Safe Flight Always : EP1 Ready for Departure



“Happy053, after departure contact 119.25, runway 19 left clear for take off”เสียงจากลำโพงที่ดังออกมา เหมือนเป็นคำสั่งให้นักบินทั้งสองต้องเตรียมเพื่อที่จะนำเครื่องบินขึ้นทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“after departure contact 119.25, runway 19 left clear for take off, Happy053”
นักบินคนที่นั่งขวาพูดทวนคำสั่งที่ยิน
“Resume checklist” นักบินคนที่นั่งซ้ายซึ่งเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่า captain ออกคำสั่ง
“Take off clearance” นักบินที่นั่งขวา หรือนักบินผู้ช่วย(Co pilot) พูดต่อ
“Received”
“Received, before take off checklist completed” co pilot ขยับตัวตามเพื่อความถนัด มือขวาจับไซด์สติ้ก ตามองตรงไปสุดทางรันเวย์
“You have control” นักบินคนที่นั่งซ้ายออกคำสั่งอีกครั้ง
“I have control” นักบินคนขวารับคำอย่างทันท่วงที พร้อมกับออกแรงดันจอยสติ้กไปข้างหน้า
“Take off” Captain ออกแรงดัน trottel ไปจนวางตำแหน่งที่ต้องการพร้อมกับอ่านหน้าจอตรงหน้าว่า “Man flex 68, SRS, Runway, Auto trust blue”
“Checked” รับโดย co pilot แล้วเขาก็ใช้เท้าทั้งสองข้างยันตัวควบคุมที่เท้า( Rudder)
เพื่อควบคุมเครื่องบินให้ align อยู่ตรงกลาง center line
“Trust set”  “100 knot”
co pilot reaction ด้วยการคลายแรงมือที่จอยสติ้ก พร้อมกับขานรับว่า “Checked”
“V1, Rotate” หลังจากสิ้นเสียงกัปตัน co pilot ใช้แรงมือดึงจอยสติ้กขนาดเท่าไฟฉายบ้านแต่ทำให้เครื่องบินน้ำหนักเกือบ 60ตันลอยตัวขึ้นจากพื้นได้อย่างง่ายดาย
“positive climb”
“Gear up”
“Gear up” captain ทำตามคำสั่งของ copilot โดยไม่มีข้อแม้
และเครื่องบินลำนี้ก็บินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสง่างามเพื่อนำทุกท่านไปสู่จุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย

Nice to know: จากบทสนทนาเบื้องต้น จะเห็นได้ว่า มีการโต้ตอบระหว่าง captain และ co pilot ซึ่งบทสนทนาเหล่านี้เป็น standard phraseology ที่ใช้กันระหว่างนักบินขณะทำการ take off เป็นสิ่งที่นักบินต้องทำความคุ้นเคยและเข้าใจในการพูด ซึ่งในแต่ละสายการบินอาจจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันเล็กน้อย รวมถึงมี  standard phraseology ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกับ ผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศ หรือ Air traffic controller(ATC) หรือกับช่างภาคพื้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้การติดต่อสื่อสารมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยของการบินซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในแต่ละเที่ยวบินนั่นเอง และผมได้แปะ link เกี่ยวกับการนำเครื่องขึ้น(Take off) ของเครื่องบินแบบ A320 เพื่อความเข้าใจใน pharseologyและ procedureที่มากขึ้นอีกด้วย
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

        ภูมิ co-pilot น้องใหม่ ผู้ซึ่งได้ license นักบินพาณิชย์ตรีจากกรมการบินพลเรือนมาหมาดๆ ลากกระเป๋าด้วยท่าทางเหนื่อยล้าจากการบินไฟล์ท HP053 ขึ้นรถ vios ที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง จากการทำงานเป็นพนักงานบริษัทผลิตรถชื่อดัง และมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่แตกต่างกับเส้นทางเดิมด้วยการเป็นนักบิน ตามความตั้งใจตั้งแต่สมัยยังเด็ก ที่เห็นเครื่องบินพาณิชย์ผ่านหัวไปอยู่บ่อยๆ เนื่องจากบ้านเขาอยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง ซึ่งตอนนั้นเขาคิดว่า “คนที่ขับเหล็กบนอากาศได้ ต้องเก่งมากๆ มีพลังอะไรบางอย่างอยู่ในตัวแน่นอน” และในวันนี้ ภูมิก็ได้มีพลังนั้นอยู่ในตัว แต่เหมือนวันนี้พลังเหล่านั้นจะใช้ไปเกือบหมดแล้ว หลังจากบินมา 4 แลนด์
“ฮัลโหล ไอ่แบงค์ ทำไรอยู่วะ”
“กูมาหาไรกินอยู่รัชโย มีอะไร”
“เพิ่งบินเสร็จ กะจะชวนไปกินเหล้าหน่อย นี่อยู่กับใครเนี่ย”
“กูอยู่กะน้องนุก มาดิ กูนั่งกินไวน์อยู่กับน้องเขาสองคน เด๋วมีเพื่อนเค้าตามมาอีกคน”
“นุกไหนวะ เปลี่ยนสาวอีกแล้วดิ เ-ี้ยจริงๆ”
“มาดิๆ เด๋วกูแนะนำเพื่อนเค้าให้รู้จัก”
“ไม่เอาอ่ะ ถ้ารู้เด๋วอุ่นแ-่งเฉ่งกูเอา ช่วงนี้แม่งงอนๆกูอยู่ด้วย”
“โหยยย กลัวแฟน-ิบหาย แล้วแต่เมิงและกัน”
“เออไว้ค่อยเจอ ว่าจะคุยเรื่องกัปตันสรรชัยสักหน่อย”
“ฝืดดิเมิง”
“เออดิ เออๆ ค่อยคุย แค่นี้แหละ”

