***จุดประสงค์ของกระทู้นี้คือการเล่าประวัติของราชาเลือดมังกร Targaryen ผู้ปกครอง Seven Kingdoms ทุกๆสมัย ในมุมมองของผู้เขียน มิได้มีเจตนาลอก(Plagiarism)เพื่อผลประโยชน์แต่อย่างใด เป็นความชอบส่วนบุคคลโดยเล่าเรื่องผ่านมุมมองของผู้เขียน หากข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องของอภัย ณ ที่นี้ เนื้อเรื่องยึดตามหนังสือ The World of Ice and Fire และ Wiki ASOIAF เชิญรับชมได้เลยครับ
Reference and Notes: The World of Ice and Fire by Georger R.R. Martin, Elio M.Garcia Jr. and Linda Antonsson
All photos used in this content are credited underneath each photo

ต่อจาก http://ppantip.com/topic/33988391

หลังราชาหนุ่มรูปงาม Daeron I Targaryen ได้สิ้นชีวิตลงด้วยแผนชั่วของทาง Dorne น้องชายของเขาอย่าง Baelor ก็ได้ขึ้นครองราชย์ต่อเป็นราชาองค์ที่ 9 แห่ง Westeros --- Baelor I Targaryen ด้วยอายุเพียง 17 ปี

ผู้คนต่างขนานนามราชาองค์นี้ว่า Baelor the Blessed.........ผู้ได้รับพรจากพระเจ้า -- ราชาผู้ศรัทธาและเคร่งครัดในศาสนา Faith of Seven

                          cr.http://awoiaf.westeros.org/index.php/Baelor_I_Targaryen

Baelor ได้สั่งทำมงกุฎอันใหม่ขึ้นมาโดยนำดอกไม้หลากหลายชนิดมารวมกันเป็นมงกุฎดอกไม้อันงดงาม เก๋ไก๋แหวกแนวบรรพบุรุษที่แล้วๆมา
*** คหสต. ผมว่า Baelor แกเป็นราชาที่ Indy ที่สุดของ Targaryen ละ เดี๋ยวท่านจะได้เห็นวีรกรรมของเขา

เมื่อข่าวการลวงอดีตราชา Daeron ไปฆ่าได้มาถึง King's Landing พร้อมทหารของ Daeron ที่รอดมาได้อย่างทุลักทุเล ความโกรธกริ้วของคนในวังก็บังเกิดขึ้น ผู้คนรักราชาหนุ่มมากและคาดไม่ถึงว่า Dorne จะทำแบบนี้.......แล้วทีนี้ใครซวย?......ก็พวกเจ้าชาย/เจ้าหญิงที่ทาง Dorne ส่งมาไว้ที่ King's Landing เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีที่ Dorne มีต่อ Targaryenไง (ตัวประกันในทางอ้อม)

Viserys ผู้เป็น Hand วีนแตก ส่งเหล่าชนชั้นสูง Dorne ไปขังไว้ใต้ Red Keep ไม่เว้นแม้แต่ว่าที่ลูกสะใภ้เจ้าหญิงชาว Dorne (คู่หมั้นของลูกชาย Aegon Targaryen) *** ชื่อซ้ำมาอีกแล้ว

ราชา Baelor ผู้ศรัทธายึดมั่นในการให้อภัยและเมตตา พ่อพระจริงๆ แกจึงได้สั่งปล่อยเชลยชาว Dorne ทั้งหมดอย่างหน้าตาเฉยเพื่อส่งคืนให้ Dorne ทั้งๆที่ court ของราชาต่างไม่เห็นด้วยและพากันคัดค้านเพราะแค้นสุดๆ...แต่สุดท้าย King ก็ใหญ่สุด

