สวัสดีค่ะ
อันนี้รีวิวแรกน่ะค่ะ ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยค่ะ
วันนี้ขอมาเล่าเรื่องการขอวีซ่าท่องเที่ยวของประเทศอังกฤษค่ะ อาจจะไม่ละเอียดมากนัก แต่ก็อาจพอเป็นแนวทางให้คนอื่นในการขอวีซ่าประเภทเดียวกันได้ค่ะ
เรามีแพลนจะเดินทางไปเมืองนิวคาสเซิล ที่ประเทศอังกฤษ ช่วงวันที่ 24 กันยา – 3 ตุลา 2015 แฟนคนอังกฤษจะกลับไปเยี่ยมครอบครัวค่ะ และเราก็เลยขอแฟนว่า เลยไปเที่ยวปารีสกันต่อดีมั้ย ไปทั้งทีก็ไปให้คุ้ม อย่าเที่ยวแค่ประเทศเดียวเลย เลยตัดสินใจเพิ่มปารีสเข้ามาในทริบคือวันที่ 3-7 ตุลา 2015
โอเค พอตกลงกันว่าจะไปทั้งนิวคาสเซิล และปารีส คนไทยอย่างเราก็ต้องขอวีซ่าใช่มั้ยค่ะ เราต้องขอทั้งวีซ่าท่องเที่ยวอังกฤษ กับวีซ่าเชงเก้น เพื่อไปปารีส กรณีไป 2 ประเทศนี้ เราต้องขอวีซ่าอังกฤษให้ได้ก่อน และถึงจะไปขอวีซ่าเชงเก้นได้
ในกรณีของเรา เราขอวีซ่าท่องเที่ยว เดินทางพร้อมแฟน แบบแฟนสปอนเซอร์แค่ที่พัก ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆเราออกเองค่ะ
การขอวีซ่าท่องเที่ยวอังกฤษ สามารถขอล่วงหน้าได้ 90 วัน ( 3 เดือนก่อนเดินทาง) เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่เว๊ปนี้เลยค่ะ
https://www.gov.uk/standard-visitor-visa/overview
http://www.vfsglobal.co.uk/thailand/
กรณีเรา เราขอเตรียมข้อมูลทุกอย่างก่อน เพราะในการกรอกวีซ่า application ออนไลน์ เค้าถามข้อมูลเยอะมาก เราเลยเตรียมข้อมูลไว้ก่อนจะได้ไม่ติดขัดตอนกรอกข้อมูลออนไลน์ ข้อมูลที่เราเตรียมไว้ก่อนก็มี
- พาสปอร์ตมีกี่เล่ม เตรียมไว้ทุกเล่ม
- ลิสประเทศที่เราไปเที่ยว วันเดินทางเข้า-ออก ที่อยู่ในพาสปอร์ต ภายในระยะเวลา 10 ปี ออกมาให้หมดในกระดาษไว้ก่อน เพราะใน application เค้าถามค่ะ (ถ้าลิสออกมาก่อน เวลากรอกข้อมูลจะง่ายขึ้นค่ะ)
- ชื่อ นามสกุลของพ่อ แม่ รวมทั้งวันเดือนปีเกิด
- ข้อมูลของผู้ที่เราเดินทางด้วย (ถ้ามี) (เรากรอกชื่อแฟนไปค่ะ เพราะเราเดินทางด้วยกัน)
- วันที่ๆเราแพลนจะเดินทางไปอังกฤษ / จะอยู่นานเท่าไร / จะไปพักที่ไหน (เราพักบ้านแฟน เลยกรอกที่อยู่แฟนไปค่ะ ใครพักโรงแรม กรอกที่อยู่โรงแรมค่ะ)
- ข้อมูลการทำงาน สถานที่ทำงาน ตำแหน่ง เงินเดือน วันเริ่มทำงาน แต่ละเดือนคุณใช้เงินเท่าไร คุณให้เงินครอบครัวเท่าไร
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวในทริบนี้ (ค่าเครื่องบิน / ค่าที่พัก / ค่าใช้จ่ายแต่ละวัน)
- เงินที่คุณมีทั้งหมดสำหรับทริบนี้
- มีคนช่วยออกค่าใช้จ่ายสำหรับทริบนี้มั้ย (ของเราตอบว่าไม่มีค่ะ)
- มีเพื่อน หรือครอบครัว หรือคนรู้จักที่อังกฤษมั้ย (ในกรณีเรา เราใส่ชื่อ + ข้อมูลแฟนเราไปค่ะ)
