ฤกษ์งาม ยามดี ขอรีวิวกับเขาสักครั้ง หลังจากแอบซ่อนตัวอยู่ในห้องบลูฯ เป็นเวลานาน ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยนะคะ
เริ่มจากบอสใหญ่ใจดีมีโปรแกรมว่าจะพาลูกน้องไปพักผ่อน ที่เชอราตัน พัทยา รีสอร์ท 2 วัน 1 คืน ชักช้าอยู่ใย รีบเก็บกระเป๋า ดี๊ด๋ากว่าใคร ก็แหมจะได้พักรีสอร์ทหรู 5 ดาวกับเค้าทั้งที ตื่นเต้นไปอีก 3 วัน (เว่อไปอีก) ที่ว่าสวรรค์ของการพักผ่อนอย่างแท้จริงเป็นยังไง ดิฉันได้สัมผัสจริงๆก็คราวนี้ ตามมาเลยค่ะ
ก้าวแรกที่ได้เข้ามาสัมผัสที่นี่ รู้สึกตัวลอยๆบอกไม่ถูกค่ะ วินาทีนั้นทิ้งทุกอย่างและโฟกัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นค่ะ เพราะไม่อยากเชื่อว่าจะมีรีสอร์ทที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัวสุดๆ แอบซ่อนตัวอยู่ในพัทยาเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี แต่แวดล้อมไปด้วยทัศนียภาพและสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบสบายตา ผสมกับการตกแต่งแบบ Thai Contemporary มันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายแล้ววางทุกสิ่งที่เหนื่อยล้าแบบไม่รู้ตัวเลยหละค่ะ
เชอราตัน พัทยา รีสอร์ท ตั้งอยู่บนถนนพระตำหนักพัทยา ตัวรีสอร์ทจะตั้งอยู่บนเชิงเขาค่ะ เราไปถึงประมาณบ่าย 2 นำรถไปจอดหน้า Lobby จะมี พนง. มายกกระเป๋าให้ค่ะ พนง.ที่นี่ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูมีใจรักที่จะบริการทุกคนเลยค่ะ หลังจากนั้นเดินเข้ามาใน Lobby ซึ่งเปิดโล่งแบบ Open Air ค่ะ มองเห็นวิวทะเลตัดกับท้องฟ้าใสๆสบายตามากค่ะ ส่วน Welcome Drink เป็นน้ำสมุนไพรและนมค่ะ หลังจาก Check-in ก็ขึ้นรถกอล์ฟของทางโรงแรมไปยังห้องพักค่ะ
ระหว่างทางไปห้องพักจะเป็นทางเล็กๆ ต้นไม้เยอะ ร่มรื่นมากค่ะ
ถึงแล้วค่ะ ครั้งนี้ จขกท. ได้พักห้องพักแบบ Pool Terrace ขนาด 45 ตรม. ซึ่งจะมีแค่ 8 ห้องเท่านั้น มีระเบียงและลานอาบแดดส่วนตัวสุดกว้างขวาง และที่ปลื้มสุดคือเดินเพียงไม่กี่ก้าวลงสระว่ายน้ำได้เลยค่ะ
Welcome Fruit + Sofa bed นั่งพัก อ่านหนังสือ นอนเล่นโทรศัพท์สบายๆค่ะ
มุมโต๊ะทำงานค่ะ
ห้องอาบน้ำ แยกกับอ่างอาบน้ำ
Facility อื่นๆค่ะ
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย พร็อพพร้อมกล้องพร้อม ได้เวลาเดินสำรวจรีสอร์ทแล้ว จขกท. มุ่งหน้าไปที่ริมทะเลก่อนเลยค่ะ ซึ่งทะเลของที่นี่ไม่สามารถเล่นน้ำได้นะคะเพราะเป็นหน้าผา แต่ จขกท. ไม่ค่อยชอบเล่นน้ำทะเลอยู่แล้วค่ะ จึงไม่ใช่ปัญหา แค่ให้ได้นั่งทอดอารมณ์เคล้าเสียงคลื่นและสายลม บนชายหาดทรายขาวๆที่นุ่มเท้าสุดๆ แค่นี้ก็ฟินลืมไม่ลงแล้วค่ะ ชายหาดของที่นี่มีความพิเศษที่แตกต่างนะคะ เดี๋ยวมาดูกันค่ะว่าพิเศษอย่างไร พร้อมภาพประกอบ
