Namaste ji ... ด้วยความที่เราเป็นติ่งอินเดียเลยทำให้เราพลอยชอบใช้เครื่องสำอางจากอินเดียไปด้วย คนไทยหลายคนอาจจะประเมินเครื่องสำอางจากประเทศนี้ต่ำเกินไปเพราะดูเป็นประเทศที่ยากจน หนำซ้ำแพ็คเกจจิ้งของเครื่องสำอางบางอย่างก็ดูเชยยังกะหลุดมาจากยุค 70 ทำให้ดูไม่น่าใช้หรือไม่น่าไว้วางใจ แต่รีวิวนี้จะทำให้คุณคิดใหม่เลยแหละเพราะโพรดักท์หลายๆตัวออกแบบแพ็คเกจได้น่ารักน่าใช้มาก แลดูดีมีรสนิยมสุดๆ ดูอินเตอร์มากเลย อาจจะมีสาเหตุอีกอย่างที่ทำให้เครื่องสำอางจากที่นี่ดูไม่น่าไว้ใจคือเรื่องของราคา (ที่แปลงเป็นเงินไทยแล้วนะ) มันถูกอย่างน่าใจหาย อันนี้เป็นเพราะว่าที่นั่นคนยากจนเยอะ รัฐบาลก็เลยต้องควบคุมราคาของสินค้าทำนองนี้รวมทั้งยาให้มันไม่สูงจนเกินไปนัก ให้ทุกคนได้มีของดีๆใช้อย่างทั่วหน้าในราคายุติธรรม อีกเหตุผลนึงที่เราคิดว่าควรสนับสนุนสินค้าความงามจากอินเดียก็คือ อินเดียเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ผ่านกฎหมายห้ามมีการทดลองในสัตว์กับสินค้าความงามทุกประเภท ไม่ว่าจะทั้งที่ผลิตในประเทศเองหรือที่จะส่งเข้าไปขาย no animal testing ว่ายังงั้นเถอะ และที่สำคัญเลยก็คืออินเดียเป็นต้นตำรับ ayurveda ของโลก พวกสมุนไพรโบราณนี่เป็นที่เลื่องชื่อมานาน ไม่เน้นพวกสารเคมีเท่าไหร่ อย่างพวก paraben หรือ SLS นี่หลายๆแบรนด์ก็ไม่ใช้กัน ปลอดภัยแน่นอน
เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะวันนี้แสงน้อยเหลือเกิน แถมของก็อยู่กระจัดกระจายหลายที่ ขออาศัยภาพจากในเนทไปก่อนคงไม่ว่ากัน ไว้ยังไงถ้าคราวหน้าไปช็อปที่นั่นอีกเมื่อไหร่จะทำกระทู้ haul แบบจัดเต็มกันไปเลย ที่ผ่านมาเราซื้อนิดๆหน่อยๆแบบขำๆ ยังไม่จัดเต็มนะ ของที่น่าซื้อมีเยอะมาก ถ้าจัดเต็มจริงๆนี่อลังการแน่นอน เอาละ เกริ่นกันมาเยอะแล้ว มาเริ่มกันเลยนะ
Himalaya Purifying Neem Face Wash 150ml. - ₹130.00
แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักที่สุดแล้วสำหรับคนไทย ใครๆไปเที่ยวก็ต้องแวะช็อปของเขาเพื่อซื้อกลับมา ช็อปมีเยอะมากทั่วประเทศ และโพรดักท์ตัวนี้ก็น่าจะเป็นตัวที่ฮิตที่สุดเลยก็ว่าได้ มันเป็นเจลล้างหน้าสำหรับรักษาสิว ทำมาจาก neem หรือสะเดานั่นเอง ฟองค่อนข้างน้อย กลิ่นแอบเหมือนน้ำยาล้างจานไปหน่อย แต่ก็โอเค ใช้แค่ไม่กี่วันก็พบว่าสิวผดเม็ดเล็กๆมันเริ่มหลุดล่อนออกไปเอง แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องควบคุมความมันเลย อันนี้ความเห็นส่วนตัวเรานะ บางคนเขาก็ว่าพอช่วยได้บ้าง แต่เราแนะนำว่าใครที่อยากลดหน้ามันจริงๆให้ไปใช้อีกสูตรที่ระบุชัดว่าสำหรับหน้ามันเลยดีกว่า ชัวร์สุด อ้อ เวลาใช้นี่ไม่ต้องบีบเยอะนะ เอาสักเท่าเมล็ดถั่วแดงก็พอ ใช้ได้ทั่วทั้งหน้าแล้วแม้ว่าฟองจะไม่ล้นหลาม