เป็นข้อมูลคร่าวๆเท่าที่เราจำได้น่ะค่ะ เตรียมข้อมูลเท่าที่มีเสร็จ ก็ทำตามขั้นตอนเลยต่ะ
1. register สร้างชื่อสำหรับ log in ที่เว๊ป
https://www.gov.uk/apply-uk-visa เพื่อเอาไว้กรอก online application (ถ้ากรอกข้อมูลยังไม่เสร็จ หรือไม่แน่ใจ ห้ามกด ส่งข้อมูล หรือ submit application เป็นอันขาด) เรากรอกเอกสารครั้งเดียว ชำระค่าวีซ่าจำนวน USD 133 จ่ายโดยบัตรเครดิตของเราเอง พร้อมทำวันนัดยื่นเอกสารออนไลน์ ภายในครั้งเดียวค่ะ ไม่เปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขใดๆเลย
2. เตรียมเอกสาร ตามเว๊ปนี้ค่ะ
https://www.gov.uk/government/uploads/system/uploads/attachment_data/file/423699/2015_04_20_Visitor_Supporting_Documents_Guide_-_Final__2__-_CLEAN.pdf
เราขอแบ่งเอกสารเป็น 2 ส่วนน่ะค่ะ คือส่วนของตัวเราเอง กับส่วนของแฟน
เอกสารส่วนของเราก็มี
- พาสปอร์ตตัวจริง เล่มปัจจุบัน และเล่มเก่า + สำเนา (เราทำสำเนาทุกหน้าที่มีตราประทับ ของทุกเล่มที่เรามี)
- รูปถ่ายขนาด 45 millimetres (mm) high by 35mm wide จำนวน 2 รูป เราเขียนชื่อ นามสกุล และเลขพาสปอร์ตไว้ด้านหลังรูป
- สำเนาบัตรประชาชน + สำเนาทะเบียนบ้าน (ไม่ต้องแปล)
- หนังสือรับรองการทำงานตัวจริง แจ้งตำแหน่ง เงินเดือน วันที่เริ่มเข้าทำงาน เบอร์ + อีเมลที่ติดต่อได้ของผู้มีอำนาจเซ็น (ของเราลงวันลางาน + วันที่จะกลับมาทำงานไปด้วย) ให้ผู้มีอำนาจเซ็น พร้อมประทับตราบริษัท
- ใบจองตั๋วเครื่องบิน (กรุณาอย่าชำระเงินก่อน จนกว่าเราจะได้วีซ่า) แต่เราเจอตั๋วถูกมาก เราเลยเสี่ยงยอมจ่ายค่าตั๋วก่อน และมาขอวีซ่าทีหลัง
- ใบจองโรงแรม สำหรับคนที่พักโรงแรม (กรุณาอย่าชำระเงินก่อนอีกเช่นกัน) เดี๋ยวนี้มีเว๊ปไซด์ที่เราสามารถจองโรงแรมไว้ก่อน และสามารถยกเลิกได้ภายหลัง เช่น booking.com or agoda.com หรือจะเป็นเว๊ปไซด์ของโรงแรมโดยตรง เพียงแต่เราต้องอ่านเงื่อนไขตอนจองให้ดีว่า สามารถยกเลิกโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมรึป่าว (เราพักบ้านแฟน เลยไม่ต้องจองโรงแรม)
(ส่วนเอกสารของเราที่เอาไปยืนยันกับสถานฑูตว่า เราพักบ้านแฟน และแฟนเป็นเจ้าของบ้านนี้จริง คือ bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน ที่แฟนเรา print มาจาก internet จะโชว์ที่อยู่ และรายการต่างๆที่ใช้จ่าย รวมทั้งรายการชำระเงินกู้ค่าบ้าน แต่ละเดือนของแฟนเราค่ะ รวมทั้งแฟนเขียนจดหมายแนะนำตัวให้ด้วยว่า เราจะไปพักที่บ้านเค้า แต่ตอนนี้เค้าไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้ เพราะว่าทำงานที่เมืองไทย แต่เค้าเป็นเจ้าของบ้าน เพราะเค้าเป็นคนชำระค่าเงินกู้บ้านทุกเดือน)