เท่านั้นไม่พอ!!!! Baelor กลับไม่มีความเคียดแค้นต่อ Dorne แม้แต่น้อย....เขาให้อภัยคนฆ่าพี่ชายตัวเองด้วยซ้ำ!!!
"เราจะใช้โอกาสนี้เยียวยาความบาดหมางระหว่าง Dorne และ Targaryen" นี่คือคำสั่งของราชา............."โดยไม่ใช้แม้แต่อาวุธและกองกำลัง"
ท่าน Baelor ได้เลือกเดินทางสันติวิธี....อหิงสา.....ที่แม้แต่ Aegon I และ Daeron I ก็คาดไม่ถึง

                   Baelor เดินจาก King's Landing ไป Sunspear cr.https://www.pinterest.com/pin/314759461432007029/


Baelor the Blessed ได้นำขบวนเดินทางไปยัง Dorne ด้วยตัวเอง โดยเขาต้องการนำเจ้าชาย/เจ้าหญิงทั้งหมดกลับ Dorne เพื่อผูกมิตรอีกครั้ง แต่การเดินทางนี้ไม่ธรรมดานะครับ......ท่าน Baelor เดินเท้าเปล่า สวมเพียงชุดคลุมเก่าๆ......ตัวประกัน Dorne ผู้สูงส่งทั้งหลายก็ได้ขี่ม้าอย่างสบาย(คำสั่งราชา)ตามหลังราชาเป็นขบวน...นับถือจริงๆ

การเดินทางครั้งนี้ของ Baelor ได้เป็นที่จดจำของชาว Dorne ไปอีกนานแสนนาน ได้กลายเป็นตำนานและบทเพลงของชาว Dorne เลยทีเดียว

ระหว่างเดินทางผ่าน Stone Way --- Baelor ได้พบกับ Ser Wyls ผู้คุมขังญาติของเขาอย่าง Aemon the Dragonknight อัศวินผู้เก่งกาจที่พลาดท่าเมื่อเหตุการณ์ลวงฆ่า Daeron I แล้วถูกทาง Dorne จับตัวไว้ --- ถูกขังในกรงกลางแดดในสภาพเปลือยเปล่า กลางวันร้อนระอุ กลางคืนหนาวเหน็บ

เป็นคนธรรมดาคงทนไม่ไหวแล้วครับ......แต่นี่ Baelor ผู้เมตตานะ.... ท่านราชาขอร้องให้ Wyls ปล่อยตัว Dragonknight แต่ก็ไม่ยอม.... ราชาแกก็ไม่ว่าอะไร เพียงเดินไปท่องบทสวดให้พร Dragonknight แล้วบวกว่า "ฉันสัญญาเดี๋ยวจะกลับมาช่วย" แล้วก็เดินทางไป Sunspear ต่อไป
*** Dragonknight ถึงกับเงิบ....เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านักบุญสกปรกโสมมคนนี้คือราชาแล้วอยู่ดีๆก็มาบอกว่าเดี๋ยวมาช่วยเฉย

Dorne เป็นดินแดนทะเลทรายที่สภาพอากาศนั้นไม่ต้องพูดถึง
การเดินเท้าของ Baelor เป็นไปอย่างยากลำบาก --- เล่าว่า Baelor เกือบจะเสียชีวิตด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายราชา Baelor ก็ได้พบ Prince of Dorne สำเร็จ.....นับเป็น Miracle --- ปาฏิหารย์สมชื่อผู้ได้รับพรจากพระเจ้าโดยแท้

อีกหนึ่งปาฏิหารย์คือการเจรจากับทาง Dorne บรรลุผลอีกครั้ง โดยได้ข้อตกลงว่า Baelor จะยก Daeron(คนละคนกับอดีตราชา) ผู้เป็นหลานของ Hand Viserys (ลูกชาย Aegon ผู้เป็นลูกชาย Viserys อีกที) ให้แต่งงานกับ Princess Mariah Martell บุตรสาวคนโตของ Prince of Dorne เพื่อความปรองดอง
Mariah Martell cr.http://awoiaf.westeros.org/index.php/Mariah_Martell