ระหว่างทางเดิน จะเป็นทางลาดชัน บันไดซะส่วนใหญ่ค่ะ สลับกับต้นไม้เขียวชอุ่ม
แท๊น แทน แท๊น ชายหาดทรายนุ่มๆ ของทางรีสอร์ท ที่บอกว่าแตกต่างและพิเศษคือ เป็นชายหาดเทียมค่ะ ถ้าจำไม่ผิดเป็นทรายจากเกาะเสม็ดค่ะ และจะมีการเปลี่ยนทุกๆ 4 เดือน อารมณ์เหมือนอยู่เกาะเสม็ดเลยค่ะ ชอบมากๆ
นี่คือ ละติจูด เล้าท์ ค่ะ ตั้งอยู่หน้าชายหาดค่ะ และจะมี Happy hour ตามโปรโมชั่นค่ะ มาดริ้งกันได้ชิวๆค่ะ
เดินขึ้นไปด้านบนจะเป็นห้องอาหาร อินฟินิติ ซึ่งจะได้สัมผัสวิว พร้อมรับลมสดชื่นจากทะเลอย่างใกล้ชิด และสามารถชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้ด้วยค่ะ เปิดให้บริการทุกวันเวลา 11:00 น. - 22:30 น.
ถัดมาเรามาดูสระว่ายน้ำกันค่ะ ซึ่งที่นี่มีทั้งหมด 3 สระค่ะ
สระแรกคือ Splash lagoon ค่ะ สระนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆมากค่ะ เหมาะสำหรับครอบครัว เพราะจะมี Jacuzzi สำหรับเด็กด้วยค่ะ
ขออนุญาตยืมรูปภาพนี้จากเว็บไซต์นะคะ
สระที่สองคือ Spirituality Lagoon ค่ะ เป็นสระที่มีขนาดใหญ่และลึกที่สุดของรีสอร์ทค่ะ
และสระสุดท้ายคือ Serenity Lagoon ซึ่ง จขกท.แอบมานั่งแช่น้ำชื่นใจอยู่ตรงนี้ค่ะ เป็นสระที่ จขกท. ชอบที่สุดเพราะเป็นส่วนตัวสงบ และมี Jacuzzi นวดตัวด้วยค่ะ แอบกระซิบว่าเหมาะสำหรับคู่รักมากๆ อิอิ
และหลังจากเราอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมออกไปที่ Walking Street ค่ะ มาพัทยาทั้งทีต้องขอออกไปสัมผัสแสงสีกันหน่อย เดี๋ยวจะเหมือนมาไม่ถึง โดยเราเลือกเดินทางโดยรถตู้ของโรงแรมค่ะ ซึ่งจะมีเป็นรอบตามภาพด้านล่างค่ะ รับส่งระหว่างรีสอร์ท - เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช ไป-กลับค่ะ
วันที่ 2
หลังจากนอนหลับสบายเต็มอิ่มแล้ว เดินไปที่ระเบียง สูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด แล้วไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร อิลิเม้นท์กันค่ะ ซึ่งสามารถเลือกนั่งได้ทั้งในห้องแอร์หรือสูดอากาศสดชื่นรับกลิ่นไอทะเลบริเวณเทเรสด้านนอก แน่นอนค่ะว่าดิชั้นเลือกที่จะนั่งด้านนอกสูดอากาศและรับไอแดดยามเช้า
เวลาเปิดให้บริการอาหารเช้า 06.00 น. - 10.30 น. จันทร์ - ศุกร์ / 06.00 น. - 11.00 น. เสาร์ - อาทิตย์
บริเวณเทเรสด้านนอก
และมาถึงบุฟเฟ่ต์อาหารเช้านานาชาติ ขอบอกว่าอลังการมาก อย่ารอช้ามาชมจากภาพกันเลยค่ะ
ถัดไปจากห้องอาหาร อิลิเม้นท์ จะเป็นทางขึ้นไป อัมบูรายา สปา เป็นสปาของรีสอร์ทที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รับรองในการให้บริการ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 21.00 น.