- สมุดบัญชีตัวจริง + สำเนาย้อนหลัง 6 เดือน เราเอาเล่มที่เงินเดือนเข้า ตอนไปยื่นเอกสาร มียอดคงเหลือ แสนกว่าบาท
- แผนการเดินทาง+ ค่าใช้จ่ายสำหรับทริบนี้คร่าวๆ
- จดหมายแนะนำตัวเอง บอกว่าเราเป็นใคร จะเดินทางไปเที่ยวที่ไหน วันไหน กับใคร ใครรับผิดชอบค่าใช้จ่าย และอธิบายแสดงความสัมพันธ์ของเรากับแฟนด้วย และลงท้ายว่า เราจะไม่แหกกฎของวีซ่าเป็นอันขาด เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัว 555
- รูปถ่ายของเรากับแฟน 4-5 รูปก็พอ ให้เจ้าหน้าที่ดูว่า เรารู้จักกันจริงๆน่ะ เราเอารูปจากเฟสบุคนี่แหละ ตั้งแต่วันที่เริ่มรู้จักกัน และทริบต่างๆที่เราเที่ยวด้วยกันทั้งในและต่างประเทศ (ปีที่แล้วเราไปเที่ยวอังกฤษตอนคริสมาส และมีโอกาศไปเจอครอบครัวเค้า เราก็เอารูปถ่ายมาประกอบการสมัครด้วย และก็เขียนในจดหมายแนะนำตัวว่า เราเคยไปเที่ยวบ้านเค้ามาแล้วครั้งนึง)
- เราแอบยื่น ใบเสร็จชำระเงินเดือนล่าสุดที่เราชำระค่างวดรถ และเงินกู้บ้านไปด้วย (ให้เค้าดูว่า เรามีภาระที่เมืองไทยน่ะ ต้องกลับมาแน่นอน)
เอกสารส่วนของแฟนเราก็มี
- จดหมายแนะนำตัว ที่บอกว่าเค้าเป็นใคร ทำงานอะไร และเขียนแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเค้ากับเรา ว่าเป็นแฟนกันได้ยังไง นานเท่าไร และรับรองว่าจะให้เราไปพักบ้านเค้าได้ตอนไปเที่ยวอังกฤษกัน
- สำเนาพาสปอร์ตที่มีตราประทับทุกหน้า + สำเนา work permit ทุกหน้า พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องทุกหน้า
- สำเนา bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน ที่ print มาจาก internet มีบัญชีที่ชำระเงินกูบ้าน และบัญชีเงินเก็บ(บัญชีของประเทศอังกฤษ) และสำเนาสมุดบัญชีเมืองไทยที่เงินเดือนเข้า
- สำเนาสมุดบัญชีร่วม ที่เราเปิดร่วมกัน
3. ถึงวันนัดยื่นเอกสาร ของเราวันที่ 1 กรกฎาคม 2015 เวลา 9 โมงเช้า เราก็เดินทางไป VFS ที่ตึก Trendy ตั้งอยู่ที่สุขุมวิทซอย 13 การเดินทางไปก็สะดวกค่ะ นั่งรถไฟฟ้าลงสถานีนานา และนั่งพี่วินไปตึกเทรนดี้ 15 บาท เราไปถึง 8.45 (เพราะถ้าไปถึงก่อนเค้าก็ไม่ให้ขึ้นไปอยู่ดี) พอสัก 15 นาทีก่อนเวลานัด เราก็นำพาสปอร์ตตัวจริง พร้อมใบนัดที่พริ้นท์มาจากอีเมล ยื่นให้เจ้าหน้าที่ของ VFS ที่อยู่ตรงล๊อบบี้ชั้นล่าง เจ้าหน้าที่ก็จะประทับตราลงบนใบนัดและให้เราขึ้นไปชั้น 28 ค่ะ
