สวัสดีค่ะ เราเป็นสาวออฟฟิศธรรมดาทั่วๆไป จันทร์ถึงศุกร์ก็นั่งทำงานหน้าคอม เขียนโปรแกรมก๊อกๆแก๊กๆ พบปะผู้คนบางเป็นครั้งคราว เสาร์-อาทิตย์ ไม่ค่อยจะอยู่กับบ้านเฝ้ากับเรือนเท่าไร ร่างการต้องการออกไปเผชิญโลกภายนอกสม่ำเสมอ และอีกหนึ่งปัญหาให้กับชะนีหน้ามันมากกก กอ ไก่ ล้าน คือ
แป้งพัฟที่เหมาะกับสภาพผิวหน้ามันอย่างเรา
จริงๆ แล้วจากที่ จขกท. Survey และวิ่งเข้าวิ่งออกมาหลายกระทู้ในพันทิฟ และ จีบัน เพื่อค้นหาแป้งเทพที่จะช่วยให้เราออกไปเผชิญโลกภายนอกอย่างมั่นใจ ไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากิน คอยซับมันและโบกแป้ง ซึ่ง จขกท. เองก็ลองใช้แป้งพัฟมาหลายต่อหลายยี่ห้อ อย่างเช่น Mistine, Cutepress, Maybelline, L'oreal, etc. ภายใต้งบประมาณจำกัดในราคาไม่เกิน 500 บาท ตามบัดเจทที่ จขกท. ยอมรับและเซย์เยส!!
เอาล่ะ ต้องบอกว่า จขกท. ถือว่าเป็นหนูทดลองเรื่องแป้งพัฟสำหรับผิวมันมาสักพัก จนถึงตอนนี้ก็ได้มีผลิตภัณฑ์ 3 ตัวเลิฟๆที่ใช้เป็นประจำอยู่ ซึ่งต้องบอกว่าที่ใช้อยู่ก็ไม่ได้เป็นแป้งพัฟคุมมันในอุดมคติ เลิศเลอ เพอร์เฟค อะไรขนาดนั้น แต่ก็ทำให้ชิวิตดีขึ้นมากกกกกกค่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า จะให้โบะแป้งลงหนังหน้าตรงๆเลยนั้น ไม่แนะนำ และ จขกท. จะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด 555+ อย่างน้อยก็ต้องลงครีมกันแดด หรือ รองพื้นบางๆ ไว้สัก 1 สเตปนะคะ (จขกท.ใช้กันแดด ZA และ รองพื้น Revlon Photo Ready ค่ะ)
เรามาเริ่มการรีวิวแป้งพัฟสามตัวที่ จขกท. ใช้เป็นประจำอยู่กันเลยค่ะ
1. ZA Skin Beauty Face Powder เบอร์ 2
แบรนด์นี้เป็นสุดเลิฟของจขกท. เนื่องจากใช้ครีมกันแดดคุมมันตัวเทพมาตลอดหมดไปแล้วเป็นสิบๆ หลอด
ในช่วงแรกๆ จขกท. แต่งหน้าไม่เป็นเลย ไม่ทาแป้ง ไม่ทำอะไรกับชีวิตหนังหน้าเลยจริงๆ แต่ก็อยากเริ่มโบ๊ะแป้งกับเขาบ้าง เลยเริ่มมองหาแป้งอัดแข็งมาลองใช้ดูก่อน ซึ่งก็เห็นเจ้าแป้งอัดแข็ง ZA ตัวนี้อยู่แถวๆ กันแดดนั่นละคะ ก็เลยลองซื้อมาใช้จนปัจจุบัน
ระยะเวลาที่ใช้ผลิตภัณฑ์ มากกว่า 2 ปี
ราคาต่อตลับ ประมาณ 300 – 350 บาท
ความรู้สึกหลังจากใช้ ไม่ถือว่าเป็นแป้งคุมมันนะ ไว้สำหรับลุคเบาๆ สบายๆ ช่วยให้ผิวหน้าเนียนเหมือนโบ๊ะแป้ง คิดว่าตัวที่ช่วยคุมมันคือกันแดดและรองพื้นค่ะ โบ๊ะไปไม่เกินครึ่งวัน ความมันก็ออกมาวิ่งเล่นบนผิวหน้าแล้วค่ะ
2. CEZANNE UV FOUNDATION EX PLUS เบอร์ EX4
แป้งพัฟแบรนด์ดังที่จขกท.วิ่งเข้าไปดูกระทู้ไหนๆ ก็ต้องเห็นชาวเน็ตมาแนะนำในคุมสมบัติเรื่องคุมมันว่าค่อนข้างโอเค ก็เป็นไปตามคาดที่เราจะสอยมาใช้อยู่แล้วจ้า
ระยะเวลาที่ใช้ผลิตภัณฑ์ ไม่ถึง 1 ปี
ราคาต่อตลับ ขายในไทย ประมาณ 400 บาท ที่ญี่ปุ่นถูกกว่าเยอะ
ความรู้สึกหลังจากใช้ จากที่ชาวเน็ตเคลมไว้เรื่องคุมมันนั้น ก็โอเคนะ ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่ก็ไม่ได้อยู่ยาวถึงพระอาทิตย์ตกดิน เริ่มโบ๊ะแป้งประมาณ 7 โมงเช้า สักบ่ายสอง หน้าก็เริ่มดรอป มีมันบ้าง แต่ก็พอรับได้นะ ยังไงก็ซื้อมาใช้ต่อค่ะ
3. Adella UV Foundation spf 20 เบอร์ 3
ถือว่าเป็นแป้งพัฟโนเนมที่ จขกท. ก็ไม่รู้จักแต่แรก เพิ่งมารู้ทีหลังว่าขายตามเน็ต เห็นมีคนรีวิวเยอะแยะ แต่จริงๆ จขกท. ก็ไม่ได้เชื่อรีวงรีวิวอะไรกะแป้งมากนัก ตัวผลิตภัณฑ์เคลมไว้ว่า เนื้อแป้งจากญี่ปุ่น ผสมรองพื้นช่วยปดปิดริ้วรอย จุดด่างดำ คุมมัน กันน้ำ ก็ว่ากันไป
ระยะเวลาที่ใช้ผลิตภัณฑ์ ไม่ถึง 1 ปี
ราคาต่อตลับ 490 บาท
ความรู้สึกหลังจากใช้ ที่มาที่ไปก็เกิดจากพอดีเห็นน้องสาวใช้อยู่ และเผอิญมีวันนึงไม่ได้พกแป้งมา เลยยืมน้องใช้ดู ลองโบ๊ะๆไปก็เนียนดีนะ สำหรับเรามันโอเคพอๆกับ Cezanne ที่ใช้เลย แต่เราให้แต้มบวกนิดนึงตรงที่หน้าดรอบช้าและปกปิดจุดด่างดำดีกว่า Cezanne มาหน่อยนึง ตอนนี้ใช้อยู่เป็นตลับที่สองแล้วจ้า
โดยสรุปคือ ทั้ง Cezanne กับ Adella นั้น จขกท. ก็สลับกันใช้ในวันทำงานหรือวันที่ต้องการความเป๊ะสำหรับชีวิตหนังหน้านิดนึง ส่วนวันหยุดพักผ่อนที่ต้องการลุคเบาๆใสๆ จขกท.ก็จะใช้ ZA ค่ะ
[CR] กระทู้บอกเล่าว่าด้วยเรื่อง..แป้งพัฟประจำวันของสาวชะนีหน้ามัน จากแบรนด์ Cezanne, Adella และ ZA
จริงๆ แล้วจากที่ จขกท. Survey และวิ่งเข้าวิ่งออกมาหลายกระทู้ในพันทิฟ และ จีบัน เพื่อค้นหาแป้งเทพที่จะช่วยให้เราออกไปเผชิญโลกภายนอกอย่างมั่นใจ ไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากิน คอยซับมันและโบกแป้ง ซึ่ง จขกท. เองก็ลองใช้แป้งพัฟมาหลายต่อหลายยี่ห้อ อย่างเช่น Mistine, Cutepress, Maybelline, L'oreal, etc. ภายใต้งบประมาณจำกัดในราคาไม่เกิน 500 บาท ตามบัดเจทที่ จขกท. ยอมรับและเซย์เยส!!