Pt: 4/5 - ขอหักที่มันไม่ควบคุมความมันเลยสำหรับเรานะ เราคิดว่าโพรดักท์ที่เคลมว่าจัดการกับสิวได้ควรจะมีคุณสมบัติควบคุมความมันด้วยในตัว ควรทำได้ดีกว่านี้น่ะ
Himalaya Acne&Pimple Cream 20g - ₹45.00
ตัวนี้ก็ดังมากสูสีกับตัวบนเลย เรียกว่าต้องซื้อคู่กันเลยก็ว่าได้ เป็นครีมแต้มสิวทั่วไปนี่ละ เนื้อจะสีครีมหนืดๆหน่อย ทาลงไปแล้วจะเหมือนไม่ซึมลงผิว จะมองเห็นเป็นคราบสีนวลๆตอนแรก แต่ช่างมัน ทิ้งไว้สักพักจะเนียนกลืนไปเอง เหมาะกับทาก่อนจะนอนมากกว่าที่จะทาแล้วไปนอกบ้านในทันที ใช้แล้วสิวผดและสิวอุดตันเม็ดหยิมๆจะลดลงไวในช่วงแรก คือแบบวันสองวันแรกนี่ลดจนน่าตกใจ แต่สักวีคนึงจะเริ่มทรงตัว ต้องใช้เวลาต่อ ส่วนสิวใหญ่นั้นมันจะช่วยให้สุกไวขึ้น พอสุกแล้วเราเอาหัวหนองออกและโปะครีมนี่ทับไว้อีก มันก็จะยุบลงไปและค่อยๆมีอาการคล้ายตกสะเก็ด ข้อเสียก็คือกลิ่นจะแรงมาก กลิ่นสมุนไพรโบราณสุดๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบจะรำคาญมากๆเลย ใครที่ไม่ได้นอนคนเดียวนี่โดนบ่นแน่นอน ส่วนเราไม่ชินแค่วันแรกๆที่ใช้ ตอนนี้เหรอ สบายมาก เริ่มรู้สึกหอมแล้วด้วยซ้ำ
Pt: 4.5/5 - หักตรงที่เนื้อมันหนืดๆอะ ทำให้รู้สึกไม่สะอาด ชอบเนื้อแบบเจลๆหรือแบบครีมทั่วไปมากกว่า
Himalaya Gentle Exfoliating Walnut Scrub 100g - ₹120.00
สครับตัวนี้เป็นตัวยอดนิยมของแบรนด์เลย ทำจากเปลือกวอลนัท ไม่บาดผิว กลิ่นหอมแบบถั่วๆน่ารักดี เราว่าเหมาะกับคนที่มีสิวเสี้ยนเส้นขาวๆที่คางมาก เราเองมีเยอะ ขูดทิ้งแบบวันเว้นวันก็งอกใหม่เลย อ่อนใจมาก ใช้ตัวนี้แล้วมันงอกช้าลง แต่กับสิวเสี้ยนแบบดำๆที่จมูกยังไม่ออกมากเท่าไหร่ เหมือนกับว่าตรงคางเราจะย่นปากให้เนื้อมันตึงขึ้นเพื่อช่วยตอนถูโพรดักท์ได้ไง มันเลยซอกซอนมากขึ้น แต่กับตรงจมูกเราห่อเนื้อแบบนั้นไม่ได้ มันเลยไม่ซอกซอนมั้ง ไม่รู้จะอธิบายยังไงอะนะ แล้วเราใช้ขัดข้อศอกด้วย เพราะข้อศอกเราย่ำแย่แบบข้อศอกหมาเลย เราชอบเท้าศอกลงโต๊ะกับเตียงนานๆ จนมันดำและด้าน ใช้สครับแบบขัดตัวทั่วไปที่ทำจากเกลือหรือน้ำตาลแล้วเจ็บมาก ใช้ตัวนี้แล้วดีขึ้นเลย มันผลัดเอาที่ลอกแห้งเป็นขุยทิ้งได้หมด
Pt: 4.5/5 - หักเพราะว่าจัดการสิวเสี้ยนที่จมูกไม่ได้เท่าที่หวัง
