คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
เปลี่ยนเหมือนได้เกิดใหม่เลยคะ เพราะเราทำเพดานแต่เด็ก ซึ่งไม่มีคลินิกไหนรับทำให้คะ บ้างก็บอกให้ไปต่อคิวผ่าตัดกรามแถวอนุสาวรีย์ จนความดีส่งให้เรามีคนอุปถัมภ์ จัดฟันให้ แล้วเราก็ได้ไปเจอหมอ อยู่แถวรามอินทรา กม.5 คะ หมอใจเย็นมาก ใจดีมาก พิมพ์ฟันให้ฟรีหลายรอบมากๆ เพื่อให้เราใส่ที่ไขลานขยายเพดานได้ เพื่อให้ฟันสบกัน จะได้จัดได้ ใส่ช่วงอยู่ มหาลัยคะ เกือบ 2 ปี ถึงจะได้ติดเครื่องมือ จากที่สมัครงานไม่ได้ คือ เราค่อนข้างหน้าตาใช้ได้คะ ผิวพรรณดี แต่ยิ้มไม่ได้ ฟันห่าง สมัครงานตำแหน่งประชาสัมพันธ์ ไม่ได้ฟันไม่สวย ปัจจุบัน ฟันยังไม่เข้าที่เท่าไหร่ แต่ไม่ห่างแล้วจ้า เราต่อสู้กับสิ่งนี้มาก ขอบคุณสวรรค์ ที่ทำให้คนที่พิการทางเพดานปาก ได้จัดฟันในวันนี้ และมีงานดีๆ ทำ เป็นเซลล์คะ ติดอันดับท็อปคะ ขายเก่งคะ เพราะชีวิต เราเกิดมาต้องใช้ " ปาก " มีความสุขมากๆ จ้าในวันนี้ ^^
Miss Arthrone ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6097655 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5821271 ถูกใจ, sonten ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3666851 ถูกใจ, มะแข่น ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3031626 ถูกใจ, จะสวยให้โลกอิจฉา ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1613409 ถูกใจ, BONNY__P ถูกใจรวมถึงอีก 20 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
อยากจะเตือนด้วยความหวังดีนะคะ
การจัดฟันไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น คนที่จัดฟันจะต้องทรมานปวดฟันจากการที่หมอปรับเครื่องมือทุกๆเดือน หรือทุกๆสองอาทิตย์ (แล้วแต่กรณี) และระหว่างที่จัด หากจัดแบบติดเครื่องมือปกติจะมีอาหารบางอย่างที่ทานไม่ได้/ไม่ควรทาน เช่น หมากฝรั่ง น้ำแข็ง หรือถั่วและอาหารแข็งๆต่างๆ เพราะอาจไปติดอยู่ตามซอกของเครื่องมือ หรือทำให้เครื่องมือหลุดได้ (ถ้าหลุดต้องรีบไปพบหมอฟันเพื่อให้ติดกลับเข้าไป - บางที่คิดเงินเพิ่มนะคะ) หรือบางทีทานแล้วลำบาก เช่นวุ้นเส้น หรือถั่วงอก เพราะบางทีเราเคี้ยวไม่ระวัง มันไปพันกับลวดเหล็กดัดฟัน แต่กลืนลงไปบางส่วนแล้ว ส่วนทียังพันอยู่ เป็นเส้นๆ ค้างอยู่ที่คอค่ะ บอกเลยว่าทรมานมากจริงๆ
อีกอย่างที่คนที่คิดจะจัดฟันควรจะต้องรู้ล่วงหน้าก่อนตัดสินใจดัดฟันคือ เมื่อดัดฟันเสร็จแล้ว คุณหมอจะทำรีเทนเนอร์ให้หนึ่งชุด ซึงรีเทนเนอร์ตัวนี้ สำคัญกับเรามากๆนะคะ "ต้องใส่ตลอดชีวิต" โดยความถี่และจำนวนชั่วโมงที่ต้องใส่ต่อวันจะค่อยๆห่างขึ้น แต่อย่างไรก็ตามควรจะต้องใส่ทุกคืนตลอดไปค่ะ หากลืมใส่ฟันจะค่อยๆเคลื่อนกลับมาเป็นรูปแบบเดิมนะคะ (ถ้าระหว่างจัดฟันได้มีการกรอเนื้อฟันออก หรือถอนฟันก็จะไม่เหมือนเดิมมาก แต่จะใกล้ๆค่ะ)