พอขึ้นไปชั้น 28 ก็ต้องมารับบัตรคิวตรงเคาเตอร์ เจ้าหน้าที่จะดูใบที่ประทับตราจากเจ้าหน้าที่ข้างล่าง และกดบัตรคิวให้เรา ได้บัตรคิวมา ต้องเดินผ่านช่องสแกน ตรวจกระเป๋า ปิดโทรศัพท์ และเดินเข้าไปข้างในออฟฟิส นั่งรอเจ้าหน้าที่เรียกคิว พอถึงคิว เจ้าหน้าที่ก็จะตรวจเอกสารทุกอย่าง และลิสรายการเอกสารที่เรายื่นทั้งหมด ให้เราเซ็นยอมรับว่าเรายื่นเอกสารอะไรไว้บ้าง ถ้าเอกสารอะไรไม่ครบถ้วน ก็ทักทวงเจ้าหน้าที่ได้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า สถานฑูตใช้เวลาพิจารณาคำขอวีซ่าประมาณ 10-15 วันทำการ หรือถ้าคุณรีบ คุณสามารถทำแบบด่วนได้ ซึ่งต้องเพิ่มเงินอีกประมาณ 6 พันกว่าบาท ของเราไม่รีบ เราเลยแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า เอาแบบธรรมดาก็พอค่ะ
และถ้าอยากใช้บริการ sms แจ้งเตือนขั้นตอนการขอวีซ่าของคุณ ก็กรอกแบบฟอร์มที่เจ้าหน้าให้มา และชำระเงิน 80 บาท แต่เราไม่สมัคร เพราะยังไงเราก็ต้องได้เมลแจ้งเตือนอยู่แล้ว
หรือถ้าไม่สะดวกมารับเอง ก็สามารถสมัครให้เค้าส่งเล่มตัวจริงมาให้ที่บ้านได้ ค่าบริการไม่ทราบว่าเท่าไร เพราะเราไปรับเอง และลุ้นเอง
พอเสร็จขั้นตอนเรื่องเอกสาร เจ้าหน้าที่ก็จะยื่นซองเอกสารของเราให้เรามานั่งรอ เพื่อจะไปทำขั้นตอนสแกนนิ้วมือ
พอถึงขั้นตอนสแกนนิ้วมือ เจ้าหน้าที่จะเรียกเราเข้าไปในห้องส่วนตัว เพื่อทำการถ่ายรูปและสแกนนิ้วมือ
เสร็จขั้นตอนนี้ เจ้าหน้าที่ก็จะคืนใบนัดรับพาสปอร์ต ซึ่งก็คือสำเนาพาสปอร์ตพร้อมตราประทับของเรานั้นเอง ต้องเก็บใบนี้ไว้ให้ดี เพราะต้องเอามายื่นวันรับเล่มตัวจริงคืน
เวลาทั้งหมดก็ประมาณ 50 นาที เสร็จแล้ว เราก็นั่งรถไฟฟ้า กลับมาทำงานต่อ
4. หลังจากนั้นก็รออย่างเดียวค่ะ เรารอทั้งหมด 9 วัน (รวมวันหยุดด้วย) วันที่ 11 กรกฎาคม 2015 ตอนเช้าเราก็ได้รับอีเมลว่า ทางสถานฑูตได้พิจาณาคำขอวีซ่าของเราเรียบร้อยแล้ว เราสามารถมารับเล่มพาสปอร์ตคืนได้ 2 วันหลังจากวันที่ได้รับอีเมลฉบับนี้ ในอีเมลเค้าไม่บอกน่ะค่ะว่าเราได้หรือไม่ได้วีซ่า ต้องไปลุ้นเองวันไปรับเล่ม
โห ต้องรออีกตั้ง 2 วันแน่ะ กว่าจะได้ ลุ้นเหมือนกันเน่อะ แต่อีกแป๊บเดียว บ่ายวันเดียวกันก็ได้รับอีเมลอีกฉบับว่า ขณะนี้ทางศุนย์ VFS ได้รับเอกสารของคุณจากสถาณฑูตแล้ว นั่นหมายความว่า เราไปรับเล่มคืนได้เลย โอ้ ดีใจจัง ไม่ต้องลุ้นไปอีก 2 วัน เย็นวันนั้นไปรับไม่ทันล่ะ เพราะเค้าให้ไปรับได้ จันทร์ – ศุกร์ 9.00-16.00 และ เสาร์ 8.00 – 12.00 วันรุ่งขึ้นป็นวันเสาร์ เราเลยขับรถไปรับเล่มแต่เช้าเลยค่ะ
ไปถึง ก็เอาใบรับไปยื่นที่ชั้น 28 เลยค่ะ เจ้าหน้าที่ก็ให้บัตรคิวเหมือนเดิม สแกนกระเป๋า ปิดโทรศัพท์ เข้าไปนั่งรอเหมือนเดิม พอถึงคิวเจ้าหน้าที่ก็ยื่นเอกสารเป็นซองๆให้ ตอนเปิดซองขอบอกลุ้นมาก จักกะแร้เปียกเลย ทั้งๆที่แอร์ก็เย็น ดึงพาสปอร์ตออกมา เปิดมาเจอตราวีซ่า เย่ๆๆๆๆๆ ได้มาแล้ว 6 เดือนครับผม ดีใจ ยิ้มแก้มปริกลับบ้าน ส่งรูปให้แฟนดู ฮิฮิ
ประมาณนี้น่ะค่ะสำหรับประสบการ์ณการขอวีซ่าอังกฤษ (ครั้งที่ 3 ) ของเรา ต่อไปเตรียมตัวขอเชงเก้นกับสถานฑูตฝรั่งเศสต่อ และจะมาโพสในกระทู้ต่อไปน่ะค่ะ