Himalaya Under Eye Cream 15g - ₹150.00
นี่ก็เป็นโพรดักท์อีกตัวของแบรนด์ที่ดังในหมู่คนไทย เพราะเขาเคลมว่ารอยคล้ำใต้ตาจะลดลงถึง 80% ภายในหนึ่งเดือน และริ้วรอยจะตื้นขึ้นด้วย เราเองที่ใต้ตาคล้ำมาตั้งแต่ยังไม่สิบขวบนี่รีบซื้อเลย อยากจะหายมากๆ ถ้าไม่ได้ปกปิดใต้ตานี่ไปไหนใครๆก็คิดว่าติดยา กรรมจริงๆ พวกเพื่อนๆที่อยู่แก๊งค์ปาร์ตี้ด้วยกันก็คิดว่าเราตี้ยาทั้งนั้น ไม่มีใครไม่คิด เหอะๆ สภาพย่ำแย่มากและโพรดักท์อื่นๆที่ใช้มาไม่เคยช่วยได้เลย ลองมาก็เยอะ (ก่อนหน้านี้ตัวที่คิดว่าได้ผลที่สุดคือ Avon ที่เนื้อเจลสีส้มอมเนื้อ แต่ใช้ไปนานๆก็ดื้อยา ไม่กระเตื้องขึ้นอีกต่อไป) เท่าที่ใช้มาเกินเดือนก็พบว่ามันได้ผลกับเรื่องแพนด้านะ แต่ที่เคลมว่าลดลงเนี่ย มันไม่ใช่ว่าดีกรีของความเข้มลดลงนะ แต่มันลดขนาดพื้นที่ คือมันหายไปครึ่งนึงจากหางตามาถึงกึ่งกลาง ตรงหัวตายังอยู่ เรานี่งงมาก เฮ้ย มันควรจะหมายถึงดีกรีความเข้มปะวะ ไม่ใช่ลดการแผ่อาณาเขต แบบนี้เวลาใช้คอนซีลเลอร์ก็คือโบกที่หัวตา ตรงหางตาไม่ต้องโบกเงี้ยเหรอ กลับรู้สึกว่ายากเข้าไปใหญ่ในการจะปกปิด คนอื่นเขาลดดีกรีความเข้มหรือเปล่าไม่รู้ แต่ของเรามันลดอาณาเขตอะ งงมากเลย ส่วนริ้วรอยนี่ก็ลดที่มันเล็กๆ แต่เราไม่ได้มีมากอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยมีควมแตกต่างเท่าไหร่ อ้อ แล้วเชื่อมั้ยว่าราคา 150 รูปีเนี่ยคนอินเดียก็บอกแพงแล้วนะ ถ้าคิดเป็นเงินไทยไม่ถึง 90 บาท eye cream ราคานี้สำหรับบ้านเรานี่ถูกเป็นขี้เลยอะ
Pt: 4/5 - หักคะแนนเพราะความบ๊อง แทนที่จะลดดีกรีความเข้มกลับไปลดการแผ่อาณาเขตซะงั้น ใช่เรื่องมั้ยน่ะ
Boroline Antiseptic Ayurvedic Cream 20g - ₹30.00
สำหรับตัวนี้คนไทยคงไม่รู้จักกันแน่นอน แต่มันดีมากจริงๆนะ เป็น antiseptic cream หลอดเขียวๆอย่างภาพนี่ละ ใช้ได้สารพัดประโยชน์ ดูรูปที่กล่องได้เลยว่ามันทำอะไรได้บ้าง ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็จะคล้ายกับ Lucas Pawpaw หลอดแดงจากออสเตรเลียนั่นแหละ ราคาก็ถูกมากด้วย หลอดละไม่ถึง 20 บาทเราชอบเอาไว้ทาข้อศอกหมาที่ด้านๆของเรา ด้วยความที่มันถูกเลยซื้อได้เยอะแยะ บางทีหลังฝึกโยคะแล้วเจ็บเข่าที่คุกเข่ามากไปก็เอามาทาเล่น คือไม่รู้มันช่วยหรือเปล่าหรอกแต่มันช่วยทางใจ บวกกับราคาที่ถูกมาก ใช้ทิ้งขว้างไม่ค่อยเสียดาย เรื่องกลิ่นก็ออกแนวสมุนไพรดี เทียบแล้วไม่แรงเท่าครีมแต้มสิวที่รีวิวไปด้านบนนั่น อันนี้มีน้ำหอมนะ ต้องระวังถ้าแพ้น้ำหอมแล้วจะใช้ทาใบหน้า