ที่เขียนมา ไม่ใช่บอกว่าการจัดฟันไม่ดีนะคะ เราเองก็จัด และโดนจัด 2 ครั้งด้วย เป็นผลมาจากการไม่ใส่รีเทนเนอร์เนี่ยแหละค่ะ
ส่วนการจัดฟันเปลี่ยนรูปหน้าได้จริงรึเปล่า - จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว จริงค่ะ คือ อาจจะไม่ถึงขนาดเปลี่ยนหน้าไปเลยเหมือนการศัลยกรรมอื่นๆ แต่การจัดฟันมีผลกับช่วงล่างของใบหน้า คือ รูปปาก แนวฟัน และกราม ค่ะ ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับคุณหมอและความจำเป็น (เน้นว่าทางการแพทย์) ด้วยนะคะ - หรือถ้าเพื่อความสวยงาม ก็แจ้งคุณหมอไปค่ะ เค้าอาจจะพิจารณาทำให้ได้เท่าที่ไม่กระทบต่อสุขภาพ - ส่วนคนที่คิดจะจัดฟันเพื่อให้หน้าเรียว - ฉีดโบหรือผ่ากรามอาจจะง่ายและเร็วกว่าค่ะ
ที่สำคัญ คุยกับคุณหมอให้ดีๆ ก่อน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเลย คือ
(1) วิธีการจัดฟัน - เดี๋ยวนี้มีหลายรูปแบบมากตั้งแต่แบบเหล็กดัดที่เราคุ้นเคย จนถึงแบบใสที่ถอดได้ ข้อดีข้อเสียและราคาต่างกันออกไปค่ะ บางอย่างอาจเหมาะหรือไม่เหมาะกับเคสเรา
(2) ระยะเวลา - อันนี้ก็สำคัญนะคะ เพราะ หากใช้ระยะเวลานาน เราต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าด้วย เช่น หากเรากำลังจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือย้ายจังหวัด จะต้องมีการเตรียมการและปรึกษาคุณหมอไว้ก่อนตัดสินใจเลย หรือถ้าคุณหมอบอกว่าต้องใช้เวลาจัดฟัน 3-4 ปี ต้องรู้ว่าเราจะต้องมาพบคุณหมอทุกๆ เดือนนะ เราสามารถมั้ย ทำนองนี้
(3) ราคา - อันนี้ก็สำคัญค่ะ เพราะปกติเวลาจัดฟัน มันจะมีค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆ โผล่มาอีกเป็นระยะๆ เช่น ค่าฟิล์ม x-ray ค่ากรอฟัน ค่าพิมพ์ปาก หรือแม้กระทั่งค่าตรวจสุขภาพฟัน ที่จะต้องจ่ายบ่อยขึ้น เพราะ โอกาสที่ฟันจะผุได้ระหว่างการจัดฟันนั้นค่อนข้างสูงกว่าคนปกติทั่วไปค่ะ อย่าลืมถามคุณหมอนะคะว่าอะไรรวม/ไม่รวม แล้วต้องเตรียมค่าใช้จ่ายอีกประมาณเท่าไหร่
(4) ใจ - ตามที่เล่าไปข้างต้น จัดฟันนี่ต้องใช้ความอดทนมากนะคะ และความรับผิดชอบด้วย ต้องไปพบคุณหมอทุกๆเดือน ต้องหมั่นใส่รีเทนเนอร์ ต้องหมั่นแปรงฟันอย่างละเอียด
ทั้งหมดนี้ ขอแชร์ไว้เป็นข้อมูลให้กับคนที่คิดจะจัดฟันนะคะ ขอออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นหมอฟัน และไม่ได้มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการจัดฟันเท่าไหร่ เป็นเพียงคนไข้ที่เคยผ่านการจัดฟันมาแล้วสองครั้งในชีวิตเท่านั้นเองค่ะ
การจัดฟันไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น คนที่จัดฟันจะต้องทรมานปวดฟันจากการที่หมอปรับเครื่องมือทุกๆเดือน หรือทุกๆสองอาทิตย์ (แล้วแต่กรณี) และระหว่างที่จัด หากจัดแบบติดเครื่องมือปกติจะมีอาหารบางอย่างที่ทานไม่ได้/ไม่ควรทาน เช่น หมากฝรั่ง น้ำแข็ง หรือถั่วและอาหารแข็งๆต่างๆ เพราะอาจไปติดอยู่ตามซอกของเครื่องมือ หรือทำให้เครื่องมือหลุดได้ (ถ้าหลุดต้องรีบไปพบหมอฟันเพื่อให้ติดกลับเข้าไป - บางที่คิดเงินเพิ่มนะคะ) หรือบางทีทานแล้วลำบาก เช่นวุ้นเส้น หรือถั่วงอก เพราะบางทีเราเคี้ยวไม่ระวัง มันไปพันกับลวดเหล็กดัดฟัน แต่กลืนลงไปบางส่วนแล้ว ส่วนทียังพันอยู่ เป็นเส้นๆ ค้างอยู่ที่คอค่ะ บอกเลยว่าทรมานมากจริงๆ
อีกอย่างที่คนที่คิดจะจัดฟันควรจะต้องรู้ล่วงหน้าก่อนตัดสินใจดัดฟันคือ เมื่อดัดฟันเสร็จแล้ว คุณหมอจะทำรีเทนเนอร์ให้หนึ่งชุด ซึงรีเทนเนอร์ตัวนี้ สำคัญกับเรามากๆนะคะ "ต้องใส่ตลอดชีวิต" โดยความถี่และจำนวนชั่วโมงที่ต้องใส่ต่อวันจะค่อยๆห่างขึ้น แต่อย่างไรก็ตามควรจะต้องใส่ทุกคืนตลอดไปค่ะ หากลืมใส่ฟันจะค่อยๆเคลื่อนกลับมาเป็นรูปแบบเดิมนะคะ (ถ้าระหว่างจัดฟันได้มีการกรอเนื้อฟันออก หรือถอนฟันก็จะไม่เหมือนเดิมมาก แต่จะใกล้ๆค่ะ)
ที่เขียนมา ไม่ใช่บอกว่าการจัดฟันไม่ดีนะคะ เราเองก็จัด และโดนจัด 2 ครั้งด้วย เป็นผลมาจากการไม่ใส่รีเทนเนอร์เนี่ยแหละค่ะ
ส่วนการจัดฟันเปลี่ยนรูปหน้าได้จริงรึเปล่า - จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว จริงค่ะ คือ อาจจะไม่ถึงขนาดเปลี่ยนหน้าไปเลยเหมือนการศัลยกรรมอื่นๆ แต่การจัดฟันมีผลกับช่วงล่างของใบหน้า คือ รูปปาก แนวฟัน และกราม ค่ะ ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับคุณหมอและความจำเป็น (เน้นว่าทางการแพทย์) ด้วยนะคะ - หรือถ้าเพื่อความสวยงาม ก็แจ้งคุณหมอไปค่ะ เค้าอาจจะพิจารณาทำให้ได้เท่าที่ไม่กระทบต่อสุขภาพ - ส่วนคนที่คิดจะจัดฟันเพื่อให้หน้าเรียว - ฉีดโบหรือผ่ากรามอาจจะง่ายและเร็วกว่าค่ะ
ที่สำคัญ คุยกับคุณหมอให้ดีๆ ก่อน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเลย คือ
(1) วิธีการจัดฟัน - เดี๋ยวนี้มีหลายรูปแบบมากตั้งแต่แบบเหล็กดัดที่เราคุ้นเคย จนถึงแบบใสที่ถอดได้ ข้อดีข้อเสียและราคาต่างกันออกไปค่ะ บางอย่างอาจเหมาะหรือไม่เหมาะกับเคสเรา