[CR] Apply for UK Tourist Visa 2015
วันนี้ขอมาเล่าเรื่องการขอวีซ่าท่องเที่ยวของประเทศอังกฤษค่ะ อาจจะไม่ละเอียดมากนัก แต่ก็อาจพอเป็นแนวทางให้คนอื่นในการขอวีซ่าประเภทเดียวกันได้ค่ะ
เรามีแพลนจะเดินทางไปเมืองนิวคาสเซิล ที่ประเทศอังกฤษ ช่วงวันที่ 24 กันยา – 3 ตุลา 2015 แฟนคนอังกฤษจะกลับไปเยี่ยมครอบครัวค่ะ และเราก็เลยขอแฟนว่า เลยไปเที่ยวปารีสกันต่อดีมั้ย ไปทั้งทีก็ไปให้คุ้ม อย่าเที่ยวแค่ประเทศเดียวเลย เลยตัดสินใจเพิ่มปารีสเข้ามาในทริบคือวันที่ 3-7 ตุลา 2015
โอเค พอตกลงกันว่าจะไปทั้งนิวคาสเซิล และปารีส คนไทยอย่างเราก็ต้องขอวีซ่าใช่มั้ยค่ะ เราต้องขอทั้งวีซ่าท่องเที่ยวอังกฤษ กับวีซ่าเชงเก้น เพื่อไปปารีส กรณีไป 2 ประเทศนี้ เราต้องขอวีซ่าอังกฤษให้ได้ก่อน และถึงจะไปขอวีซ่าเชงเก้นได้
ในกรณีของเรา เราขอวีซ่าท่องเที่ยว เดินทางพร้อมแฟน แบบแฟนสปอนเซอร์แค่ที่พัก ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆเราออกเองค่ะ
การขอวีซ่าท่องเที่ยวอังกฤษ สามารถขอล่วงหน้าได้ 90 วัน ( 3 เดือนก่อนเดินทาง) เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่เว๊ปนี้เลยค่ะ https://www.gov.uk/standard-visitor-visa/overview
http://www.vfsglobal.co.uk/thailand/
กรณีเรา เราขอเตรียมข้อมูลทุกอย่างก่อน เพราะในการกรอกวีซ่า application ออนไลน์ เค้าถามข้อมูลเยอะมาก เราเลยเตรียมข้อมูลไว้ก่อนจะได้ไม่ติดขัดตอนกรอกข้อมูลออนไลน์ ข้อมูลที่เราเตรียมไว้ก่อนก็มี
- พาสปอร์ตมีกี่เล่ม เตรียมไว้ทุกเล่ม
- ลิสประเทศที่เราไปเที่ยว วันเดินทางเข้า-ออก ที่อยู่ในพาสปอร์ต ภายในระยะเวลา 10 ปี ออกมาให้หมดในกระดาษไว้ก่อน เพราะใน application เค้าถามค่ะ (ถ้าลิสออกมาก่อน เวลากรอกข้อมูลจะง่ายขึ้นค่ะ)
- ชื่อ นามสกุลของพ่อ แม่ รวมทั้งวันเดือนปีเกิด
- ข้อมูลของผู้ที่เราเดินทางด้วย (ถ้ามี) (เรากรอกชื่อแฟนไปค่ะ เพราะเราเดินทางด้วยกัน)
- วันที่ๆเราแพลนจะเดินทางไปอังกฤษ / จะอยู่นานเท่าไร / จะไปพักที่ไหน (เราพักบ้านแฟน เลยกรอกที่อยู่แฟนไปค่ะ ใครพักโรงแรม กรอกที่อยู่โรงแรมค่ะ)
- ข้อมูลการทำงาน สถานที่ทำงาน ตำแหน่ง เงินเดือน วันเริ่มทำงาน แต่ละเดือนคุณใช้เงินเท่าไร คุณให้เงินครอบครัวเท่าไร
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวในทริบนี้ (ค่าเครื่องบิน / ค่าที่พัก / ค่าใช้จ่ายแต่ละวัน)
- เงินที่คุณมีทั้งหมดสำหรับทริบนี้
- มีคนช่วยออกค่าใช้จ่ายสำหรับทริบนี้มั้ย (ของเราตอบว่าไม่มีค่ะ)
- มีเพื่อน หรือครอบครัว หรือคนรู้จักที่อังกฤษมั้ย (ในกรณีเรา เราใส่ชื่อ + ข้อมูลแฟนเราไปค่ะ)
เป็นข้อมูลคร่าวๆเท่าที่เราจำได้น่ะค่ะ เตรียมข้อมูลเท่าที่มีเสร็จ ก็ทำตามขั้นตอนเลยต่ะ
1. register สร้างชื่อสำหรับ log in ที่เว๊ป https://www.gov.uk/apply-uk-visa เพื่อเอาไว้กรอก online application (ถ้ากรอกข้อมูลยังไม่เสร็จ หรือไม่แน่ใจ ห้ามกด ส่งข้อมูล หรือ submit application เป็นอันขาด) เรากรอกเอกสารครั้งเดียว ชำระค่าวีซ่าจำนวน USD 133 จ่ายโดยบัตรเครดิตของเราเอง พร้อมทำวันนัดยื่นเอกสารออนไลน์ ภายในครั้งเดียวค่ะ ไม่เปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขใดๆเลย
2. เตรียมเอกสาร ตามเว๊ปนี้ค่ะ https://www.gov.uk/government/uploads/system/uploads/attachment_data/file/423699/2015_04_20_Visitor_Supporting_Documents_Guide_-_Final__2__-_CLEAN.pdf
เราขอแบ่งเอกสารเป็น 2 ส่วนน่ะค่ะ คือส่วนของตัวเราเอง กับส่วนของแฟน
เอกสารส่วนของเราก็มี
- พาสปอร์ตตัวจริง เล่มปัจจุบัน และเล่มเก่า + สำเนา (เราทำสำเนาทุกหน้าที่มีตราประทับ ของทุกเล่มที่เรามี)
- รูปถ่ายขนาด 45 millimetres (mm) high by 35mm wide จำนวน 2 รูป เราเขียนชื่อ นามสกุล และเลขพาสปอร์ตไว้ด้านหลังรูป
- สำเนาบัตรประชาชน + สำเนาทะเบียนบ้าน (ไม่ต้องแปล)
- หนังสือรับรองการทำงานตัวจริง แจ้งตำแหน่ง เงินเดือน วันที่เริ่มเข้าทำงาน เบอร์ + อีเมลที่ติดต่อได้ของผู้มีอำนาจเซ็น (ของเราลงวันลางาน + วันที่จะกลับมาทำงานไปด้วย) ให้ผู้มีอำนาจเซ็น พร้อมประทับตราบริษัท
- ใบจองตั๋วเครื่องบิน (กรุณาอย่าชำระเงินก่อน จนกว่าเราจะได้วีซ่า) แต่เราเจอตั๋วถูกมาก เราเลยเสี่ยงยอมจ่ายค่าตั๋วก่อน และมาขอวีซ่าทีหลัง
- ใบจองโรงแรม สำหรับคนที่พักโรงแรม (กรุณาอย่าชำระเงินก่อนอีกเช่นกัน) เดี๋ยวนี้มีเว๊ปไซด์ที่เราสามารถจองโรงแรมไว้ก่อน และสามารถยกเลิกได้ภายหลัง เช่น booking.com or agoda.com หรือจะเป็นเว๊ปไซด์ของโรงแรมโดยตรง เพียงแต่เราต้องอ่านเงื่อนไขตอนจองให้ดีว่า สามารถยกเลิกโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมรึป่าว (เราพักบ้านแฟน เลยไม่ต้องจองโรงแรม)
(ส่วนเอกสารของเราที่เอาไปยืนยันกับสถานฑูตว่า เราพักบ้านแฟน และแฟนเป็นเจ้าของบ้านนี้จริง คือ bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน ที่แฟนเรา print มาจาก internet จะโชว์ที่อยู่ และรายการต่างๆที่ใช้จ่าย รวมทั้งรายการชำระเงินกู้ค่าบ้าน แต่ละเดือนของแฟนเราค่ะ รวมทั้งแฟนเขียนจดหมายแนะนำตัวให้ด้วยว่า เราจะไปพักที่บ้านเค้า แต่ตอนนี้เค้าไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้ เพราะว่าทำงานที่เมืองไทย แต่เค้าเป็นเจ้าของบ้าน เพราะเค้าเป็นคนชำระค่าเงินกู้บ้านทุกเดือน)
- สมุดบัญชีตัวจริง + สำเนาย้อนหลัง 6 เดือน เราเอาเล่มที่เงินเดือนเข้า ตอนไปยื่นเอกสาร มียอดคงเหลือ แสนกว่าบาท