Pt: 4.5/5 - หักเพราะหลอดเป็นอลูมิเนียม ทำให้บีบใช้ได้ไม่หมดจดจริงๆ รีดจนเมื่อยมือ
Biotique Honey Water 120ml. - ₹150.00
แบรนด์นี้แพ็คเกจน่ารักมากเลย ดูธรรมชาติแบบอ่อนโยนดี คนไทยไม่ค่อยรู้จักกัน แต่สำหรับทางโน้นก็ป็อบมากอยู่ สำหรับตัวนี้เป็นโทนเนอร์สูตรน้ำผึ้ง แถมเคลมว่ามีส่วนผสมของน้ำจากตีนเขาหิมาลัยอีกด้วย สีของน้ำจะคล้ายๆน้ำผึ้งที่ความเหลวเท่ากับโทนเนอร์อื่นทั่วไป กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำผึ้งน่ารักมาก เหมือนโพรดักท์สำหรับเด็กซะมากกว่า ส่วนตัวไม่แน่ใจว่ามันช่วยเรื่องไหนเป็นพิเศษนะ แต่เช็ดตัวนี้แล้วไม่ต้องบำรุงอะไรตามก็อยู่ได้เลย รู้สึกผิวชุ่มชื่นดีไม่ขาดน้ำน่ะ ราคาก็โอเคนะ คิดว่าไม่เหมาะสำหรับคนที่ผิวมันมากๆ มีสิวเยอะ หรือชอบโทนเนอร์แบบที่เช็ดแล้วรู้สึกหน้าสะอาดวิ้ง ใครที่ชอบโทนเนอร์แนวนุ่มๆอ่อนโยน ไร้แอลกอฮอลล์น่าจะชอบมากกว่า
Pt: 4/5 - หักเพราะไม่ชัดเจนว่าช่วยในเรื่องไหนกันแน่
VLCC Matte Look Sunscreen Lotion SPF 30 PA+++ 60ml. - ₹190.00
สำหรับแบรนด์ VLCC นี้ก็ถือว่าดังมากในอินเดียเหมือนกัน แพ็คเกจสวยทันสมัยมาก เราลองกันแดดแบบเนื้อแมทท์ก่อนเลย จริงๆทุกอย่างดูแล้วน่าใช้ไปหมด แต่ว่ากันแดดตัวนี้มีรูปสับปะรดด้านหน้ารู้สึกกระตุ้นให้อยากลองมากกว่าอย่างอื่นๆ เรื่องว่าส่วนประกอบตัวไหนเป็นการแอ็คทีฟของการกันแดดแบบไหนเราก็ไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าไม่มันไม่วอก ใช้แล้วไม่ดำขึ้น ตอนล้างออกไม่ยาก ไม่ทำให้มีสิวอุดตันก็จบ ซึ่งตัวนี้เราว่าทำได้ครบนะ ราคาก็ถือว่าถูกแสนถูก ทำให้โบกได้หนาตามที่ควรจะเป็น ไม่ต้องเสียดายของ
Pt: 4/5 - ขอหักเพราะไม่ชอบเนื้อสัมผัส เหมือนโลชั่นทาตัวมากไปหน่อย เราชอบแบบเหลวๆน้ำๆมากกว่าน่ะ
Himalaya Kajal 2.7g - ₹105.00
kajal ก็คือดินสอเขียนตาแบบแขกนั่นเอง ซึ่งส่วนมากจะผสมน้ำมันต่างๆอย่าง caster oil เพื่อบำรุงขนตาด้วย แต่ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนๆก็ไม่เหมาะกับคนที่หนังตามันแน่นอน เราเองเป็นคนไม่แต่งหน้าบ่อย แต่จะชอบเขียนตาให้ดำๆตลอดเวลา ก็เอาอินี่ละโบกเข้าไปเลย แล้วไม่ต้องเหลาด้วย ไม่รู้ทำยังไงเหมือนกัน มันไม่ทู่ลงไปกี่มากน้อยเลยอะ แต่แพ็คเกจก๊องแก๊งมาก คิดว่าตกทีเดียวก็กระจายแน่นอน เสียดายว่าแค่ 3-4 ชั่วโมงก็จะเริ่มจางลงแล้ว ต้องเติมซ้ำ แล้วสีก็ไม่ดำเข้มสะใจเท่าไหร่ด้วย เรื่องราคาก็อาจจะดูแพงสักหน่อยเทียบกับพวกแท่งๆโนแบรนด์ที่ขายตามพาหุรัดบ้านเรา แต่คุณภาพไว้ใจได้แน่นอน เพราะเขาทดสอบมาแล้วกับหมอตาและใช้ได้กับคนที่ใส่คอนแท็คเลนส์
