม่เราแบบนั้น แต่เราก็ไม่ได้ก้าวร้าวอะไรนะคะ เราแค่ถามเขาว่า ได้ฉีกรูปแม่เรามั้ย แล้วฉีกทำไม เขาตอบกลับมาว่า
"กูเลี้ยงมา ต้องนึกถึงกู ถ้ารักแม่มาก ก็ออกไป ไปอยู่กับแม่" เราตอบว่า "ก็นั่นแม่คนที่คลอดหนูมา" เขาก็เข้ามาตบ จิกหัว ถีบ เหยียบ กระทืบ บีบคอ จนหายใจไม่ออก บีบคอจนหน้าชา น้องชายเข้ามาช่วยไว้ ตอนนั้นเราอายุ 13 เองคะ เราเป็นคนตัวเล็ก ส่วนแม่เลี้ยงก็อวบ เราสู้ไม่ได้ เราเล่าให้พ่อฟัง พ่อก็ฟังอย่างเดียวคะ ไม่ช่วยอะไรเลย เราก็อดทนอยู่บ้านหลังนั้นจนเรียนจบมีงานทำ และที่เราเรียนจบมาเนี่ยคะ ไม่มีเงินพ่อเลย ม.ต้นเรียนฟรี เงินไป รร.ก็ได้จากการที่เราไปเป็นเด็กส่งอาหารตามสั่งให้กับลูกค้าตามคอนโด แล้วลูกค้าให้ทิปมา เราได้ทุน เงินทุนก็ไม่เคยใช้ เก็บไว่ใช้ตอนเรียนจบ เรียน ม.ปลายเราก็เอาเงินทุนไปจ่ายค่าเทอม ค่าเทอมก็เยอะพอสมควร เราทำงานร้านก้วยเตี๋ยว เจ้าของร้านให้วันล่ะ 150 บ. เราก็เก็บเป็นค่าเทอม ค่าเรียน ค่ากิน เราก็สู้มาจนเราเรียนจบ ทุกครั้งที่เราเดือดร้อน ต้องการให้คนช่วย เราจะนึกถึงพ่อ คนแรก แต่พ่อไม่เคยช่วยเหลืออะไรเลย เราจะแย่แค่ไหน พ่อก็ไม่ช่วย คนที่หนุนหลังคอยช่วยเหลือมาตลอดคือแม่ เรียนจบเราก็สมัครงานบริษัท พอพ่อรู้ว่าเรามีงานดีๆทำ พ่อก็ขอเงินใช้ เราก็ให้ พ่อไม่ขอเราก็ให้ แต่เงินที่ให้ไปพ่อเอาไปให้แม่เลี้ยงหมด พ่อไม่มีใช้ ต้องมาขอใหม่ไว้ใช้ต่างหาก ตอนนั้นเราย้ายออกมาอยู่คนเดียวแล้วค่ะ อยู่บ้านไม่มีความสุข เดือนๆนึงเราให้เงินพ่อเยอะมาก จนเราเองจะไม่มีเงินเก็บ เราเองก็ยังไม่เคยให้เงินแม่สักบาท ตอนน้ำท่วมหอที่เราอยู่น้ำก็เริ่มท่วมมาแล้ว เราเลยกลับบ้านไปหาพ่อ พ่อบอกให้ไปอยู่กับย่าที่ ตจว.ก่อนน้ำลดค่อยกลับมา เราก็นึกดีใจ เป็นครั้งแรกที่พ่อพูดเหมือนเป็นห่วง เราก็นั่งรถกลับ พอไปถึง ตจว. น้องชายที่เป็นลูกของอา บอกว่า จะมาแต่งงานหรอ ถามไปถาม น้องมันบอกว่าที่บ้านจะให้เราแต่งงานกับคนที่เราไม่รุ้จัก อายุห่างกัน 10 ปี แถมมีลูกติด เรายังไม่เคยเรื่องอย่างว่า เราก็ปฏิเสธไป แต่ที่บ้านบอกว่า เขารวยนะ แต่งๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง แต่งกันไป พ่อจะได้สบาย อย่างน้อยลูกสาวก็ได้แต่งกับคนรวย ตอนนั้นเราคิดหาหนทางหนีทันทีคะ ได้นอนที่นั้นคืนเดียว เช้าวันต่อมา ไม่มีคนอยู่บ้าน เราก็หนีเลยคะ กลับไปที่สถานีรถไฟ แต่กว่ารถไฟจะมา พอมาก็กว่าจะออกตั้ง ทุ่มนึง เราก็ต้องรอ ระหว่ารอรถไฟออก ย่ามาตามพอดี ยื้อกันอยู่นาน ยังไงเราก็ไม่ไป แล้วเราก็วิ่งขึ้นรถไฟ พอรถไฟออก เราก็น้ำตาคลอนะ ที่ปล่อยย่าให้กลับคนเดียว แต่เราอยากเลือกอนาคตเราเอง ไม่ใช่มีผู้มากำหนดให้ กลับถึงบ้านพ่อ พ่อด่า พ่อไล่ออกจากบ้าน เราร้องให้เดินออกจากบ้าน วินาทีนั้นเราไม่มีที่ไป ไม่รู้จุดมุ่งหมายอยู่ตรงไหน ไม่รู้จะไปซ้ายหรือขวา เหมือนทางมันตันไปหมด ไม่มีทางออก สมองนี่ตื้อไปเลย ไปนั่งน้ำตาไหลอยู่หลังป้ายรถเมล์ คิดไม่ออกว่าจะไปอยู่ไหน หอพักน้ำก็กำลังท่วม แล้วมันก็ท่วมสูงขึ้นเรื่อย ตอนนั้นไม่อยากมีชีวิตแล้ว อยากตาย (เป็นความคิดชั่ววูบ) ร้องให้จนตาบวม จนไม่มีน้ำตาจะไหล ร้องจนน้ำตาแห้ง อยู่ดีๆโทรศัพท์ก็สั่น ข้อความ เอไอเอส เข้ามา เราก็กดลบ นึกขึ้นได้ เลยเลื่อนดูเบอโทร.มาหยุดที่เบอแม่ เราโทร.ออก แล้วเล่าให้แม่ฟัง แม่เลยบอกให้ไปอยู่กับพี่สาวที่พระราม2 เราก็ไปหาแม่ก่อนแล้วค่อยไปหาพี่สาว ตั้งแต่นั้นมาบ้านพ่อเราได้แค่ผ่าน ถามน้องชายว่าพ่อเป็นไงบ้าง พ่อสบายดีมั้ย พอเรามีแฟนคนแรกที่เราอยากแนะนำคือพ่อ แต่เราก็ต้องพามาแนะนำกับแม่ เพราะหลังจากเรื่องนั้นมา เราก็อยู่ในสายตาแม่ อยู่ในความดูแล ความเป็นห่วงของแม่ วันที่เราแต่งงาน เราบอกพ่อว่าแฟนเราจะมาสู่ขอ พ่อทำเป็นไม่สนใจ แฟนเราก็เลยไปสู่ขอเราจากแม่ สินสอดให้แม่ เราบอกพ่อให้ไปร่วมงาน ก็เงียบ ทุกวันนี้เรามีลูก เราอยากให้พ่อเราได้เห็นหน้าหลาน แต่เรื่องเก่ามันฝังใจเรามาก เราไม่รู้จะทำยังไง เรากลัวว่าพาลูกไปหา แล้วพ่อจะไล่กลับมา เราไม่อยากร้องให้อีกแล้ว บรรดาญาตทางฝ่ายพ่อ เขาก็หาว่าเรา อกตัญญู อยู่กับพ่อมาตั้งแต่เด็ก แต่เอาเงินค่าสินสอดไปให้แม่ หาว่าเราโง่ เราก็ไม่อยากเถียง ผู้ใหญ่ แค่เรารู้ว่าใจเราคิดอะไร เราว่ามันก็โอเคแล้ว บุญคุณพ่อแม่ มันเป็นเรื่องที่ลูกต้องทดแทนอยู่แล้ว ในเมื่อพ่อแม่เราแยกทางกัน เราจะเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ ยังไงเราต้องทดแทนด้วยกันทั้งสองคน
**แม่คือคนที่เราคิดถึงตลอดเวลา ตั้งแต่เด็กจนโต พ่อคือคนที่เรารักที่สุดในชีวิต เป็นห่วงที่สุดในชีวิต**
เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นกับเราจริงๆ ถ้าจะมีคนคอมเม้นขอเป็นอะไรก็ได้ แต่อย่าซ้ำเติม หัวใจคนเราเวลาที่มันอ่อนแอ มันจะร้องให้ง่ายมาก