- แผนการเดินทาง+ ค่าใช้จ่ายสำหรับทริบนี้คร่าวๆ
- จดหมายแนะนำตัวเอง บอกว่าเราเป็นใคร จะเดินทางไปเที่ยวที่ไหน วันไหน กับใคร ใครรับผิดชอบค่าใช้จ่าย และอธิบายแสดงความสัมพันธ์ของเรากับแฟนด้วย และลงท้ายว่า เราจะไม่แหกกฎของวีซ่าเป็นอันขาด เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัว 555
- รูปถ่ายของเรากับแฟน 4-5 รูปก็พอ ให้เจ้าหน้าที่ดูว่า เรารู้จักกันจริงๆน่ะ เราเอารูปจากเฟสบุคนี่แหละ ตั้งแต่วันที่เริ่มรู้จักกัน และทริบต่างๆที่เราเที่ยวด้วยกันทั้งในและต่างประเทศ (ปีที่แล้วเราไปเที่ยวอังกฤษตอนคริสมาส และมีโอกาศไปเจอครอบครัวเค้า เราก็เอารูปถ่ายมาประกอบการสมัครด้วย และก็เขียนในจดหมายแนะนำตัวว่า เราเคยไปเที่ยวบ้านเค้ามาแล้วครั้งนึง)
- เราแอบยื่น ใบเสร็จชำระเงินเดือนล่าสุดที่เราชำระค่างวดรถ และเงินกู้บ้านไปด้วย (ให้เค้าดูว่า เรามีภาระที่เมืองไทยน่ะ ต้องกลับมาแน่นอน)
เอกสารส่วนของแฟนเราก็มี
- จดหมายแนะนำตัว ที่บอกว่าเค้าเป็นใคร ทำงานอะไร และเขียนแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเค้ากับเรา ว่าเป็นแฟนกันได้ยังไง นานเท่าไร และรับรองว่าจะให้เราไปพักบ้านเค้าได้ตอนไปเที่ยวอังกฤษกัน
- สำเนาพาสปอร์ตที่มีตราประทับทุกหน้า + สำเนา work permit ทุกหน้า พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องทุกหน้า
- สำเนา bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน ที่ print มาจาก internet มีบัญชีที่ชำระเงินกูบ้าน และบัญชีเงินเก็บ(บัญชีของประเทศอังกฤษ) และสำเนาสมุดบัญชีเมืองไทยที่เงินเดือนเข้า
- สำเนาสมุดบัญชีร่วม ที่เราเปิดร่วมกัน
3. ถึงวันนัดยื่นเอกสาร ของเราวันที่ 1 กรกฎาคม 2015 เวลา 9 โมงเช้า เราก็เดินทางไป VFS ที่ตึก Trendy ตั้งอยู่ที่สุขุมวิทซอย 13 การเดินทางไปก็สะดวกค่ะ นั่งรถไฟฟ้าลงสถานีนานา และนั่งพี่วินไปตึกเทรนดี้ 15 บาท เราไปถึง 8.45 (เพราะถ้าไปถึงก่อนเค้าก็ไม่ให้ขึ้นไปอยู่ดี) พอสัก 15 นาทีก่อนเวลานัด เราก็นำพาสปอร์ตตัวจริง พร้อมใบนัดที่พริ้นท์มาจากอีเมล ยื่นให้เจ้าหน้าที่ของ VFS ที่อยู่ตรงล๊อบบี้ชั้นล่าง เจ้าหน้าที่ก็จะประทับตราลงบนใบนัดและให้เราขึ้นไปชั้น 28 ค่ะ
พอขึ้นไปชั้น 28 ก็ต้องมารับบัตรคิวตรงเคาเตอร์ เจ้าหน้าที่จะดูใบที่ประทับตราจากเจ้าหน้าที่ข้างล่าง และกดบัตรคิวให้เรา ได้บัตรคิวมา ต้องเดินผ่านช่องสแกน ตรวจกระเป๋า ปิดโทรศัพท์ และเดินเข้าไปข้างในออฟฟิส นั่งรอเจ้าหน้าที่เรียกคิว พอถึงคิว เจ้าหน้าที่ก็จะตรวจเอกสารทุกอย่าง และลิสรายการเอกสารที่เรายื่นทั้งหมด ให้เราเซ็นยอมรับว่าเรายื่นเอกสารอะไรไว้บ้าง ถ้าเอกสารอะไรไม่ครบถ้วน ก็ทักทวงเจ้าหน้าที่ได้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า สถานฑูตใช้เวลาพิจารณาคำขอวีซ่าประมาณ 10-15 วันทำการ หรือถ้าคุณรีบ คุณสามารถทำแบบด่วนได้ ซึ่งต้องเพิ่มเงินอีกประมาณ 6 พันกว่าบาท ของเราไม่รีบ เราเลยแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า เอาแบบธรรมดาก็พอค่ะ