เอาล่ะ ต้องบอกว่า จขกท. ถือว่าเป็นหนูทดลองเรื่องแป้งพัฟสำหรับผิวมันมาสักพัก จนถึงตอนนี้ก็ได้มีผลิตภัณฑ์ 3 ตัวเลิฟๆที่ใช้เป็นประจำอยู่ ซึ่งต้องบอกว่าที่ใช้อยู่ก็ไม่ได้เป็นแป้งพัฟคุมมันในอุดมคติ เลิศเลอ เพอร์เฟค อะไรขนาดนั้น แต่ก็ทำให้ชิวิตดีขึ้นมากกกกกกค่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า จะให้โบะแป้งลงหนังหน้าตรงๆเลยนั้น ไม่แนะนำ และ จขกท. จะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด 555+ อย่างน้อยก็ต้องลงครีมกันแดด หรือ รองพื้นบางๆ ไว้สัก 1 สเตปนะคะ (จขกท.ใช้กันแดด ZA และ รองพื้น Revlon Photo Ready ค่ะ)
เรามาเริ่มการรีวิวแป้งพัฟสามตัวที่ จขกท. ใช้เป็นประจำอยู่กันเลยค่ะ
1. ZA Skin Beauty Face Powder เบอร์ 2
แบรนด์นี้เป็นสุดเลิฟของจขกท. เนื่องจากใช้ครีมกันแดดคุมมันตัวเทพมาตลอดหมดไปแล้วเป็นสิบๆ หลอด
ในช่วงแรกๆ จขกท. แต่งหน้าไม่เป็นเลย ไม่ทาแป้ง ไม่ทำอะไรกับชีวิตหนังหน้าเลยจริงๆ แต่ก็อยากเริ่มโบ๊ะแป้งกับเขาบ้าง เลยเริ่มมองหาแป้งอัดแข็งมาลองใช้ดูก่อน ซึ่งก็เห็นเจ้าแป้งอัดแข็ง ZA ตัวนี้อยู่แถวๆ กันแดดนั่นละคะ ก็เลยลองซื้อมาใช้จนปัจจุบัน
ระยะเวลาที่ใช้ผลิตภัณฑ์ มากกว่า 2 ปี
ราคาต่อตลับ ประมาณ 300 – 350 บาท
ความรู้สึกหลังจากใช้ ไม่ถือว่าเป็นแป้งคุมมันนะ ไว้สำหรับลุคเบาๆ สบายๆ ช่วยให้ผิวหน้าเนียนเหมือนโบ๊ะแป้ง คิดว่าตัวที่ช่วยคุมมันคือกันแดดและรองพื้นค่ะ โบ๊ะไปไม่เกินครึ่งวัน ความมันก็ออกมาวิ่งเล่นบนผิวหน้าแล้วค่ะ
2. CEZANNE UV FOUNDATION EX PLUS เบอร์ EX4
แป้งพัฟแบรนด์ดังที่จขกท.วิ่งเข้าไปดูกระทู้ไหนๆ ก็ต้องเห็นชาวเน็ตมาแนะนำในคุมสมบัติเรื่องคุมมันว่าค่อนข้างโอเค ก็เป็นไปตามคาดที่เราจะสอยมาใช้อยู่แล้วจ้า
ระยะเวลาที่ใช้ผลิตภัณฑ์ ไม่ถึง 1 ปี
ราคาต่อตลับ ขายในไทย ประมาณ 400 บาท ที่ญี่ปุ่นถูกกว่าเยอะ
ความรู้สึกหลังจากใช้ จากที่ชาวเน็ตเคลมไว้เรื่องคุมมันนั้น ก็โอเคนะ ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่ก็ไม่ได้อยู่ยาวถึงพระอาทิตย์ตกดิน เริ่มโบ๊ะแป้งประมาณ 7 โมงเช้า สักบ่ายสอง หน้าก็เริ่มดรอป มีมันบ้าง แต่ก็พอรับได้นะ ยังไงก็ซื้อมาใช้ต่อค่ะ
3. Adella UV Foundation spf 20 เบอร์ 3
ถือว่าเป็นแป้งพัฟโนเนมที่ จขกท. ก็ไม่รู้จักแต่แรก เพิ่งมารู้ทีหลังว่าขายตามเน็ต เห็นมีคนรีวิวเยอะแยะ แต่จริงๆ จขกท. ก็ไม่ได้เชื่อรีวงรีวิวอะไรกะแป้งมากนัก ตัวผลิตภัณฑ์เคลมไว้ว่า เนื้อแป้งจากญี่ปุ่น ผสมรองพื้นช่วยปดปิดริ้วรอย จุดด่างดำ คุมมัน กันน้ำ ก็ว่ากันไป
ระยะเวลาที่ใช้ผลิตภัณฑ์ ไม่ถึง 1 ปี
ราคาต่อตลับ 490 บาท
ความรู้สึกหลังจากใช้ ที่มาที่ไปก็เกิดจากพอดีเห็นน้องสาวใช้อยู่ และเผอิญมีวันนึงไม่ได้พกแป้งมา เลยยืมน้องใช้ดู ลองโบ๊ะๆไปก็เนียนดีนะ สำหรับเรามันโอเคพอๆกับ Cezanne ที่ใช้เลย แต่เราให้แต้มบวกนิดนึงตรงที่หน้าดรอบช้าและปกปิดจุดด่างดำดีกว่า Cezanne มาหน่อยนึง ตอนนี้ใช้อยู่เป็นตลับที่สองแล้วจ้า
โดยสรุปคือ ทั้ง Cezanne กับ Adella นั้น จขกท. ก็สลับกันใช้ในวันทำงานหรือวันที่ต้องการความเป๊ะสำหรับชีวิตหนังหน้านิดนึง ส่วนวันหยุดพักผ่อนที่ต้องการลุคเบาๆใสๆ จขกท.ก็จะใช้ ZA ค่ะ