อยากตาย พ่อไล่ออกจากบ้าน ที่พึ่งก็คือแม่
"กูเลี้ยงมา ต้องนึกถึงกู ถ้ารักแม่มาก ก็ออกไป ไปอยู่กับแม่" เราตอบว่า "ก็นั่นแม่คนที่คลอดหนูมา" เขาก็เข้ามาตบ จิกหัว ถีบ เหยียบ กระทืบ บีบคอ จนหายใจไม่ออก บีบคอจนหน้าชา น้องชายเข้ามาช่วยไว้ ตอนนั้นเราอายุ 13 เองคะ เราเป็นคนตัวเล็ก ส่วนแม่เลี้ยงก็อวบ เราสู้ไม่ได้ เราเล่าให้พ่อฟัง พ่อก็ฟังอย่างเดียวคะ ไม่ช่วยอะไรเลย เราก็อดทนอยู่บ้านหลังนั้นจนเรียนจบมีงานทำ และที่เราเรียนจบมาเนี่ยคะ ไม่มีเงินพ่อเลย ม.ต้นเรียนฟรี เงินไป รร.ก็ได้จากการที่เราไปเป็นเด็กส่งอาหารตามสั่งให้กับลูกค้าตามคอนโด แล้วลูกค้าให้ทิปมา เราได้ทุน เงินทุนก็ไม่เคยใช้ เก็บไว่ใช้ตอนเรียนจบ เรียน ม.ปลายเราก็เอาเงินทุนไปจ่ายค่าเทอม ค่าเทอมก็เยอะพอสมควร เราทำงานร้านก้วยเตี๋ยว เจ้าของร้านให้วันล่ะ 150 บ. เราก็เก็บเป็นค่าเทอม ค่าเรียน ค่ากิน เราก็สู้มาจนเราเรียนจบ ทุกครั้งที่เราเดือดร้อน ต้องการให้คนช่วย เราจะนึกถึงพ่อ คนแรก แต่พ่อไม่เคยช่วยเหลืออะไรเลย เราจะแย่แค่ไหน พ่อก็ไม่ช่วย คนที่หนุนหลังคอยช่วยเหลือมาตลอดคือแม่ เรียนจบเราก็สมัครงานบริษัท พอพ่อรู้ว่าเรามีงานดีๆทำ พ่อก็ขอเงินใช้ เราก็ให้ พ่อไม่ขอเราก็ให้ แต่เงินที่ให้ไปพ่อเอาไปให้แม่เลี้ยงหมด พ่อไม่มีใช้ ต้องมาขอใหม่ไว้ใช้ต่างหาก ตอนนั้นเราย้ายออกมาอยู่คนเดียวแล้วค่ะ อยู่บ้านไม่มีความสุข เดือนๆนึงเราให้เงินพ่อเยอะมาก จนเราเองจะไม่มีเงินเก็บ เราเองก็ยังไม่เคยให้เงินแม่สักบาท ตอนน้ำท่วมหอที่เราอยู่น้ำก็เริ่มท่วมมาแล้ว เราเลยกลับบ้านไปหาพ่อ พ่อบอกให้ไปอยู่กับย่าที่ ตจว.ก่อนน้ำลดค่อยกลับมา เราก็นึกดีใจ เป็นครั้งแรกที่พ่อพูดเหมือนเป็นห่วง เราก็นั่งรถกลับ พอไปถึง ตจว. น้องชายที่เป็นลูกของอา บอกว่า จะมาแต่งงานหรอ ถามไปถาม น้องมันบอกว่าที่บ้านจะให้เราแต่งงานกับคนที่เราไม่รุ้จัก อายุห่างกัน 10 ปี แถมมีลูกติด เรายังไม่เคยเรื่องอย่างว่า เราก็ปฏิเสธไป แต่ที่บ้านบอกว่า เขารวยนะ แต่งๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง แต่งกันไป พ่อจะได้สบาย อย่างน้อยลูกสาวก็ได้แต่งกับคนรวย ตอนนั้นเราคิดหาหนทางหนีทันทีคะ ได้นอนที่นั้นคืนเดียว เช้าวันต่อมา ไม่มีคนอยู่บ้าน เราก็หนีเลยคะ กลับไปที่สถานีรถไฟ แต่กว่ารถไฟจะมา