และถ้าอยากใช้บริการ sms แจ้งเตือนขั้นตอนการขอวีซ่าของคุณ ก็กรอกแบบฟอร์มที่เจ้าหน้าให้มา และชำระเงิน 80 บาท แต่เราไม่สมัคร เพราะยังไงเราก็ต้องได้เมลแจ้งเตือนอยู่แล้ว
หรือถ้าไม่สะดวกมารับเอง ก็สามารถสมัครให้เค้าส่งเล่มตัวจริงมาให้ที่บ้านได้ ค่าบริการไม่ทราบว่าเท่าไร เพราะเราไปรับเอง และลุ้นเอง
พอเสร็จขั้นตอนเรื่องเอกสาร เจ้าหน้าที่ก็จะยื่นซองเอกสารของเราให้เรามานั่งรอ เพื่อจะไปทำขั้นตอนสแกนนิ้วมือ
พอถึงขั้นตอนสแกนนิ้วมือ เจ้าหน้าที่จะเรียกเราเข้าไปในห้องส่วนตัว เพื่อทำการถ่ายรูปและสแกนนิ้วมือ
เสร็จขั้นตอนนี้ เจ้าหน้าที่ก็จะคืนใบนัดรับพาสปอร์ต ซึ่งก็คือสำเนาพาสปอร์ตพร้อมตราประทับของเรานั้นเอง ต้องเก็บใบนี้ไว้ให้ดี เพราะต้องเอามายื่นวันรับเล่มตัวจริงคืน
เวลาทั้งหมดก็ประมาณ 50 นาที เสร็จแล้ว เราก็นั่งรถไฟฟ้า กลับมาทำงานต่อ
4. หลังจากนั้นก็รออย่างเดียวค่ะ เรารอทั้งหมด 9 วัน (รวมวันหยุดด้วย) วันที่ 11 กรกฎาคม 2015 ตอนเช้าเราก็ได้รับอีเมลว่า ทางสถานฑูตได้พิจาณาคำขอวีซ่าของเราเรียบร้อยแล้ว เราสามารถมารับเล่มพาสปอร์ตคืนได้ 2 วันหลังจากวันที่ได้รับอีเมลฉบับนี้ ในอีเมลเค้าไม่บอกน่ะค่ะว่าเราได้หรือไม่ได้วีซ่า ต้องไปลุ้นเองวันไปรับเล่ม
โห ต้องรออีกตั้ง 2 วันแน่ะ กว่าจะได้ ลุ้นเหมือนกันเน่อะ แต่อีกแป๊บเดียว บ่ายวันเดียวกันก็ได้รับอีเมลอีกฉบับว่า ขณะนี้ทางศุนย์ VFS ได้รับเอกสารของคุณจากสถาณฑูตแล้ว นั่นหมายความว่า เราไปรับเล่มคืนได้เลย โอ้ ดีใจจัง ไม่ต้องลุ้นไปอีก 2 วัน เย็นวันนั้นไปรับไม่ทันล่ะ เพราะเค้าให้ไปรับได้ จันทร์ – ศุกร์ 9.00-16.00 และ เสาร์ 8.00 – 12.00 วันรุ่งขึ้นป็นวันเสาร์ เราเลยขับรถไปรับเล่มแต่เช้าเลยค่ะ
ไปถึง ก็เอาใบรับไปยื่นที่ชั้น 28 เลยค่ะ เจ้าหน้าที่ก็ให้บัตรคิวเหมือนเดิม สแกนกระเป๋า ปิดโทรศัพท์ เข้าไปนั่งรอเหมือนเดิม พอถึงคิวเจ้าหน้าที่ก็ยื่นเอกสารเป็นซองๆให้ ตอนเปิดซองขอบอกลุ้นมาก จักกะแร้เปียกเลย ทั้งๆที่แอร์ก็เย็น ดึงพาสปอร์ตออกมา เปิดมาเจอตราวีซ่า เย่ๆๆๆๆๆ ได้มาแล้ว 6 เดือนครับผม ดีใจ ยิ้มแก้มปริกลับบ้าน ส่งรูปให้แฟนดู ฮิฮิ
ประมาณนี้น่ะค่ะสำหรับประสบการ์ณการขอวีซ่าอังกฤษ (ครั้งที่ 3 ) ของเรา ต่อไปเตรียมตัวขอเชงเก้นกับสถานฑูตฝรั่งเศสต่อ และจะมาโพสในกระทู้ต่อไปน่ะค่ะ