ขออนุญาตยืมรูปภาพรี้จากเว็บไซต์
ก่อนกลับเข้าห้องก็ขอเดินชิวๆ เก็บภาพและบรรยากาศรีสอร์ทอีกครั้ง
เรียกได้ว่าชาร์ทพลังไว้อย่างเต็มที่ ก่อนจะกลับสู่เมืองที่เร่งรีบ พร้อมลุยงานต่อค่ะ
จุดเด่น
- พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส บริการเป็นเลิศค่ะ
- เงียบสงบเป็นส่วนตัวเหมาะกับการพักผ่อน ใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและชาร์ทพลังแนะนำเลยค่ะ
- มีสระว่ายน้ำถึง 3 สระให้เราเลือกเล่นตามสบายค่ะ
- บรรยากาศโดยรวมดีมาก ร่มรื่น ต้นไม้เขียวชอุ่ม สามารถสูดลมหายใจได้เต็มปอด สดชื่นสุดๆ
จุดด้อย
- ส่วนใหญ่ทางเดินจะเป็นบันไดและเนินซะส่วนใหญ่ อาจไม่เหมาะสำหรับคนชราและคนพิการ
- น้ำทะเลของที่นี่ไม่สามารถเล่นได้ แต่มีสระว่ายน้ำถึง 3 สระค่ะ
สรุป
เหมาะสำหรับครอบครัว คู่รัก และทุกๆท่านที่ต้องการพักผ่อน ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า แบบเงียบสงบและเป็นส่วนตัวสุดๆ กับการเดินทางเพียง 2 ชม จากกทม. จะทำให้คุณสัมผัสการพักผ่อนอย่างแท้จริง
ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ
[CR] เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง! จุดที่ได้พักผ่อน เอนกาย แสนสบายไปกับอ้อมกอดของทะเล ณ เชอราตัน พัทยา รีสอร์ท (2 วัน 1 คืน)
เริ่มจากบอสใหญ่ใจดีมีโปรแกรมว่าจะพาลูกน้องไปพักผ่อน ที่เชอราตัน พัทยา รีสอร์ท 2 วัน 1 คืน ชักช้าอยู่ใย รีบเก็บกระเป๋า ดี๊ด๋ากว่าใคร ก็แหมจะได้พักรีสอร์ทหรู 5 ดาวกับเค้าทั้งที ตื่นเต้นไปอีก 3 วัน (เว่อไปอีก) ที่ว่าสวรรค์ของการพักผ่อนอย่างแท้จริงเป็นยังไง ดิฉันได้สัมผัสจริงๆก็คราวนี้ ตามมาเลยค่ะ
ก้าวแรกที่ได้เข้ามาสัมผัสที่นี่ รู้สึกตัวลอยๆบอกไม่ถูกค่ะ วินาทีนั้นทิ้งทุกอย่างและโฟกัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นค่ะ เพราะไม่อยากเชื่อว่าจะมีรีสอร์ทที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัวสุดๆ แอบซ่อนตัวอยู่ในพัทยาเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี แต่แวดล้อมไปด้วยทัศนียภาพและสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบสบายตา ผสมกับการตกแต่งแบบ Thai Contemporary มันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายแล้ววางทุกสิ่งที่เหนื่อยล้าแบบไม่รู้ตัวเลยหละค่ะ