       แบงค์เป็นเพื่อนของภูมิ สนิทตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนการบินเดียวกัน จนได้เข้ามาทำงานพร้อมกันในฐานะ student pilot รุ่นแรกของสายการบิน Happy airlines ซึ่งเป็นสายการบินเอกชนที่จัดตั้งโดยนายทุนชาวไทยของเรานี่เอง แบงค์เป็นคนหน้าตาดีนิสัยเพล์ยบอย เป็นคนหัวดี แต่ไม่ค่อยขยันสักเท่าไหร่ แต่ที่ดูตั้งใจมากๆก็คือเรื่องสาวๆเนี่ยแหละ ที่มันต้องเปลี่ยนไปอยู่ตลอด ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหนมากมาย การได้มาเป็นนักบินยิ่งทำให้มันรู้จักสาวๆเพิ่มมากขึ้นไม่เฉพาะแต่น้องแอร์ในสายการบินของตัวเองเท่านั้น ยังรวมไปถึงสายการบินอื่น และสายอาชีพอื่นด้วย เพราะอาชีพนักบิน ทุกคนรู้ว่ามีรายได้ที่ค่อนข้างสูง และคนที่เป็นได้ก็ต้องเก่ง ซึ่งสองอย่างนี้ก็เป็นสเปคของสาวๆส่วนใหญ่ ไม่รู้ว่ามันอยากเป็นนักบินด้วยเหตุผลนี้หรือเปล่า ก็ยังไม่แน่ใจ
“ฮัลโหล อุ่น ทำไรอยู่”
“เพิ่งเลิกงาน บินเสร็จแล้วเหรอ?”
“อืม ไปกินที่ไหนกันดี”
“แล้วแต่ภูมิเลย แบงค์ไปด้วยป่ะ”
“อ่อ มันติดสาว ไม่ไปหรอก งั้นเด๋วไปรับแล้วกันนะ”
“อืม เด๋วรอ”

       อุ่น แฟนสาวของภูมิ เพิ่งเคลียร์งานของวันนี้จนเสร็จ เธอทำงานอยู่บริษัทเดียวกับภูมิก่อนที่จะเป็นนักบิน อุ่นกับภูมิพบรักกันตั้งแต่เป็น new comer ที่บริษัทนี้ จนกระทั่งภูมิสอบเป็นนักบินได้ อุ่นก็ดีใจด้วยพร้อมกังวลใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
  ณ ร้านไวน์ แห่งหนึ่ง
“เป็นอะไรอ่ะ เงียบๆ” ภูมิถามหลังจากสังเกตอาการของแฟนสาวที่ไม่ค่อยพูดจา ถามคำตอบคำ
“ไม่เป็นไร แค่เหนื่อยๆ” อุ่นตอบ แต่ไม่สบตาผู้ถาม
“เหรอ เออ วันนี้เค้าบินไปภูเก็ต พอแลนด์เสร็จ น้องแอร์วิ่งมาจากท้ายเครื่อง บอกผู้โดยสารตบมือให้เลย ลงนิ่มมาก เค้านี่ยิ้มแก้มปริเลย”
อุ่นหันควับมามองตาภูมิที่กำลังเล่าอย่างภาคภูมิใจ “สนิทกับแอร์ด้วยเหรอ คุยกันบ่อยป่ะ?”
ภูมิเริ่มรับรู้ว่าสิ่งที่เค้าต้องการสื่อสารไม่ถึงอุ่น รู้ว่าอุ่นได้ยินแต่คำว่า “แอร์”
“เป็นไรเนี่ย?” ถึงภูมิรู้ว่าอุ่นคิดอะไร แต่เค้าก็ถามกวนตีนตามภาษา
“เปล่า ก็แค่อยากรู้ ว่าคุยไรกัน ทำไมต้องคุย สนิทกันมากหรือเปล่า”
“ก็คุยกันตามภาษาคนทำงานด้วยกัน” ภูมิตอบ แต่อุ่นยังทำหน้าสงสัยและภูมิก็รับรู้ถึงลมเพชรหึง
“เอาอย่างนี้นะอุ่น เราก็คบกันมาหลายปีแล้ว นี่ก็ปีที่ 7 แล้ว เค้าก็ไม่ได้อยากมีใครใหม่ และเราก็รักอุ่นคนเดียว”
“ถึงเค้าจะทำงานกับคนหน้าตาดีๆเยอะ มีมนุษยสัมพันธ์ดีกันทุกคน นั่นก็เพราะเป็นอาชีพของเขา มันไม่ได้ทำให้เค้าหวั่นไหวนะเพราะว่าพวกเขาไม่ได้เข้าใจเค้าแบบเธอนะ เรา2คนผ่านอะไรกันมาก็เยอะ เราก็ไม่ได้อยากเสียเวลาไปรู้จักคนใหม่ ในเมื่อคนข้างๆเรา ดีอยู่แล้ว ทั้งสวยทั้งหุ่นดี จิตใจก็ดี๊ดี” แม้ประโยคท้ายจะออกแนวกวนๆหน่อย แต่คำพูดทุกอย่างภูมิก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“จริงเหรอ?” อุ่นเริ่มยิ้มออก “เค้าก็รักตัวนะ”