Pt: 3.5/5 - หักเพราะสีไม่เข้มสะใจและมันลบเลือนไวกว่าพวกดินสอเขียนขอบตาแบบทั่วไปของแบรนด์อื่นๆที่เคยใช้มา (เช่น Rimmel หรือ Clinique)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พื้นที่ไม่พอแล้วละ จะมีส่วนที่เป็นโพรดักท์สำหรับผมและเรื่องการหาซื้ออยู่ที่คห.1 ต่ออีกนะ แต่ขอตัวไปกินข้าวก่อน แล้วจะกลับมาโพสเพิ่มตอนค่ำๆจ้า
ป.ล. ตรงราคาสินค้าที่ลงไว้บางคนอาจจะเห็นเป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่จริงๆเราลงสัญลักษณ์ของเงินรูปีไว้นะ บางเครื่องอาจจะไม่ขึ้นให้เห็น
[CR] Review เครื่องสำอางยอดนิยมหลายอย่างจากอินเดีย
เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะวันนี้แสงน้อยเหลือเกิน แถมของก็อยู่กระจัดกระจายหลายที่ ขออาศัยภาพจากในเนทไปก่อนคงไม่ว่ากัน ไว้ยังไงถ้าคราวหน้าไปช็อปที่นั่นอีกเมื่อไหร่จะทำกระทู้ haul แบบจัดเต็มกันไปเลย ที่ผ่านมาเราซื้อนิดๆหน่อยๆแบบขำๆ ยังไม่จัดเต็มนะ ของที่น่าซื้อมีเยอะมาก ถ้าจัดเต็มจริงๆนี่อลังการแน่นอน เอาละ เกริ่นกันมาเยอะแล้ว มาเริ่มกันเลยนะ
แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักที่สุดแล้วสำหรับคนไทย ใครๆไปเที่ยวก็ต้องแวะช็อปของเขาเพื่อซื้อกลับมา ช็อปมีเยอะมากทั่วประเทศ และโพรดักท์ตัวนี้ก็น่าจะเป็นตัวที่ฮิตที่สุดเลยก็ว่าได้ มันเป็นเจลล้างหน้าสำหรับรักษาสิว ทำมาจาก neem หรือสะเดานั่นเอง ฟองค่อนข้างน้อย กลิ่นแอบเหมือนน้ำยาล้างจานไปหน่อย แต่ก็โอเค ใช้แค่ไม่กี่วันก็พบว่าสิวผดเม็ดเล็กๆมันเริ่มหลุดล่อนออกไปเอง แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องควบคุมความมันเลย อันนี้ความเห็นส่วนตัวเรานะ บางคนเขาก็ว่าพอช่วยได้บ้าง แต่เราแนะนำว่าใครที่อยากลดหน้ามันจริงๆให้ไปใช้อีกสูตรที่ระบุชัดว่าสำหรับหน้ามันเลยดีกว่า ชัวร์สุด อ้อ เวลาใช้นี่ไม่ต้องบีบเยอะนะ เอาสักเท่าเมล็ดถั่วแดงก็พอ ใช้ได้ทั่วทั้งหน้าแล้วแม้ว่าฟองจะไม่ล้นหลาม
Pt: 4/5 - ขอหักที่มันไม่ควบคุมความมันเลยสำหรับเรานะ เราคิดว่าโพรดักท์ที่เคลมว่าจัดการกับสิวได้ควรจะมีคุณสมบัติควบคุมความมันด้วยในตัว ควรทำได้ดีกว่านี้น่ะ