เชอราตัน พัทยา รีสอร์ท ตั้งอยู่บนถนนพระตำหนักพัทยา ตัวรีสอร์ทจะตั้งอยู่บนเชิงเขาค่ะ เราไปถึงประมาณบ่าย 2 นำรถไปจอดหน้า Lobby จะมี พนง. มายกกระเป๋าให้ค่ะ พนง.ที่นี่ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูมีใจรักที่จะบริการทุกคนเลยค่ะ หลังจากนั้นเดินเข้ามาใน Lobby ซึ่งเปิดโล่งแบบ Open Air ค่ะ มองเห็นวิวทะเลตัดกับท้องฟ้าใสๆสบายตามากค่ะ ส่วน Welcome Drink เป็นน้ำสมุนไพรและนมค่ะ หลังจาก Check-in ก็ขึ้นรถกอล์ฟของทางโรงแรมไปยังห้องพักค่ะ
ระหว่างทางไปห้องพักจะเป็นทางเล็กๆ ต้นไม้เยอะ ร่มรื่นมากค่ะ
ถึงแล้วค่ะ ครั้งนี้ จขกท. ได้พักห้องพักแบบ Pool Terrace ขนาด 45 ตรม. ซึ่งจะมีแค่ 8 ห้องเท่านั้น มีระเบียงและลานอาบแดดส่วนตัวสุดกว้างขวาง และที่ปลื้มสุดคือเดินเพียงไม่กี่ก้าวลงสระว่ายน้ำได้เลยค่ะ
Welcome Fruit + Sofa bed นั่งพัก อ่านหนังสือ นอนเล่นโทรศัพท์สบายๆค่ะ
มุมโต๊ะทำงานค่ะ
ห้องอาบน้ำ แยกกับอ่างอาบน้ำ
Facility อื่นๆค่ะ
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย พร็อพพร้อมกล้องพร้อม ได้เวลาเดินสำรวจรีสอร์ทแล้ว จขกท. มุ่งหน้าไปที่ริมทะเลก่อนเลยค่ะ ซึ่งทะเลของที่นี่ไม่สามารถเล่นน้ำได้นะคะเพราะเป็นหน้าผา แต่ จขกท. ไม่ค่อยชอบเล่นน้ำทะเลอยู่แล้วค่ะ จึงไม่ใช่ปัญหา แค่ให้ได้นั่งทอดอารมณ์เคล้าเสียงคลื่นและสายลม บนชายหาดทรายขาวๆที่นุ่มเท้าสุดๆ แค่นี้ก็ฟินลืมไม่ลงแล้วค่ะ ชายหาดของที่นี่มีความพิเศษที่แตกต่างนะคะ เดี๋ยวมาดูกันค่ะว่าพิเศษอย่างไร พร้อมภาพประกอบ
ระหว่างทางเดิน จะเป็นทางลาดชัน บันไดซะส่วนใหญ่ค่ะ สลับกับต้นไม้เขียวชอุ่ม
นี่คือ ละติจูด เล้าท์ ค่ะ ตั้งอยู่หน้าชายหาดค่ะ และจะมี Happy hour ตามโปรโมชั่นค่ะ มาดริ้งกันได้ชิวๆค่ะ
เดินขึ้นไปด้านบนจะเป็นห้องอาหาร อินฟินิติ ซึ่งจะได้สัมผัสวิว พร้อมรับลมสดชื่นจากทะเลอย่างใกล้ชิด และสามารถชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้ด้วยค่ะ เปิดให้บริการทุกวันเวลา 11:00 น. - 22:30 น.