Prince of Dorne ต้องการมอบเรืออย่างดีให้ Baelor ได้ใช้เดินทางกลับ King's Landing อย่างสบายๆ...แต่ก็ตามสไตล์แกครับ --- พระเจ้า Seven สั่งให้ฉันเดิน ฉันก็จะเดินทั้งไปและกลับ --- Prince of Dorne แกก็กังวล เพราะแกกลัวว่า Hand Viserys จะมอง Dorne ในทางลบอีกถ้า Baelor เกิดตายกลางทางขึ้นมา เขาจึงกำชับทหาร Dorne เป็นพิเศษว่าให้คอยดูแลราชาดีๆระหว่างเดินทาง

ราชาได้ทำตามสัญญา เขาแวะมาหา Dragonknight อีกครั้ง คราวนี้ Lord Wyls ยอม --- แต่ยังกวนอีกเพราะเขามอบเพียงกุญแจกรงให้ราชาแล้วให้ราชาไปไขกรงเอาเอง
กรงนี้มันธรรมดาซะที่ไหนครับ.....อยู่กลางบ่อที่เต็มไปด้วยงูพิษ ล้อมรอบกรงทุกด้าน

Dragonknight ได้แต่ขอร้องให้ราชากลับไปเถิด ทิ้งเขาไว้ที่นี่แหละ แต่ราชาเพียงกล่าวว่า "พระเจ้าจะคุ้มครองเราเอง" --- แล้วดิ่งลงไปยังบ่องูพิษ

cr.http://twoiafart.tumblr.com/post/101253548370/the-world-of-ice-and-fire-baelor-braving-the

Baelor ได้ถูกงูพิษฉกนับสิบแผล แต่ก็ยื่นกุญแจให้ Dragonknight ไขกรงออกมาได้สำเร็จ เขาได้แบกร่างราชาผู้หมดสติขึ้นมาจากหลุม แล้วเดินทางไปรักษาตัวที่ Storm's End เป็นการด่วน

ราชาใช้เวลาถึงครึ่งปีจึงจะเดินทางกลับ King's Landing ได้ โดยระหว่างที่ท่านรักษาตัว Hand Viserys ได้ปกครองบ้านเมืองอย่างดีเยี่ยม รักษามิตรภาพระหว่าง Dorne และ Targaryen ที่ราชาได้สร้างไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

การกลับมาครั้งนี้ของราชาไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่.......Baelor the Blessed ได้กลายเป็นผู้คลั่งศาสนาไปเสียแล้ว

ราชาได้ยกเลิกการแต่งงานของตนกับน้องสาว Daena Targaryen เพราะต้องการรักษาความบริสุทธิ์
เท่านั้นไม่พอราชาเกิดคิดอะไรแปลกๆ สั่งให้น้องสาว3คน แต่งขาวดำ แล้วจับขังไว้ใน Red Keep เพื่อให้พ้นจากเงื้อมือชายชั่ว รักษาความบริสุทธิ์เอาไว้
          cr.http://twoiafart.tumblr.com/post/101257348680/the-world-of-ice-and-fire-the-sisters-of-king


ผู้คนต่างเชื่อกันว่าการเดินทางสุดแสนทรหดได้กระทบจิตใจของราชาผู้นี้จนวิปริตไป
แล้วความไม่พอใจของประชาชนก็ได้กำเนิดขึ้นเมื่อราชาสั่งปิดซ่องโสเภณีทั้งหมดใน King's Landing พร้อมขับไล่ผู้หญิงหากินทั้งหมดออกให้ออกไปจากเมืองของตนเสีย

court และประชาชนต่างพยายามคัดค้านราชา แต่ Baelor ไม่สนใจ --- เอาแต่หมกมุ่นกับโปรเจ็คใหญ่ Great Sept of Baelor วัด Seven ที่ใหญ่และสง่างามที่สุดใน King's Landing พร้อมรูปปั้นของตัวราชาเองไว้ด้านหน้า --- แบบแปลนของวัดนี้ราชาบอกพระเจ้านิมิตให้เห็นในฝัน
*** Great Sept of Baelor ได้กลายเป็น HQ ของ Faith of Seven จนถึงปัจจุบัน --- [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สถานที่ที่ Cersi Lannister โดนจับขัง
cr.http://awoiaf.westeros.org/index.php/Great_Sept_of_Baelor