พอมาก็กว่าจะออกตั้ง ทุ่มนึง เราก็ต้องรอ ระหว่ารอรถไฟออก ย่ามาตามพอดี ยื้อกันอยู่นาน ยังไงเราก็ไม่ไป แล้วเราก็วิ่งขึ้นรถไฟ พอรถไฟออก เราก็น้ำตาคลอนะ ที่ปล่อยย่าให้กลับคนเดียว แต่เราอยากเลือกอนาคตเราเอง ไม่ใช่มีผู้มากำหนดให้ กลับถึงบ้านพ่อ พ่อด่า พ่อไล่ออกจากบ้าน เราร้องให้เดินออกจากบ้าน วินาทีนั้นเราไม่มีที่ไป ไม่รู้จุดมุ่งหมายอยู่ตรงไหน ไม่รู้จะไปซ้ายหรือขวา เหมือนทางมันตันไปหมด ไม่มีทางออก สมองนี่ตื้อไปเลย ไปนั่งน้ำตาไหลอยู่หลังป้ายรถเมล์ คิดไม่ออกว่าจะไปอยู่ไหน หอพักน้ำก็กำลังท่วม แล้วมันก็ท่วมสูงขึ้นเรื่อย ตอนนั้นไม่อยากมีชีวิตแล้ว อยากตาย (เป็นความคิดชั่ววูบ) ร้องให้จนตาบวม จนไม่มีน้ำตาจะไหล ร้องจนน้ำตาแห้ง อยู่ดีๆโทรศัพท์ก็สั่น ข้อความ เอไอเอส เข้ามา เราก็กดลบ นึกขึ้นได้ เลยเลื่อนดูเบอโทร.มาหยุดที่เบอแม่ เราโทร.ออก แล้วเล่าให้แม่ฟัง แม่เลยบอกให้ไปอยู่กับพี่สาวที่พระราม2 เราก็ไปหาแม่ก่อนแล้วค่อยไปหาพี่สาว ตั้งแต่นั้นมาบ้านพ่อเราได้แค่ผ่าน ถามน้องชายว่าพ่อเป็นไงบ้าง พ่อสบายดีมั้ย พอเรามีแฟนคนแรกที่เราอยากแนะนำคือพ่อ แต่เราก็ต้องพามาแนะนำกับแม่ เพราะหลังจากเรื่องนั้นมา เราก็อยู่ในสายตาแม่ อยู่ในความดูแล ความเป็นห่วงของแม่ วันที่เราแต่งงาน เราบอกพ่อว่าแฟนเราจะมาสู่ขอ พ่อทำเป็นไม่สนใจ แฟนเราก็เลยไปสู่ขอเราจากแม่ สินสอดให้แม่ เราบอกพ่อให้ไปร่วมงาน ก็เงียบ ทุกวันนี้เรามีลูก เราอยากให้พ่อเราได้เห็นหน้าหลาน แต่เรื่องเก่ามันฝังใจเรามาก เราไม่รู้จะทำยังไง เรากลัวว่าพาลูกไปหา แล้วพ่อจะไล่กลับมา เราไม่อยากร้องให้อีกแล้ว บรรดาญาตทางฝ่ายพ่อ เขาก็หาว่าเรา อกตัญญู อยู่กับพ่อมาตั้งแต่เด็ก แต่เอาเงินค่าสินสอดไปให้แม่ หาว่าเราโง่ เราก็ไม่อยากเถียง ผู้ใหญ่ แค่เรารู้ว่าใจเราคิดอะไร เราว่ามันก็โอเคแล้ว บุญคุณพ่อแม่ มันเป็นเรื่องที่ลูกต้องทดแทนอยู่แล้ว ในเมื่อพ่อแม่เราแยกทางกัน เราจะเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ ยังไงเราต้องทดแทนด้วยกันทั้งสองคน
**แม่คือคนที่เราคิดถึงตลอดเวลา ตั้งแต่เด็กจนโต พ่อคือคนที่เรารักที่สุดในชีวิต เป็นห่วงที่สุดในชีวิต**
เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นกับเราจริงๆ ถ้าจะมีคนคอมเม้นขอเป็นอะไรก็ได้ แต่อย่าซ้ำเติม หัวใจคนเราเวลาที่มันอ่อนแอ มันจะร้องให้ง่ายมาก