ถัดมาเรามาดูสระว่ายน้ำกันค่ะ ซึ่งที่นี่มีทั้งหมด 3 สระค่ะ
สระแรกคือ Splash lagoon ค่ะ สระนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆมากค่ะ เหมาะสำหรับครอบครัว เพราะจะมี Jacuzzi สำหรับเด็กด้วยค่ะ
ขออนุญาตยืมรูปภาพนี้จากเว็บไซต์นะคะ
สระที่สองคือ Spirituality Lagoon ค่ะ เป็นสระที่มีขนาดใหญ่และลึกที่สุดของรีสอร์ทค่ะ
และสระสุดท้ายคือ Serenity Lagoon ซึ่ง จขกท.แอบมานั่งแช่น้ำชื่นใจอยู่ตรงนี้ค่ะ เป็นสระที่ จขกท. ชอบที่สุดเพราะเป็นส่วนตัวสงบ และมี Jacuzzi นวดตัวด้วยค่ะ แอบกระซิบว่าเหมาะสำหรับคู่รักมากๆ อิอิ
และหลังจากเราอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมออกไปที่ Walking Street ค่ะ มาพัทยาทั้งทีต้องขอออกไปสัมผัสแสงสีกันหน่อย เดี๋ยวจะเหมือนมาไม่ถึง โดยเราเลือกเดินทางโดยรถตู้ของโรงแรมค่ะ ซึ่งจะมีเป็นรอบตามภาพด้านล่างค่ะ รับส่งระหว่างรีสอร์ท - เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช ไป-กลับค่ะ
วันที่ 2
หลังจากนอนหลับสบายเต็มอิ่มแล้ว เดินไปที่ระเบียง สูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด แล้วไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร อิลิเม้นท์กันค่ะ ซึ่งสามารถเลือกนั่งได้ทั้งในห้องแอร์หรือสูดอากาศสดชื่นรับกลิ่นไอทะเลบริเวณเทเรสด้านนอก แน่นอนค่ะว่าดิชั้นเลือกที่จะนั่งด้านนอกสูดอากาศและรับไอแดดยามเช้า
เวลาเปิดให้บริการอาหารเช้า 06.00 น. - 10.30 น. จันทร์ - ศุกร์ / 06.00 น. - 11.00 น. เสาร์ - อาทิตย์
บริเวณเทเรสด้านนอก
และมาถึงบุฟเฟ่ต์อาหารเช้านานาชาติ ขอบอกว่าอลังการมาก อย่ารอช้ามาชมจากภาพกันเลยค่ะ
ถัดไปจากห้องอาหาร อิลิเม้นท์ จะเป็นทางขึ้นไป อัมบูรายา สปา เป็นสปาของรีสอร์ทที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รับรองในการให้บริการ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 21.00 น.
ขออนุญาตยืมรูปภาพรี้จากเว็บไซต์
ก่อนกลับเข้าห้องก็ขอเดินชิวๆ เก็บภาพและบรรยากาศรีสอร์ทอีกครั้ง
เรียกได้ว่าชาร์ทพลังไว้อย่างเต็มที่ ก่อนจะกลับสู่เมืองที่เร่งรีบ พร้อมลุยงานต่อค่ะ
จุดเด่น
- พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส บริการเป็นเลิศค่ะ
- เงียบสงบเป็นส่วนตัวเหมาะกับการพักผ่อน ใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและชาร์ทพลังแนะนำเลยค่ะ
- มีสระว่ายน้ำถึง 3 สระให้เราเลือกเล่นตามสบายค่ะ
- บรรยากาศโดยรวมดีมาก ร่มรื่น ต้นไม้เขียวชอุ่ม สามารถสูดลมหายใจได้เต็มปอด สดชื่นสุดๆ
จุดด้อย
- ส่วนใหญ่ทางเดินจะเป็นบันไดและเนินซะส่วนใหญ่ อาจไม่เหมาะสำหรับคนชราและคนพิการ
- น้ำทะเลของที่นี่ไม่สามารถเล่นได้ แต่มีสระว่ายน้ำถึง 3 สระค่ะ
เหมาะสำหรับครอบครัว คู่รัก และทุกๆท่านที่ต้องการพักผ่อน ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า แบบเงียบสงบและเป็นส่วนตัวสุดๆ กับการเดินทางเพียง 2 ชม จากกทม. จะทำให้คุณสัมผัสการพักผ่อนอย่างแท้จริง
ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