ตัวนี้ก็ดังมากสูสีกับตัวบนเลย เรียกว่าต้องซื้อคู่กันเลยก็ว่าได้ เป็นครีมแต้มสิวทั่วไปนี่ละ เนื้อจะสีครีมหนืดๆหน่อย ทาลงไปแล้วจะเหมือนไม่ซึมลงผิว จะมองเห็นเป็นคราบสีนวลๆตอนแรก แต่ช่างมัน ทิ้งไว้สักพักจะเนียนกลืนไปเอง เหมาะกับทาก่อนจะนอนมากกว่าที่จะทาแล้วไปนอกบ้านในทันที ใช้แล้วสิวผดและสิวอุดตันเม็ดหยิมๆจะลดลงไวในช่วงแรก คือแบบวันสองวันแรกนี่ลดจนน่าตกใจ แต่สักวีคนึงจะเริ่มทรงตัว ต้องใช้เวลาต่อ ส่วนสิวใหญ่นั้นมันจะช่วยให้สุกไวขึ้น พอสุกแล้วเราเอาหัวหนองออกและโปะครีมนี่ทับไว้อีก มันก็จะยุบลงไปและค่อยๆมีอาการคล้ายตกสะเก็ด ข้อเสียก็คือกลิ่นจะแรงมาก กลิ่นสมุนไพรโบราณสุดๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบจะรำคาญมากๆเลย ใครที่ไม่ได้นอนคนเดียวนี่โดนบ่นแน่นอน ส่วนเราไม่ชินแค่วันแรกๆที่ใช้ ตอนนี้เหรอ สบายมาก เริ่มรู้สึกหอมแล้วด้วยซ้ำ
Pt: 4.5/5 - หักตรงที่เนื้อมันหนืดๆอะ ทำให้รู้สึกไม่สะอาด ชอบเนื้อแบบเจลๆหรือแบบครีมทั่วไปมากกว่า
Himalaya Gentle Exfoliating Walnut Scrub 100g - ₹120.00
สครับตัวนี้เป็นตัวยอดนิยมของแบรนด์เลย ทำจากเปลือกวอลนัท ไม่บาดผิว กลิ่นหอมแบบถั่วๆน่ารักดี เราว่าเหมาะกับคนที่มีสิวเสี้ยนเส้นขาวๆที่คางมาก เราเองมีเยอะ ขูดทิ้งแบบวันเว้นวันก็งอกใหม่เลย อ่อนใจมาก ใช้ตัวนี้แล้วมันงอกช้าลง แต่กับสิวเสี้ยนแบบดำๆที่จมูกยังไม่ออกมากเท่าไหร่ เหมือนกับว่าตรงคางเราจะย่นปากให้เนื้อมันตึงขึ้นเพื่อช่วยตอนถูโพรดักท์ได้ไง มันเลยซอกซอนมากขึ้น แต่กับตรงจมูกเราห่อเนื้อแบบนั้นไม่ได้ มันเลยไม่ซอกซอนมั้ง ไม่รู้จะอธิบายยังไงอะนะ แล้วเราใช้ขัดข้อศอกด้วย เพราะข้อศอกเราย่ำแย่แบบข้อศอกหมาเลย เราชอบเท้าศอกลงโต๊ะกับเตียงนานๆ จนมันดำและด้าน ใช้สครับแบบขัดตัวทั่วไปที่ทำจากเกลือหรือน้ำตาลแล้วเจ็บมาก ใช้ตัวนี้แล้วดีขึ้นเลย มันผลัดเอาที่ลอกแห้งเป็นขุยทิ้งได้หมด
Pt: 4.5/5 - หักเพราะว่าจัดการสิวเสี้ยนที่จมูกไม่ได้เท่าที่หวัง
Himalaya Under Eye Cream 15g - ₹150.00
นี่ก็เป็นโพรดักท์อีกตัวของแบรนด์ที่ดังในหมู่คนไทย เพราะเขาเคลมว่ารอยคล้ำใต้ตาจะลดลงถึง 80% ภายในหนึ่งเดือน และริ้วรอยจะตื้นขึ้นด้วย เราเองที่ใต้ตาคล้ำมาตั้งแต่ยังไม่สิบขวบนี่รีบซื้อเลย อยากจะหายมากๆ ถ้าไม่ได้ปกปิดใต้ตานี่ไปไหนใครๆก็คิดว่าติดยา กรรมจริงๆ พวกเพื่อนๆที่อยู่แก๊งค์ปาร์ตี้ด้วยกันก็คิดว่าเราตี้ยาทั้งนั้น ไม่มีใครไม่คิด เหอะๆ สภาพย่ำแย่มากและโพรดักท์อื่นๆที่ใช้มาไม่เคยช่วยได้เลย ลองมาก็เยอะ (ก่อนหน้านี้ตัวที่คิดว่าได้ผลที่สุดคือ Avon ที่เนื้อเจลสีส้มอมเนื้อ แต่ใช้ไปนานๆก็ดื้อยา ไม่กระเตื้องขึ้นอีกต่อไป) เท่าที่ใช้มาเกินเดือนก็พบว่ามันได้ผลกับเรื่องแพนด้านะ แต่ที่เคลมว่าลดลงเนี่ย มันไม่ใช่ว่าดีกรีของความเข้มลดลงนะ แต่มันลดขนาดพื้นที่ คือมันหายไปครึ่งนึงจากหางตามาถึงกึ่งกลาง ตรงหัวตายังอยู่ เรานี่งงมาก เฮ้ย มันควรจะหมายถึงดีกรีความเข้มปะวะ ไม่ใช่ลดการแผ่อาณาเขต แบบนี้เวลาใช้คอนซีลเลอร์ก็คือโบกที่หัวตา ตรงหางตาไม่ต้องโบกเงี้ยเหรอ กลับรู้สึกว่ายากเข้าไปใหญ่ในการจะปกปิด คนอื่นเขาลดดีกรีความเข้มหรือเปล่าไม่รู้ แต่ของเรามันลดอาณาเขตอะ งงมากเลย ส่วนริ้วรอยนี่ก็ลดที่มันเล็กๆ แต่เราไม่ได้มีมากอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยมีควมแตกต่างเท่าไหร่ อ้อ แล้วเชื่อมั้ยว่าราคา 150 รูปีเนี่ยคนอินเดียก็บอกแพงแล้วนะ ถ้าคิดเป็นเงินไทยไม่ถึง 90 บาท eye cream ราคานี้สำหรับบ้านเรานี่ถูกเป็นขี้เลยอะ
Pt: 4/5 - หักคะแนนเพราะความบ๊อง แทนที่จะลดดีกรีความเข้มกลับไปลดการแผ่อาณาเขตซะงั้น ใช่เรื่องมั้ยน่ะ
Boroline Antiseptic Ayurvedic Cream 20g - ₹30.00
สำหรับตัวนี้คนไทยคงไม่รู้จักกันแน่นอน แต่มันดีมากจริงๆนะ เป็น antiseptic cream หลอดเขียวๆอย่างภาพนี่ละ ใช้ได้สารพัดประโยชน์ ดูรูปที่กล่องได้เลยว่ามันทำอะไรได้บ้าง ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็จะคล้ายกับ Lucas Pawpaw หลอดแดงจากออสเตรเลียนั่นแหละ ราคาก็ถูกมากด้วย หลอดละไม่ถึง 20 บาทเราชอบเอาไว้ทาข้อศอกหมาที่ด้านๆของเรา ด้วยความที่มันถูกเลยซื้อได้เยอะแยะ บางทีหลังฝึกโยคะแล้วเจ็บเข่าที่คุกเข่ามากไปก็เอามาทาเล่น คือไม่รู้มันช่วยหรือเปล่าหรอกแต่มันช่วยทางใจ บวกกับราคาที่ถูกมาก ใช้ทิ้งขว้างไม่ค่อยเสียดาย เรื่องกลิ่นก็ออกแนวสมุนไพรดี เทียบแล้วไม่แรงเท่าครีมแต้มสิวที่รีวิวไปด้านบนนั่น อันนี้มีน้ำหอมนะ ต้องระวังถ้าแพ้น้ำหอมแล้วจะใช้ทาใบหน้า
Pt: 4.5/5 - หักเพราะหลอดเป็นอลูมิเนียม ทำให้บีบใช้ได้ไม่หมดจดจริงๆ รีดจนเมื่อยมือ
Biotique Honey Water 120ml. - ₹150.00
แบรนด์นี้แพ็คเกจน่ารักมากเลย ดูธรรมชาติแบบอ่อนโยนดี คนไทยไม่ค่อยรู้จักกัน แต่สำหรับทางโน้นก็ป็อบมากอยู่ สำหรับตัวนี้เป็นโทนเนอร์สูตรน้ำผึ้ง แถมเคลมว่ามีส่วนผสมของน้ำจากตีนเขาหิมาลัยอีกด้วย สีของน้ำจะคล้ายๆน้ำผึ้งที่ความเหลวเท่ากับโทนเนอร์อื่นทั่วไป กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำผึ้งน่ารักมาก เหมือนโพรดักท์สำหรับเด็กซะมากกว่า ส่วนตัวไม่แน่ใจว่ามันช่วยเรื่องไหนเป็นพิเศษนะ แต่เช็ดตัวนี้แล้วไม่ต้องบำรุงอะไรตามก็อยู่ได้เลย รู้สึกผิวชุ่มชื่นดีไม่ขาดน้ำน่ะ ราคาก็โอเคนะ คิดว่าไม่เหมาะสำหรับคนที่ผิวมันมากๆ มีสิวเยอะ หรือชอบโทนเนอร์แบบที่เช็ดแล้วรู้สึกหน้าสะอาดวิ้ง ใครที่ชอบโทนเนอร์แนวนุ่มๆอ่อนโยน ไร้แอลกอฮอลล์น่าจะชอบมากกว่า