ในซีรี่ย์ cr.http://gameofthrones.wikia.com/wiki/Great_Sept_of_Baelor


ความคลั่งศาสนาของราชานับวันเริ่มส่งผลเสียต่ออาณาจักร คลังของราชสำนักแทบจะเกลี้ยงเมื่อราชาสั่งบริจาคอาหารให้คนจนทั่วแผ่นดิน ทำให้พวกเหรัญญิกเริ่มเห็นลางไม่ดี ยังไม่พอพี่แกเล่นจะสั่งให้ทั้ง Westeros เลิกใช้อีกาในการส่งสาส์นเพราะถือเป็นลางไม่ดี(สีดำ).....ให้ใช้นกพิราบขาวแทน --- เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปฝึกรวมถึงอีกานั้นฉลาดว่านกพิราบเยอะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อีกาก็คือ Children of Forest ที่ตายไปแล้วย้ายจิตไปสิงร่างแบบพวก Warg ex. Bran Stark ในการตัดสินใจต่างๆราชายึดมั่นในหลักศาสนามากกว่าเหตุและผล

อีกการกระทำที่ไม่น่าให้อภัยของ Baelor คือการเผาหนังสือ ทั้งหมดใน King's Landingทิ้ง ด้วยความเชื่อที่ว่าความรู้ทางทฤษฎีนั้นขัดแย้งกับหลักของศาสนา ราชาจึงได้สั่งเผาหนังสือจำนวนมาก ซึ่งหลายๆเล่มก็น่าจะมีประโยชน์ต่อลูกหลานในอนาคต
***โชคดีที่บันทึกของ Septon Barth ยังรอดเพราะ Baelor แกนับถืออดีต Hand สมัย Jaehaerys คนนี้มาก มิเช่นนั้นประวัติศาสตร์ของ Westeros จะไม่มีทางสมบูรณ์

ในช่วงท้ายของการครองราชย์ ราชา Baelor เลอะเลือนชนิดที่ว่าแต่งตั้งเด็กอายุ 8 ขวบจากไหนไม่รู้เป็น High Septon พระผู้ใหญ่แห่ง King's Landing เพราะเห็นแววว่าพระเจ้าประทานเด็กคนนี้มาให้ -- ทั้งๆที่เรื่องจริงเด็กท่องบทสวดง่ายๆไม่ได้ด้วยซ้ำ

สุดท้ายราชาได้ทำการอดอาหาร กินแค่ขนมปัง(พอให้หายหิว)และดื่มน้ำเพื่อพระเจ้าเป็นเวลา 40 วัน จนร่างกายอิดโรย
         cr.http://www.deviantart.com/tag/baelor

Baelor I Targaryen หรือ Baelor the Blessed ได้จากไปอย่างสงบในวันที่ 41 ของการอดอาหาร โดยราชาผู้คลั่งศาสนาได้ฟุบลงอยู่หน้ารูปปั้นของ Mother of Seven

Baelor ครองราชย์รวมทั้งสิ้น 10 ปี ไร้ซึ่งทายาทเพราะปฏิเสธที่จะมีสัมพันธ์กับภรรยาและน้องสาว Daena Targaryen

ลือกันว่า Hand Viserys เป็นผู้วางยาพิษราชา --- เพื่อปลดปล่อยอาณาจักรจากการปกครองอันเหลวแหลกนี้...........

แล้วพบกันใหม่ใน Viserys II Targaryen กับลูกชายผู้ไม่คู่ควรกับชื่อ "Aegon"