    ขณะ boarding ผู้โดยสารไฟล์ทไปภูเก็ต เครื่องขึ้นจากสนามบินนานาชาติ สุวรรณภูมิ ผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบ รอคิวเพื่อเข้าไปนั่ง ณ ที่นั่งของตนเอง จนมาถึงผู้โดยสารกลุ่มสุดท้าย
“สวัสดีค่ะ ขอดูบัตรโดยสารด้วยค่ะ” น้องเอย แอร์โฮสเตสสาว ผู้ซึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังมาหมาดๆ กำลังทำหน้าที่ของเธอด้วยความสดใสและความกระตือรือร้น
“นี่คะ สามใบ กับลูกพี่อีกสองคน” คุณแม่ลูกสองเข้ามาในเคบิน พร้อมด้วยลูกชายสองคน คนนึงอายุประมาณ 6 ขวบ อีกคนประมาณ 10 ขวบกว่าๆ
“แม่ค้าบๆ กันอยากไปนั่งเครื่องบินลำเมื่อกี้ ที่คุณแม่ถ่ายรูปให้อ่ะค้าบแม่” น้องกัน เด็กน้อยกำลังดึงชายเสื้อแม่ของเขา พร้อมพูดด้วยเสียงออดอ้อน
“ก็นี่ไง เราขึ้นมาอยู่ในเครื่องบินแล้ว ไม่เชื่อถามพี่คนสวยคนนี้ดูซิ”
น้องกันมองหน้าน้องเอย ด้วยท่าทีสงสัย
“ตอนนี้อยู่บนเครื่องบินแล้วนะคะ เด๋วอีกสักพักเดี๋ยวน้องจะได้บินแล้วนะ” น้องเอยตอบด้วยท่าทางเอ็นดู
“เย้ๆ กันจะบินได้แล้ว แล้วกันจะบินไปได้ยังไง กันไม่มีปีก”
น้องเอยยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวน้องกันไปนั่งที่ก่อนนะค่ะ แล้วพี่นักบินจะกดปุ่มในห้องนี้ จากนั้นน้องกันก็จะบินได้เลย พร้อมคุณแม่และพี่ชายด้วย”
“มั่ว ไม่รู้จริงนี่หว่า” เสียงจากคนสุดท้ายเล็ดลอดขึ้นมา นั่นก็คือพี่ชายน้องกันนั่นเอง
“ก่อ ไปพูดอย่างนั้นไม่ดีนะลูก ขอโทษพี่เค้าซะ” คุณแม่ดุน้องก่อ
“ก็แอร์พวกนี้ไม่รู้แล้วชอบทำเป็นเก่งอ่ะแม่ พี่เค้าไม่รู้หรอกว่าเครื่องบินมันบินได้ยังไง”
น้องเอยหน้าเสีย
“เครื่องบินทุกเครื่องมีเครื่องยนต์ให้พลังงานในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า จนเมื่อถึงความเร็วระดับนึงแล้ว อากาศที่ไหลผ่านปีกของเครื่องบิน ซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษตามหลัก aerodynamic จะทำให้เกิดแรงยกตัว ทำให้เครื่องบินลอยได้หรือบินได้นั่นเองคะ ถ้าน้องอยากรู้ว่า aerodynamic คืออะไร โตขึ้นไปต้องตั้งใจเรียนนะคะ ตอนนี้ไปนั่งที่ให้เรียบร้อยก่อนค่ะ” เพอร์เซอร์ตาล ผู้มีประสบการณ์ในการทำงานเป็น flight attendance มาหลายปีเข้ามาช่วยเหลือน้องใหม่ได้อย่างทันท่วงที
“อืม” น้องก่อมองตาลด้วยสายตาแบบข่มใจไม่ให้ชื่นชมพี่สาวคนสวยมากความรู้คนนี้
“ขอบคุณนะคะ”แล้วคุณแม่ของเด็กทั้งสองจึงจูงมือน้องไปนั่งที่ตามระเบียบ

Nice to know: ถ้าอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าเครื่องบินบินได้อย่างไร สามารถเข้าไปศึกษาได้จาก
http://www.oocities.org/thaiinterhobby/knowledge.htm

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่