Pt: 4/5 - หักเพราะไม่ชัดเจนว่าช่วยในเรื่องไหนกันแน่
VLCC Matte Look Sunscreen Lotion SPF 30 PA+++ 60ml. - ₹190.00
สำหรับแบรนด์ VLCC นี้ก็ถือว่าดังมากในอินเดียเหมือนกัน แพ็คเกจสวยทันสมัยมาก เราลองกันแดดแบบเนื้อแมทท์ก่อนเลย จริงๆทุกอย่างดูแล้วน่าใช้ไปหมด แต่ว่ากันแดดตัวนี้มีรูปสับปะรดด้านหน้ารู้สึกกระตุ้นให้อยากลองมากกว่าอย่างอื่นๆ เรื่องว่าส่วนประกอบตัวไหนเป็นการแอ็คทีฟของการกันแดดแบบไหนเราก็ไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าไม่มันไม่วอก ใช้แล้วไม่ดำขึ้น ตอนล้างออกไม่ยาก ไม่ทำให้มีสิวอุดตันก็จบ ซึ่งตัวนี้เราว่าทำได้ครบนะ ราคาก็ถือว่าถูกแสนถูก ทำให้โบกได้หนาตามที่ควรจะเป็น ไม่ต้องเสียดายของ
Pt: 4/5 - ขอหักเพราะไม่ชอบเนื้อสัมผัส เหมือนโลชั่นทาตัวมากไปหน่อย เราชอบแบบเหลวๆน้ำๆมากกว่าน่ะ
Himalaya Kajal 2.7g - ₹105.00
kajal ก็คือดินสอเขียนตาแบบแขกนั่นเอง ซึ่งส่วนมากจะผสมน้ำมันต่างๆอย่าง caster oil เพื่อบำรุงขนตาด้วย แต่ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนๆก็ไม่เหมาะกับคนที่หนังตามันแน่นอน เราเองเป็นคนไม่แต่งหน้าบ่อย แต่จะชอบเขียนตาให้ดำๆตลอดเวลา ก็เอาอินี่ละโบกเข้าไปเลย แล้วไม่ต้องเหลาด้วย ไม่รู้ทำยังไงเหมือนกัน มันไม่ทู่ลงไปกี่มากน้อยเลยอะ แต่แพ็คเกจก๊องแก๊งมาก คิดว่าตกทีเดียวก็กระจายแน่นอน เสียดายว่าแค่ 3-4 ชั่วโมงก็จะเริ่มจางลงแล้ว ต้องเติมซ้ำ แล้วสีก็ไม่ดำเข้มสะใจเท่าไหร่ด้วย เรื่องราคาก็อาจจะดูแพงสักหน่อยเทียบกับพวกแท่งๆโนแบรนด์ที่ขายตามพาหุรัดบ้านเรา แต่คุณภาพไว้ใจได้แน่นอน เพราะเขาทดสอบมาแล้วกับหมอตาและใช้ได้กับคนที่ใส่คอนแท็คเลนส์
Pt: 3.5/5 - หักเพราะสีไม่เข้มสะใจและมันลบเลือนไวกว่าพวกดินสอเขียนขอบตาแบบทั่วไปของแบรนด์อื่นๆที่เคยใช้มา (เช่น Rimmel หรือ Clinique)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พื้นที่ไม่พอแล้วละ จะมีส่วนที่เป็นโพรดักท์สำหรับผมและเรื่องการหาซื้ออยู่ที่คห.1 ต่ออีกนะ แต่ขอตัวไปกินข้าวก่อน แล้วจะกลับมาโพสเพิ่มตอนค่ำๆจ้า
ป.ล. ตรงราคาสินค้าที่ลงไว้บางคนอาจจะเห็นเป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่จริงๆเราลงสัญลักษณ์ของเงินรูปีไว้นะ บางเครื่องอาจจะไม่ขึ้นให้เห็น