(2) ระยะเวลา - อันนี้ก็สำคัญนะคะ เพราะ หากใช้ระยะเวลานาน เราต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าด้วย เช่น หากเรากำลังจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือย้ายจังหวัด จะต้องมีการเตรียมการและปรึกษาคุณหมอไว้ก่อนตัดสินใจเลย หรือถ้าคุณหมอบอกว่าต้องใช้เวลาจัดฟัน 3-4 ปี ต้องรู้ว่าเราจะต้องมาพบคุณหมอทุกๆ เดือนนะ เราสามารถมั้ย ทำนองนี้
(3) ราคา - อันนี้ก็สำคัญค่ะ เพราะปกติเวลาจัดฟัน มันจะมีค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆ โผล่มาอีกเป็นระยะๆ เช่น ค่าฟิล์ม x-ray ค่ากรอฟัน ค่าพิมพ์ปาก หรือแม้กระทั่งค่าตรวจสุขภาพฟัน ที่จะต้องจ่ายบ่อยขึ้น เพราะ โอกาสที่ฟันจะผุได้ระหว่างการจัดฟันนั้นค่อนข้างสูงกว่าคนปกติทั่วไปค่ะ อย่าลืมถามคุณหมอนะคะว่าอะไรรวม/ไม่รวม แล้วต้องเตรียมค่าใช้จ่ายอีกประมาณเท่าไหร่
(4) ใจ - ตามที่เล่าไปข้างต้น จัดฟันนี่ต้องใช้ความอดทนมากนะคะ และความรับผิดชอบด้วย ต้องไปพบคุณหมอทุกๆเดือน ต้องหมั่นใส่รีเทนเนอร์ ต้องหมั่นแปรงฟันอย่างละเอียด
ทั้งหมดนี้ ขอแชร์ไว้เป็นข้อมูลให้กับคนที่คิดจะจัดฟันนะคะ ขอออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นหมอฟัน และไม่ได้มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการจัดฟันเท่าไหร่ เป็นเพียงคนไข้ที่เคยผ่านการจัดฟันมาแล้วสองครั้งในชีวิตเท่านั้นเองค่ะ
Miss Arthrone ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5821271 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4718497 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2939804 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1252491 ถูกใจ, Green Arrow ถูกใจ, Nyah ถูกใจ, Le Penseur ถูกใจ, สหายยานแม่ ณ ดินแดนอันไกลโพ้น ถูกใจ, เหมียวน้อยกับท้องฟ้า ถูกใจรวมถึงอีก 29 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
คุณคิดว่า "จัดฟัน" เปลี่ยนชีวิตคุณแค่ไหนกัน
จึงอยากรู้ ถึงเพื่อนๆที่มีปัญหาฟันจริงๆ เช่น เหยิน ซ้อน เก ฟันห่าง จุดประสงค์หลักๆที่จัดเลยเพราะ เพิ่มความมั่นใจ อยากยิ้มสวย
จากที่เป็นคนขี้เขิน ขี้อาย ไม่กล้าถ่ายรูปลงเฟส (อันนี้เป็นกับเรา) ไม่บ้ากล้อง ถ่ายรูปไม่ขึ้น คนอื่นไม่รู้เป็นเหมือนเรามั้ย เราไม่ค่อยอัพรูปตัวเองลงโซเชียล จะเล่นก็แค่ติดตามข่าวสารชาวบ้านก็แค่นั้น มันรู้สึกชีวิตไม่สนุกเลย เบื่อและเซงมาก ทำงานก็ขาดๆเกินๆ ความมั่นใจในตัวเองไม่มาเลย มันเฟลมาก เสียบุคลิกไปด้วย
ที่บอกมาเรายังไม่ได้จัดฟันนะ แต่อนาคตปีสองปีข้างหน้าทำแน่นอน ถ้ามีเงินพรุ่งนี้เราเดินเข้าคลินิกไปอย่างไว
*** แล้วเพื่อนๆ พี่ๆ ล่ะคะ จัดฟันแล้วเปลี่ยนอะไรบ้าง เช่น รอยยิ้ม โครงหน้า ใบหน้า หรือความมั่นใจ ***